ผ่านมาหลายรัฐบาล แต่ต้องยอมรับว่าการปฎิรูปการศึกษาไทย ยังไปไม่ถึงไหน และทำท่าเหมือนจะหยุดนิ่ง แม้ล่าสุดจะมีผลการสอบ PISA ที่คะแนนของเด็กไทยต่ำลงทุกวิชา เป็นสัญญาณปลุกเร้า ให้ต้องรีบแก้ไขคุณภาพการศึกษาอย่างเร่งด่วน
ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ ได้มีการการเสวนาหัวข้อ “นโยบายปฏิรูปการศึกษา จากกระทรวงสู่ห้องเรียน” ในงานเปิดตัว www.Thailandleadership.org เว็บไซต์พัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของ “ผอ.โรงเรียน”ในฐานะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็น“กล่องดำทางการศึกษา” ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้ประสบกับปัญหาการปรับตัวเพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในโรงเรียนที่มีบริบทต่างกัน และความซับซ้อนของงานที่ต้องทำหน้าที่ทั้งการเป็นครู และการเป็นผู้บริหารโรงเรียน
รศ.ดร.ธีรภัทร กุโลภาส อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการเสวนาหัวข้อดังกล่าวว่า ปัญหากล่องดำทางการศึกษาเกิดจาก 2 เรื่องสำคัญ คือ 1) ผู้บริหารการศึกษาเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งผู้บริหารคนเดียวกัน เมื่อย้ายไปโรงเรียนที่มีบริบทที่แตกต่างกัน จะต้องปรับตัวเองค่อนข้างมากเพื่อให้เข้ากับบริบทนั้น เนื่องจากทฤษฎีภาวะผู้นำต่างๆ ซึ่งถูกนำมาใช้ในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา เป็นทฤษฎีซึ่งมีรากฐานจากทฤษฎีเชิงสถานการณ์ หมายความว่าผู้บริหารงานจะทำงานได้สำเร็จมากน้อยเพียงใด จะมาจากสถานการณ์หรือบริบทของแต่ละคน ที่จะต้องไปบริหารจัดการให้ประสบความสำเร็จ
2) เกิดจากความซับซ้อนของงาน จากเดิมที่เคยทำหน้าที่ครู ดูแลห้องเรียน ซึ่งถือเป็นงานที่ยากและท้าทาย เมื่อขึ้นมาเป็นผู้บริหารยังมีงานต่างๆ ที่ยากและท้าทายอีกมากมาย โดยเฉพาะการบริหารบุคคล หากมีจำนวนครูมากปัญหาจะมากขึ้น รวมถึงปัญหาอื่นๆ ในโรงเรียนที่ต้องแก้ไข อาทิ ปัญหางบประมาณ การรับมือกับผู้ปกครอง ความต้องการของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังจะต้องหาเวลาในการพัฒนาตนเอง พัฒนาครู และพัฒนาคุณภาพการศึกษา ปัญหาความซับซ้อนเหล่านี้ ถือเป็นกล่องดำที่ผู้บริหารแต่ละคน จะต้องบริหารจัดการเพื่อให้การทำงานประสบความสำเร็จ
รศ.ดร.ธีรภัทร มองว่าแนวทางการแก้ไขปัญหา คือทางกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนนโยบาย ที่จะทำให้ผู้บริหารมีภาวะผู้นำทางวิชาการเป็นจริงขึ้นมา โดยเริ่มต้นจากระบบการคัดเลือกต้องตอบโจทย์ตั้งแต่ต้น ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ หลายคนมีความเห็นพ้องเรื่องนี้ และพยายามขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนนโยบายการคัดเลือกผู้บริหาร รวมทั้งให้สอดคล้องกับการเลื่อนวิทยฐานะด้วย
“ที่ผ่านมาเกณฑ์การคัดเลือกจะอนุญาตให้ครูที่ไม่มีวิทยฐานะเข้ามาเป็นผู้บริหารได้ แต่มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารตามเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะแบบใหม่ (วPA) กำหนดให้ผู้ที่จัดเป็นผู้บริหารต้องมีวิทยฐานะครูชำนาญการขึ้นไป และหวังว่าในอนาคตจะผลักดันคุณสมบัตินี้ให้เข้มข้น หมายความว่าเราอยากจะได้ครูชำนาญการพิเศษ ที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ ขึ้นมาเป็นผู้บริหาร โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีความต้องการที่แตกต่าง” รศ.ดร.ธีรภัทร กล่าวและว่า
นอกจากนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการจะต้องร่วมมือกับองค์กรภายใน และองค์กรภายนอก รวมถึงองค์กรไม่แสวงหากำไรอย่างมูลนิธิเอเชีย ในการทำให้สังคมเห็นความสำคัญ ของเรื่องการพัฒนาบุคลากรทางด้านการศึกษา ให้มีความพร้อมในการขึ้นมาเป็นผู้บริหาร ว่าจะต้องทำอย่างไรให้สามารถทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ในบริบทต่างๆ กระทรวงศึกษาธิการควรวางนโยบายโดยการใช้งานวิจัยและข้อมูล (Data) มากขึ้น เพราะปัญหากล่องดำหมายถึงตัวผอ.โรงเรียน เกิดจากเหตุผลหนึ่ง คือเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ
“เมื่อมีความพยายามผลักดันนโยบาย โดยใช้ข้อมูลเป็นฐานมากขึ้น เช่น การคัดเลือกผู้บริหารปัจจุบันถ้าเราเห็นพัฒนาการของครูที่ตั้งใจจะเข้ามาเป็นผู้บริหาร เราสามารถเก็บข้อมูลเขาตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นอาชีพครูแล้ว นโยบายการย้ายผู้บริหารก็ดี ถ้าเราเก็บข้อมูลดีๆ เป็นฐาน มันจะทำให้แต่ละนโยบายที่จะวาง สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคต ขณะเดียวกันองค์กรที่เกี่ยวข้อง ควรพยายามพัฒนาดิจิตอลแพลตฟอร์มต่างๆ และใช้ข้อมูลในการช่วยตัดสินใจในการวางนโยบายในอนาคตด้วย” รศ.ดร.ธีรภัทร กล่าว
สำหรับเว็บไซต์ Thailand Leadership จัดทำขึ้นโดยมูลนิธิเอเชีย ภายใต้ความร่วมมือของทางกระทรวงศึกษาธิการ, กรุงเทพมหานคร, สถานทูตออสเตรเลีย และเหล่าพันธมิตร มีที่มาจากโครงการวิจัยเรื่องจากความท้าทายสู่คุณภาพการศึกษาของประเทศไทย : กฎระเบียบ การบริหารทรัพยากร และความเป็นผู้นำ ในปี พ.ศ.2561-2564 ที่ได้มุ่งเน้นศึกษาโครงสร้างและบทบาทของ “ตัวกลาง” ระหว่าง “ผู้กำหนดนโยบายการศึกษาของชาติ” และ “ผลผลิตทางการศึกษา” นั่นคือ “ผู้อำนวยการสถานศึกษา” ในฐานะ “กล่องดำทางการศึกษา” หรือ “แกนหลักผู้สื่อสารถ่ายทอดนโยบาย” บทสรุปที่ได้คือผู้อำนวยการโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ที่จะต้องมีบทบาทเป็นผู้นำทางวิชาการ ซึ่ง ผอ.โรงเรียนและผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปใช้บริการได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่ www.Thailandleadership.org ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักเรียนขอนแก่น บุกประท้วงเรียกร้องย้ายผอ.โรงเรียน พบพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ว่าการอำเภอชุมแพ จ.ขอนแก่น ได้มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมโรงเรียนชื่อดังใน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น กว่า 200 คนรวมตัวกันเดินทางมาประท้วงร้องเรียน ให้ตรวจสอบและย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน
'ณัฏฐ์ชนน' ลั่นกลางสภา 'ปฏิวัติการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาประเทศ' ชำแหละ 8 จุดอ่อน ระบบการศึกษาไทย
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2567 นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายร่างพระราชบั
ตายายร้องถูกอดีตผอ.รร .ยึดที่สปก.เกือบ 20 ปี เพียงยืมเงิน 2 หมื่น ชาวบ้านโดนกันเพียบ
สองตายายบุกร้องศูนย์ดำรงธรรม อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจสอบช่วยเหลือ ถูกอดีต ผอ.รร. ยึดที่ สปก.กว่า 7 ไร่เกือบ 20 ปีไปทำประโยชน์ส่วนตัว
ปปช.ขอนแก่น ลุยสอบ ผอ.โรงเรียน สุดฉาว เบิกงบใช้ส่วนตัว-วิดีโอคอลสยิว
นายธีรัตน์ บางเพ็ชร รักษาการ ผู้อำนวยการ ป.ป.ช.ขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อ จัดจ้าง ครุภัณฑ์และเอกสารการเบิกจ่ายต่างๆในช่วงที่ผู้อำนวยการฯดำรงตำแหน่ง ก่อนจะพบการร้องเรียนการทุจริตเบิกจ่ายเงินโรงเรียนมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว
แฉพฤติกรรม ผอ.โรงเรียน สุดฉาว ใช้ห้องทำงานเป็นบ้านพัก เข้ากลุ่มเซ็กซ์โฟนไม่จ่ายเงิน
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนอนุบาลอุบลรัตน์ โดยพบกับ นายเจษฎา ตันติบัญชาชัย นายกเทศมนตรีตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ ลงพื้นที่มาให้ขวัญกำลังใจครูผู้สอนในโรงเรียนที่เป็นผู้ที่ถูกกระทำและรู้ถึงพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียน และได้ร้องเรียนเข้ามาที่เทศบาลตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นในพื้นที่
สส.จันทบุรี ก้าวไกล ควงผู้ช่วย สส. เปิดหน้าแลกหมัด ผอ.โรงเรียน ปมบังคับให้เซ็นใบอนุโมทนาทิพย์
น.ส.ปรัชญาวรรณ ไชยสืบ สส.จันทบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า สรุปประเด็น ผู้ช่วยสส.ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจไปข่มขู่คุกคามผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง