18 ธ.ค.2566-ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่กำลังปกคลุมทั่วไทย บางจุดอยู่ในระดับสีแดง เป็นสัญญาณเตือนให้ระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพ ล่าสุดทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดยนายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน ในฐานะรองโฆษก กฟผ. ได้ดำเนินการต่อสู้ปัญหาฝุ่นพิษว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง กฟผ. เป็นห่วงสุขภาพประชาชน แนะให้ติดตามคุณภาพอากาศแบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแอปพลิเคชัน Sensor for All ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลจากเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศและปริมาณฝุ่นละอองที่ติดตั้งบริเวณโรงไฟฟ้า โรงงานขนาดใหญ่ สี่แยกไฟแดงที่มีการจราจรหนาแน่น สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดกว่า 1,250 จุด ทั่วประเทศ เพื่อเฝ้าระวังและวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ และขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันปลูกต้นไม้ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยดักจับฝุ่นโดยธรรมชาติรอบบ้านหรือในชุมชนเพิ่มเติม
สำหรับแผนเชิงรุกที่สำคัญ กฟผ. ได้ร่วมกับจังหวัดลำปางตั้งศูนย์บัญชาการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอำเภอแม่เมาะ พร้อมพัฒนาช่องทาง “ไม่เผา เราซื้อ” ในแอปพลิเคชัน “Fire D” (ไฟดี) ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลในการรับซื้อวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร อาทิ เปลือกและซังข้าวโพด เศษไผ่จากชุมชนในอำเภอแม่เมาะ สำหรับนำไปผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Biomass Pellet) เพื่อเผาร่วมกับถ่านหินในกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน ลดการเผาและปัญหาไฟป่าซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควันอย่างยั่งยืน รวมถึงร่วมกับจิตอาสาในพื้นที่รอบเขื่อนและโรงไฟฟ้าทำแนวป้องกันไฟป่าและร่วมปฏิบัติภารกิจดับไฟป่ารอบพื้นที่ อาทิ กฟผ.แม่เมาะ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนศรีนครินทร์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากนี้ กฟผ. ยังพัฒนานวัตกรรมหอฟอกอากาศสำหรับชุมชนด้วยเทคนิคการกำเนิดพลาสมา ทำให้อากาศแตกตัวเป็นประจุไฟฟ้า (Pre-charge) ไปดักจับอนุภาคฝุ่น PM2.5 ช่วยฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ในอัตราสูงสุด 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ครอบคลุมรัศมี 250 เมตร รอบหอฟอกอากาศ ควบคู่กับการนำนวัตกรรมต้นไม้ฟอกอากาศ (City Tree) ซึ่งผสมผสานระหว่างเครื่องฟอกอากาศประจุลบดักจับฝุ่น PM2.5 และฆ่าเชื้อโรค ร่วมกับสวนแนวตั้งต้นไม้ฟอกอากาศ เพื่อช่วยบำบัดอากาศครอบคลุมพื้นที่ 200 ตารางเมตร โดยนำร่องติดตั้งในโรงพยาบาล 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลบางกรวย และโรงพยาบาลสะเมิง รวมถึงผสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือพัฒนาต้นแบบเตาเผาศพอัจฉริยะประสิทธิภาพสูงที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 30% และลดเขม่าควันที่เป็นมลภาวะทางอากาศอีกทางหนึ่งด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฟผ. เตรียมจัด '70 พรรษา 7 โครงการเฉลิมพระเกียรติ' สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ถือเป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2568 กฟผ. จึงจัดทำโครงการ “70 พรรษา 7 โครงการเฉลิมพระเกียรติ” เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
'โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ' แบตเตอรี่ยักษ์กักเก็บพลังงานสะอาด
ความท้าทายในการก้าวข้ามขีดจำกัดของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่กำลังมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นในระบบไฟฟ้าเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ คือ การบริหารจัดการความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงบางช่วงเวลา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
'โรงไฟฟ้า SMR' ตัวเปลี่ยนเกมพลังงานสะอาด
ภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องและแรงกดดันจากมาตรการทางการค้าถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ทั่วโลกพยายามดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
Fitch Ratings คงอันดับความน่าเชื่อถือของ กฟผ. ในระดับสากลที่ระดับ 'BBB+'
บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ประกาศผลการทบทวนการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ กฟผ. ในระดับสากลที่ระดับ “BBB+” ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่ากับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย และให้มุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ของ กฟผ. อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable)
“สวนผักทางไฟ” พลิกพื้นที่แห้งแล้งใต้แนวสายส่งไฟฟ้าสู่แหล่งอาหารบ้านโนนยาง
“เคล” ราชินีแห่งผักใบเขียว หรือคะน้าใบหยิก ที่กำลังเตรียมตัดขายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เป็นภาพที่เกษตรกรบ้านโนนยาง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด