โฆษกศธ.ย้ำ บทลงโทษนักเรียนมี 4 สถานเท่านั้น กำชับครูห้ามใช้ความรุนแรงเด็ดขาด

30 ม.ค.2567- นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากข่าวที่ครูลงโทษเด็กด้วยวิธีใช้เข็มกลัดทิ่มริมฝีปากเด็ก ป.2 ยกห้องจนได้รับบาดเจ็บเลือดออกนั้น กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนทางวินัย และมีการดำเนินคดีทางอาญาควบคู่กันไปด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ได้มีข้อห่วงใยในประเด็นนี้อย่างมาก ทั้งนี้ ศธ. มีกฎระเบียบการลงโทษนักเรียนอย่างชัดเจนอยู่แล้ว จากระเบียบและกฎกระทรวงศึกษาธิการ 3 ฉบับ เกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา และการกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2548 และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในปี 2562 โดยสาระสำคัญคือนักเรียนต้องไม่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เช่น หนีเรียน เล่นการพนัน พกพาอาวุธ เสพสิ่งมึนเมาหรือยาเสพติด ลักทรัพย์ ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น พฤติกรรมทางชู้สาวอันไม่เหมาะสม ค้าประเวณี เที่ยวเตร่ มั่วสุมอันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น เป็นต้น ส่วนการลงโทษนักเรียนที่กระทําความผิด ทำได้ 4 สถานเท่านั้น คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทําทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และทํากิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

“ศธ.ขอยืนยันว่า เราไม่เห็น​ด้วยกับการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง ห้ามลงโทษด้วยความโกรธ หรือใช้วิธีแปลกไปจากระเบียบโดยเด็ดขาด ซึ่งการลงโทษต้องคำนึงถึงอายุและความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบด้วย ทั้งนี้การกำหนดให้มีบทลงโทษนั้น เป็นไปด้วยเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติไม่ดี ให้รู้สำนึกในความผิด และกลับมาประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) ที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันต่อสหประชาชาติด้วย” โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว

นอกจากกรณีที่เป็นข่าวนี้แล้ว อาจจะยังมีครูที่ลงโทษนักเรียนด้วยวิธีที่นอกเหนือจากระเบียบกระทรวงอยู่ จึงขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ศธ.ไม่ยอมรับการกระทำรุนแรงต่อกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นฝ่ายครูหรือนักเรียนก็ตาม ตลอดจนฝากผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา และครู เข้มงวดเรื่องการลงโทษนักเรียนให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงอย่างเคร่งครัดด้วย ทุกคนต้องช่วยกันสร้างสถานศึกษาให้เป็นที่ปลอดภัย บ่มเพาะเยาวชนทั้งด้านวิชาการและคุณธรรมจริยธรรม ประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน และต้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลงโทษเด็กด้วยวิธีรุนแรงอย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นอีก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘สิริพงศ์’ เชิญชวนโรงเรียน-ผู้ปกครอง พาเยาวชน ร่วมชมการประกวดวงโยธวาทิตโลก ชิงถ้วยพระราชทานฯ

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะคนศ

ศธ. แจงชัดหลังออกแนวทางหักหนี้ครูทั่วประเทศ สวัสดิภาพครูตอนแก่ เงินเหลือแน่ ๆ “เพิ่มพูน” คอนเฟิร์ม

13 กุมภาพันธ์ 2567 – นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการนำเสนอหัวข้อข่าว เรื่องการหักเงินบำเหน็จบำนาญแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยอาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับการหักหนี้จากเงินบำนาญ และเกรงว่าจะไม่มีเงินเหลือใช้หลังเกษียณนั้น

ส.ส.ภูมิใจไทย ขอบคุณศาลปกครอง ที่ตัดสินให้ชนะคดี รถไฟฟ้าสายสีเขียว

ส.ส.ภูมิใจไทย ขอบคุณศาลปกครอง ที่ตัดสินให้ชนะคดี รถไฟฟ้าสายสีเขียว กรณี ผู้ว่า กทม. ประกาศกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 65 บาท

ส.ส.ภูมิใจไทย จี้ สภา กทม.รื้อสัญญารถไฟฟ้า สายสีเขียว ในอดีต ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน ควรนำมาทบทวนใหม่ ในคราวเดียวกัน จี้ นักเมือง หาเสียง 20,25,30,35 บาทตลอดสาย ออกมารับผิดชอบด้วย

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า หากกทม.เห็นว่าการให้ กทม. จ่ายหนี้สินในส่วนต่อขยายที่ 2 นั้นไม่เป็นธรรม เพราะหากทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน ก็จะสามารถหารายได้เชิงพานิชย์จากสถานีต่างๆมาลดภาระ ของกทม.และผู้โดยสาร ส่วนประเด็นเรื่องการเก็บอัตราค่าโดยส่วนต่อขยาย 2 นั้น