ปีใหม่ 2567 เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นปีมะโรงหรือ งูใหญ่ ตามปีนักษัตร งูใหญ่ในความเชื่อของคนไทย คือ พญานาค สัตว์ในตำนานอันเป็นที่เคารพบูชาของชาวไทยอย่างมาก พบเห็นได้จนชินตาตามวัดวาอาราม เพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ด้วยสิริมงคล สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แนะนำเส้นทาง “มะโรงนักษัตร’ ชวนเรียนรู้สัตว์ในตำนานในความเหมือนและแตกต่าง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับปีมะโรงที่จะมาถึง ผ่านโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ซึ่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร งานนี้ จัดนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นกรณีพิเศษ ระหว่างวันที่ 29 – 31 ธันวาคม 2566 วันละรอบเดียวเท่านั้น โดยไม่เสียค่าเข้าชม หลังจากจัดเส้นทางสายมู “นบพระ ไหว้(เทพ) เจ้า” ครั้งแรกเมื่อปีก่อน ได้รับความสนใจล้นหลาม
“ ทางพิพิธภัณฑ์จัดเส้นทางมะโรงนักษัตร เพราะมีกิจกรรมสักการะพระพุทธรูป “พุทธบูชานาคสัมพัจฉร์ 2567 ” อัญเชิญพระพุทธรูปที่มีคติการสร้างเกี่ยวข้องกับพญานาคให้ประชาชนสักการะรับปีมะโรงที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ และอยากให้ความรู้เรื่องนาคและมังกร รับปีหน้าปีมังกรทองธาตุไม้ โดยใช้โบราณวัตถุสำคัญที่เป็นของมงคล เป็นสื่อเล่าเรื่องเดียวกัน โดยยึดกับคำว่า”มะโรง” แปลว่า งูใหญ่ คนไทย ถือว่าคือ พญานาค ถ้าคนจีนเป็นมังกร ของในพิพิธภัณฑ์ มีทั้งหงอน นาค มกร มังกร และเหรา เป็นสิ่งมีชีวิตในความเชื่อมีความหลากหลายและแต่ละภาคเรียกไม่เหมือนกัน งูหงอน ภาคตะวันตก เป็นตัวแทนอายุยืนยาว สัตว์เหล่านี้ลักษณะต่างกันด้วย “ ศุภวรรณ นงนุช ตำแหน่ง ภัณฑารักษ์ชำนาญการ และผู้นำชมเส้นทาง มะโรงนักษัตร กล่าว
เส้นทางนำชม มี 3 เส้นทาง มีโบราณวัตถุสำคัญควรค่าเข้าชม 10 รายการ ภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ หมู่พระวิมาน และหอแก้วศาลพระภูมิ โดยมีจุดสตาร์ทแต่ละเส้นทางแตกต่างกัน ซึ่งใช้เวลาชมประมาณ 1 ชั่วโมง ประชาชนสามารถจองรอบพิเศษ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. มีภัณฑารักษ์นำชม เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป
จุกแรกที่เป็นหัวใจสำคัญ สักการะ พุทธบูชานาคสัมพัจฉร์ ภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เริ่มจากพระพุทธสิหิงค์องค์สำคัญ และพระพุทธรูปนาคปรกสำคัญอีก 9 องค์ เพื่อเป็นสิริมงคลรับศักราชใหม่ และเรียนรู้เรื่องราวของนาคต่างๆ ในพระพุทธศาสนาผ่านภาพจิตรกรรมฝาผนังและภาพศรนาคบากบนตู้พระธรรมในพระที่นั่งแห่งนี้
หลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร พิกัดหลังพระทวารคู่กลางในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หาชมได้ยาก ปกติพระทวารจะเปิด ทำให้มองไม่เห็นภาพลายกำมะลอด้านหลัง พิพิธภัณฑ์ฯ ปิดประตูเพื่อโชว์ภาพจิตรกรรมปลาไนกระโดดข้ามประตูมังกรจนกลายร่างเป็นมังกรห้าเล็บที่หลังพระทวารคู่นี้ เพื่อนำพาความสำเร็จมาสู่ผู้ชม เพราะตามความเชื่อปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร คนจีนเปรียบคนที่ขยันหมั่นเพียร แม้มาจากคนธรรมดาก็กลายเป็นมังกรได้ ในภาพมังกรห้าเล็บเป็นสัญลักษณ์จักรพรรดิ์ แล้วยังมีลวดลายของวิเศษข้างกาย 8 เซียน หรือคนไทยเรียก “ลี้ทิก๊วย” อย่างพัดรูปทรงใบกล้วย เชื่อว่า ปัดเป่าสิ่งไม่ดี นำพาโชคลาค ,น้ำเต้า สื่อรักษาโรคภัย และไม้เท้าเหล็ก แล้วยังมีอัษฎมงคลทั้งแปดตามความเชื่อพุทธศาสนามหายานอีกด้วย
นาฬิกาธูปรูปเรือมังกร ภายในพระที่นั่งพรหมเมศธาดา จัดแสดงนาฬิกาธูปรูปเรือมังกรประดับมุก ซึ่งไม่มีรางจับเวลาและลูกตุ้มบอกเวลา สันนิษฐานว่า มีกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ซึ่งจะจุดธูปจับเวลาในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนามหายาน และแพร่หลายเข้าสู่ประเทศจีนจนพัฒนารูปแบบของตนเอง และส่งต่อสู่เวียดนาม เกาหลี รวมถึงญี่ปุ่นด้วย คล้ายนาฬิเกมะพร้าวของไทยที่ใช้เป็นเครื่องบอกเวลาในอดีต
นารายณ์บรรทมสินธุ์ พิกัดห้องลพบุรี คัดสรรไว้ในเส้นทางด้วยลักษณะพิเศษทับหลังสลักภาพพระนารายณ์บรรทมบนหลังมกรที่เกษียรสมุทร หรือทะเลน้ำนม มกรเป็นสัตว์ในน้ำ มีขาต่าง จากนาคไม่มีขา ตามการตีความช่างพื้นถิ่นเขตที่ราบสูงบ้านเรา ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ปราสาทพนมรุ้งก็บรรทมบนหลังมกร สำปหรับโบราณวัตถุชิ้นนี้พบจากปรางค์กู่สวนแตง บ้านดงยาง จ.บุรีรัมย์ เทวาลัยในศาสนาฮินดู สร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ในกัมพูชาทับหลังนารายณ์บรรทมอยู่บนหลังพญานาค ตามคัมภัร์ฮินดูกล่าวว่าเมื่อพระศิวะทำลายจักรวาลแล้ว พระนารายณ์เข้าบรรทมบนหลังเศษะนาค เมื่อทรงเข้าฌานบังเกิดดอกบัวผุดออกมาจากพระนาภี บัวบานออกมามีภาพพระพรหม นำมาสู่การสร้างโลก ถือเป็นภาพมงคลยิ่งควรค่าแก่การชม
ถัดมา พระแท่นพระเจ้าตาก จัดแสดงห้องธนบุรี – รัตนโกสินทร์ สันนิษฐานเป็นของพระเจ้ากรุงธนบุรีได้มาจากเมืองแกลง จ.ระยอง เป็นของอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มาแต่เดิม ความน่าสนใจขาเตียงมีลักษณะราชสีห์มังกร’ซวนหนี’ รองรับสิ่งสำคัญ มาจากคติความเชื่อของจีนเรื่องลูกมังกร 9 ตัว
ห้องเดียวกันนี้ จัดแสดงพระเก้าอี้พับในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ร.1 ใช้ในกระบวนเสด็จพระราชดำเนิน กรณีที่ไม่ได้ทอดพระแท่นที่ประทับถวาย รวมถึงใช้ในการเสด็จงานพระราชสงครามด้วย
อรหันต์ปราบมังกร เป็นตุ๊กตาหินเซียงหลงหลอฮั่นในท่วงท่าเหยียบมังกรประดับตกแต่งศาลเจ้าพ่อหอแก้ว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในพื้นที่วังหน้า ถือหนึ่งในสิบแปดอรหันต์ของจีน ท่านมีนามว่า พระมหากัศยปะ บางคนเชื่อว่า พระอรหันต์จี้กงก็คือร่างหนึ่งของอรหันต์ปราบมังกร เดิมที มีเพียงสิบหกอรหันต์เท่านั้นที่กล่าวถึงในพระสูตรจากอินเดีย ต่อมาเพิ่มพระอรหันต์อีกสองรูปช่วงปลายราชวงศ์ถังต่อกับสมัยห้าราชวงศ์สิบอาณาจักรของจีน คือ อรหันต์ปราบมังกรกับอรหันต์ปราบเสือ
ธรรมาสน์กลมยอดทองจากวัดค้างคาว พิกัดมุขเด็จ เป็นธรรมาสน์กลมยอดทองสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีรูปลักษณ์หาชมได้ยากและบันไดมนุษยนาค พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7 ทรงได้มาจากวัดค้างคาว เมืองนนทบุรี ต่อมาพระราชทานแด่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส จัดแสดงห้องชวา – ศรีวิชัย ภาพสลักจากบุโรพุทโธเป็นภาพนางสุชาดาพร้อมเหล่านางทาสีถวายข้าวมธุปายาสแด่พระโคตมโพธิสัตว์ใต้ต้นไทรด้วยเข้าใจว่า เป็นรุกขเทวดาที่นางเคยขอสามีและบุตรชายไว้ ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะเสวยข้าวนั้นแล้วลอยถาดที่แม่น้ำเนรัญชรา โดยอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า “ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำ หากไม่สำเร็จสมประสงค์ ขอให้ถาดลอยไปตามกระแสน้ำ” ในพระพุทธประวัติกล่าวว่า ถาดนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปจนถึงวังน้ำวนแห่งหนึ่งจึงจมลงสู่นาคพิภพ ไปกระทบกับถาดสามใบของพระอดีตพุทธเจ้าสามพระองค์ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า และพระกัสสปพุทธเจ้า พญานาคราช ซึ่งกำลังหลับอยู่ในนาคพิภพ เมื่อได้ยินเสียงถาดกระทบกันรู้ทันทีว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบังเกิดขึ้นในโลกมนุษย์อีกหนึ่งพระองค์แล้ว
ถัดมา พระอิศวร ห้องสุโขทัย ชมพระอิศวรทรงสังวาลนาคจากการกวนเกษียรสมุทร เดิมประดิษฐานที่หอเทวาลัยเกษตรพิมาน โบสถ์พราหมณ์ เมืองเก่าสุโขทัย ตู้พระธรรมจำหลักเล่าเรื่องทศชาติ ที่ห้องอยุธยา
พิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์ร่วมลุ้นรางวัลระหว่าง วันที่ 29-31 ธันวาคมนี้ เป็นเครื่องรางแก้ชงปี2567 โอมาโมริไท่ส่วย วันละ 10 ชิ้น ด้านหน้าทอรูปองค์ไท่ส่วยประจำปีมังกรธาตุไม้ ‘ หลี่เฉิงต้าเจียงจวิน’ ด้านหลังรูปมังกรตามปีนักษัตรมะโรง พร้อมคำอวยพรอักษรไทยประดิษฐ์แบบจีนว่า “คุ้ม ครอง ชะ ตา” ภายในบรรจุยันต์ไท่ส่วยที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากพระอาจารย์จีนคณาณัติจีนพรต (เย็นงี้) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) องค์ไท่ส่วยคือเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา
นอกจากนี้ ลุ้นกาชาปองชุดพิเศษรับปีมังกรทอง “ลูกมังกรทั้งเก้า” โดยศิลปินอาร์ตทอย วันละ 9 ตัว หลังจบกิจกรรมในแต่ละวัน ซึ่งกลุ่มศิลปินร่วมกันสร้างสรรค์ชิ้นงาน “ตำนานลูกมังกรทั้ง 9” อ้างอิงจากคติความเชื่อของจีนเรื่องลูกมังกร 9 ตัว โดยศิลปินแต่ละคนนำมังกรแต่ละตัวมาออกแบบด้วยลายเส้นของตนเอง ได้แก่ ปี้ซี่ มังกรมีกระดอง บรรทุกแรงได้มหาศาล โดย Little Gods Studio , ปี้อ้าน มังกรรูปพยัคฆ์ รูปผิดชอบชั่วดี เป็นสัญลักษณ์ของยุติธรรม โดย Munkky Studio , เทาเที่ย มังกรรูปหมาป่า นิสัยตะกละตะกลาม โดย Kuma Monster , ผูเหลา ชอบร้องเสียงดัง มักประดับไว้บนระฆัง โดย Sloth Doll, ฉิวหนิว ชอบเสียงเพลง พบมากบนเครื่องดนตรี โดย Punsanook
กาชาปอง เจียวถู รูปร่างคล้ายก้นหอย แสดงถึงความปลอดภัย โดย Mue-Krabi , ชือเหวิ่น มังกรรูปร่างเหมือนปลา ชอบมองทิวทัศน์และกลืนกินไฟ นิยมประดับหลังคาเพื่อเป็นเคล็ดในการป้องกันอัคคีภัย โดย Dhyana Studio , ซวนหนี มังกรรูปสิงโต ชอบนั่งมองดูควันไฟ โดย Munkky Studio และ หยาจื้อ รูปร่างคล้ายหมาไน ชอบการสังหาร มักทำเป็นลวดลายอาวุธ โดย Poly Holy ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ฯ พระนครเปิดให้ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ (Night at the Museum) ระหว่างวันที่ 29 – 31 ธ.ค. 2566 อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บูรณะวัดไชยวัฒนารามนำชีวิตชีวาสู่มรดกโลก
วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา งดงามทรงคุณค่า เป็นหนึ่งในหลักฐานที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่และรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของกรุงศรีอยุธยาอดีตเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ วัดเก่าแก่แห่งนี้เป็นโบราณสถานสำคัญของอยุธยา และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่โดย
'4วัด1วัง'เที่ยวมรดกโลกอยุธยายามราตรี
กระแสตอบรับดีสำหรับโครงการท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปีนี้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ยกระดับท่องเที่ยวโบราณสถานยามราตรีเปิดโบราณสถานให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเพิ่มขึ้นเป็น 5 แห่ง ประกอบด้วย
ย้อนเวลา 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ
ชวนแต่งชุดไทยเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา ดื่มด่ำกับบรรยากาศโบราณสถานยามค่ำคืนที่งดงามในงาน “ 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” โดยจะจัดกิจกรรมตามวัดและโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
โบราณสถานเวียงกุมกามเสียหายหนักจากน้ำท่วม
7 ต.ค.2567 - นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามผลกระทบของสถานการณ์อุทกภัยที่มีต่อโบราณสถานสำคัญของจังหวัด โดยพบว่า พื้นที่เวียงกุมกามที่เป็นเมืองโบราณสมัยพญามังรายปฐมกษัตริย์ล้านนา ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสา
คนรักศิลปฯแย้งผู้ว่าฯทุบปูนปั้นครูทองร่วง ยันผู้เสียหายคือสาธารณะ เตือนผิดม.157
นายวรา จันทร์มณี เลขาธิการชมรมคนรักศิลปวัฒนธรรม อดีตเลขาฯศิลปินแห่งชาติ อังคาร กัลยาณพงศ์ โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีทุบปูนปั้นครูทองร่วง เอมโอษฐ ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี (ตอนที่ 2) ระบุว่า
วธ.สั่งวางมาตรการลดเสี่ยงโบราณสถานตลอดฤดูฝน
13 ก.ย.2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณน้ำฝนที่มีจำนวนมากที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย รู้สึกห่วงใยชาวจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมากที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด