เที่ยวงาน 'กรุงเทพ ดีต่อใจ' เติมพลังสุขภาพกาย-ใจ ต้อนรับปีใหม่

เริ่มต้นอาทิตย์แรกของปี พ.ศ. 2567 ด้วยงานเทศกาล “กรุงเทพ ดีต่อใจ” ปีที่ 2 โดยทางศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน และเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน นำโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และวันแบงค็อก เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในกทม. และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนเมืองทุกเพศทุกวัย ที่สนับสนุนการใช้ชีวิต

เทศกาลกรุงเทพ ดีต่อใจ เป็นการเชื่อม เมือง-สวน-ป่า-น้ำ กับ เยาวชน-ชุมชน และคนกรุงเทพฯ ให้มาใช้ชีวิตบนพื้นที่สาธารณะ ณ สวนเบญจกิติ และ สวนลุมพินี ผู้มาร่วมงานจะได้เพลิดเพลินกายใจไปกับ 12 กิจกรรม ตั้งแต่วันนี้-7มกราคม 2567 ณ สวนเบญจกิติ และสวนลุมพินี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

สุรพล อุทินทุ  ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า สำหรับงานกรุงเทพ ดีต่อใจ ในปีนี้ นับว่าเป็นการร่วมมือกันของหลายภาคส่วน เพื่อมอบสุขแรกให้กับคนกรุงเทพฯ ได้มาใช้ชีวิต และทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเราจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากได้รับเสียงตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างดี ซึ่งในปีนี้ยังมีกิจกรรมดีๆ และยังเพิ่มกิจกรรมไฮไลต์อีกมากมาย ให้คนกรุงเทพ มีสุขภาพกาย และใจที่ดี และใช้ชีวิตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของศูนย์สิริกิติ์ฯ  ในการเป็นมากกว่าศูนย์การประชุม  และเป็นพื้นที่เชื่อมต่อพื้นที่สาธารณะอย่างสวนเบญจกิติ เพื่อให้ประชาชน และชุมชนโดยรอบได้เข้ามาใช้ชีวิตในแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์

โดยภายในงานเทศกาลกรุงเทพ ดีต่อใจ ประกอบด้วย 5 โซนหลัก ได้แก่ โซน A : ลาน Playground จะมีตลาดมีสุข ฟาร์มมาร์เก็ต ดนตรีดีต่อใจ, โซน B : SX Repartment Store จุดรวมทิ้ง รวมแบ่งปัน, โซน C : ลานกิจกรรม ฟังเสียงธรรมยามเช้า ต่อด้วย SX Talk Series: Better Me สนุกกับการระบายสีกลางสวน และเล่านิทานกลางสวน, โซน D : Yoga in the Park and Sound Bath  และโซน E : ลานต้นจามจุรี (Lake side) มีสุข ฟาร์มมาร์เก็ต Kids Climbing Chess Kids Club จุดนัดพบที่ Nature Journey Workshop by NSM

สำหรับวันแรกเริ่มต้นด้วยกิจกรรมต้อนรับปีใหม่ ทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถือเป็นมงคลสำหรับเริ่มทำงานและเรียนในอาทิตย์ของปี  หลังจากอิ่มบุญอิ่มใจแล้ว ก็เสริมพลังให้กับร่างกายยามเช้าด้วยกิจกรรม Yoga in the Park and Sound Bath ซึ่งเป็นการเล่นโยคะในสวนเบญจกิติภายใต้ร่มเง่าจากต้นไม้อันเขียวขจีภายในสวน เหมาะสำหรับคนเมืองที่ชีวิตเร่งรีบ และต้องการบำบัด ออฟฟิศซินโดรม และปรับสมดุล โดยจะมีครูสอนโยคะเป็นผู้นำแต่ละท่าไปอย่างช้าๆ หลังจากทำโยคะ 1 ชั่วโมงเสร็จเรียบร้อย มาผ่อนคลายสบายๆกับ คลื่นเสียงบำบัด Sound Bath Therapy  รับพลังงานบวกพาร่างกาย และจิตใจ มาสัมผัสศาสตร์ที่มีมาแต่โบราณ เพื่อกายใจที่สงบสบาย และผ่อนคลายในระดับลึก โดยกิจกรรมนี้จะจัด 2 ช่วงเวลา คือช่วงเช้า 08.00-09.30 น. และช่วงเย็น 16.00-17.30 น. ตั้งแต่วันนี้-6 ม.ค.2567

ช่วงบ่ายๆ แวะมาเดิน โซน B ซึ่งโซนนี้ก็จะมีการขายของฝีมือ งานหัตถกรรม สินค้าแปรรูปต่างๆ และยังมีการจำหน่ายเสื้อผ้ามือสองที่ได้รับบริจาคมาจำหน่ายที่บูธ SX Repartment Store มีทั้งเสื้อแฟชั่น กางเกงยีนส์ ตุ๊กตา แก้วน้ำ ฯลฯ ในราคาที่ย่อมเยาเริ่มที่ตัวละ 10 บาท โดยรายได้จะโอนเข้ายังมูลนิธิชัยพัฒนาและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง

ถัดมาที่โซน A ซึ่งอยู่ตรงด้านหน้าทางเข้าสวนเบญจกิติเลย จะเจอกับตลาดมีสุข ฟาร์มมาร์เก็ต ตลาดจะเริ่มเปิดเวลา 14.00 น. ที่รวมเอาร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ของทานเล่น และเครื่องดื่มๆ ในกรุงเทพฯ มารวมไว้กว่า 20 ร้าน มาไว้ที่นี้ ทั้งสลัดโรล, ครัวจิตตานันท์ ก๋วยเตี๋ยวหลอด, ละมุนใจ น้ำผักผลไม้ออแกร์นิกเพื่อสุขภาพ, จันทนาปลาส้ม, บ้านขนมแม่สารภี, ลุงพุด ไข่เค็มกับน้ำพริก, ข้าวแช่โบราณป้าเฉลียว, พี่บ่าว ขนมจีน ข้าวยำปักษ์ใต้ และแม่เสงี่ยมไส้กรอกอีสาน เป็นต้น

ซึ่งเมนูน่าลองในตลาดมีสุข ฟาร์มมาร์เก็ต ที่เห็นแล้วแปลกตาน่าเข้าไปลิ้มรส คือ ไอดินไอศกรีมข้าว จากกลุ่มวิสาหกิจธนาคารต้นไม้ชุมชนน้ำใสดอกไม้สวย เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ  อรษา งามนิยม ประธานกลุ่มวิสาหกิจธนาคารต้นไม้ชุมชนน้ำใสดอกไม้สวย ได้เล่าให้ฟังว่า ในเขตคลองสามวา ชาวบ้านนพื้นที่จะมีการทำนาอยู่แล้ว ซึ่งมีช่วงที่ชาวนาต้องพบกับวิกฤตข้าวราคาตกต่ำมาก จึงได้หาทางออกในการเพิ่มมูลค่าให้กับข้าว โดยไม่ต้องขายเพียงแค่ข้าวเปลือกอย่างเดียว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราเห็นในชุมชนคือ การสั่งไอศกรีมในงานเลี้ยง งานบุญต่างๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่นักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ได้ลงพื้นที่มาช่วยพัฒนาสูตรเป็นไอศกรีมข้าว โดยใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล และใช้ความเหนียวของน้ำข้าว เป็นตัวแทนสาร S/E สำหรับทำไอศกรีม เมื่อลองได้สัมผัสรสชาติของไอศกรีมข้าวทั้ง 3 รส ได้แก่ รสข้าวสังข์หยด รสข้าวไรซ์เบอร์รี่ รสข้าวเหนียวลืมผัว จากท็อปด้วยข้าวแต๋น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และงา ซึ่งพอได้ชิมแล้วแต่ละรสจะมีเอกลักษณ์ของกลิ่น เนื้อสัมผัส ที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นไอศกรีมแต่ก็ยังได้กลิ่นอายของข้าวที่ชัดเจน  

หากใครเป็นคนที่รักสุขภาพแต่ก็ต้องการความแซ่บด้วย ต้องเปิดใจให้ร้านป๋าอาจ ยำแหนมข้าวไรซ์เบอรี่  โดยเมนูนี้มีความแตกต่างตั้งแต่โดยวัตถุดิบการยำนอกจากข้าวไรซ์เบอรรี่แล้ว ยังได้เพิ่มมะพร้าม คลุกเคล้ากับเครื่องยำสุดแซ่บ ทำให้เวลาทานจะได้ความหอมอ่อนๆ และรสชาติหวานของเนื้อมะพร้าวที่ทานรวมกันได้อย่างลงตัว

หามุมเหมาะจับจองที่นั่งทานอาหารและฟังการบรรเลงเพลงเพราะๆ จากวง วง Bangkok String Ensemble และวง Bangkok Woodwind Quintet โยกตัวช้าๆไปตามจังหวะดนตรี ปล่อยใจไปกับสายลมที่พัดผ่านเข้ามา และหอบความสุขกลับบ้านไปพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ล้าลับขอบฟ้าของวันนี้

 ในวันนี้ (6 ม.ค. 67) ความสนุกยังคงจัดเต็มตลอดทั้งวันตั้งแต่ 08.00-09.00 น. กิจกรรม Yoga in the Park and Sound Bath, 10.00-12.00 น. และ 14.00-16.00 น. พบกับกิจกรรมสำหรับเด็กๆ อย่าง Kids Climbing Chess Kids Club, 15.30-17.30 น. ศึกษาธรรมชาติกับกิจกรรม Nature Journey Workshop by NSM และเดินศึกษาธรรมชาติในสวนเบญจกิติไปถึงสวนลุมพินี, 16.00-17.00 น. พูดคุยแลกเปลี่ยนในเวทีเสวนา SX Talk Series: Better Me หัวข้อ การดูแลผิวและสุขภาพสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกาย ต่อด้วยกิจกรรมโยคะ 14.00-19.30 น. เดินกินเล่นในตลาดมีสุข มาร์มมาร์เก็ต และฟังดนตรีดีต่อใจ

ส่วนในกิจกรรมของวันสุดท้ายที่ 7 ม.ค. จะไม่มีกิจกรรมโยคะ แต่มารับฟังธรรมะได้ตั้งแต่เช้าเวลา  08.00-09.30น. บรรยายธรรมโดย พระเมธีวชิโรดม (ท่านว.วชิรเมธี) ต่อด้วย 09.30-11.00 น. พบกับเวทีเสวนา SX Talk Series: Better Me ในหัวข้อ ดูแลสุขภาพ(หัว)ใจ และกิจกรรมอื่นๆ ที่อัดแน่นเหมือนเดิมตลอดทั้งวัน

สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรม กรุงเทพ ดีต่อใจ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้-7 มกราคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00-19.30 น. (แต่ละช่วงเวลาจะมีกิจกรรมต่างๆ) ที่สวนเบญจกิติ และสวนลุมพินี  ติดตามข้อมูลและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/bangkokbestival