TAAN เสิร์ฟเมนูจากต้นน้ำสู่โต๊ะอาหารกลางกรุง

ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศที่สวยงามของเมืองกรุงเทพฯ ไปจนถึงย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์อย่างภูเขาทองและวัดอรุณราชวรารามจากชั้น 25 โรงแรม สยามแอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเทล กรุงเทพ ก่อนเปิดประสบการณ์อาหารที่คาดไม่ถึง ที่ TAAN ทุกคอร์สรังสรรค์ออกมาได้อย่างงดงามด้วยวัตถุดิบชั้นยอดสั่งตรงจากเกษตรกรไทย โดยเชฟเทพ-มนต์เทพ กมลศิลป์ Head Chef ประจำห้องอาหาร TAAN ทุกคอร์สสะท้อนให้เห็นปรัชญาการทำอาหารและความใส่ใจในรายละเอียดของเชฟได้เป็นอย่างดี

ยกระดับเนื้อวากิวไทยรังสรรค์เมนูอาหาร

ที่ TAAN  นำโดย ประณัย พรประภา กรรมการผู้จัดการโรงแรม สยามแอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเทล กรุงเทพ และออกแบบเมนูอาหารโดย เชฟเทพ-มนต์เทพ ตอนนี้เชฟได้สร้างความสนุกในมื้ออาหารต่อยอดวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงโต๊ะอาหาร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “TAAN Artisan Meet & Greet Dinner” โดยมี 4 เกษตรกรทางเลือกร่วมสานฝันให้เป็นจริง พร้อมทั้งเพิ่มชีวิตชีวาให้แก่วัตถุดิบจากเครือข่ายเกษตรกรและชาวประมง ผ่านการปรุงด้วยความรักและใส่ใจอย่างละเมียดละไมในทุกขั้นตอน ไม่ละเลยอาหารจากภูมิปัญญาพื้นบ้าน จนออกมาเป็นจานอาหารสไตล์โมเดิร์นไฟน์ไดน์นิ่ง ช่วยส่งเสริมคนเมืองเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบทางเลือก และเชื่อมต่อระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค นับเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน

กุ้งแม่น้ำจากตาปีซีฟู้ดเสิร์ฟสไตล์โมเดิร์นไฟน์ไดน์นิ่ง

เกษตรกรที่ทำงานเข้าขากับเชฟและเชี่ยวชาญประมงพื้นบ้าน  กิตติพงษ์ วรรณพิคต  จาก “ตาปีซีฟู้ด”  ผู้นำธุรกิจที่สนับสนุนชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า ตาปีซีฟู้ดคัดสรรเฉพาะอาหารทะเลที่มีคุณภาพตามฤดูกาลจากเครือข่ายชาวประมงในหลากหลายพื้นที่ทั่วทั้งภาคใต้และภาคตะวันออก ส่งตรงให้กับร้านอาหารได้ทุกวัน เราแนะนำวิธีการจัดการแบบใหม่จากญี่ปุ่นให้กับชุมชนประมงพื้นบ้านเพื่อให้วัตถุดิบที่จับมาจากท้องทะเลมีคุณภาพที่ดีขึ้นเทียบเท่าระดับสากล สามารถทานดิบได้เพิ่มมูลค่าให้ปลามากขึ้น จากกิโลละ 80 บาท สามารถขายได้ราคาดี 200-300 บาท เช่นเดียวกับกุ้ง หอย ปู ปลาหมึก แนะนำวิธียืดระยะเวลาจัดเก็บอาหารทะเลให้ได้คุณภาพ ตาปีซีฟู้ดจัดจำหน่ายทั้งปลีกและส่งให้กับโรงแรม ร้านอาหาร

“ ด้วยวิธีการเหล่านี้ ทำให้ชาวประมงมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ต้องจับปลาเป็นจำนวนมาก แต่จับปลาแบบเน้นคุณภาพ เกิดประโยชน์ต่อประมง ผู้บริโภค และสร้างสมดุลให้ท้องทะเลไทยด้วย นี่คือความยั่งยืน เพราะไม่รบกวนธรรมชาติมากเกินไป มีทรัพยากรส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลาน เทรนด์ปัจจุบันร้านอาหารและโรงแรมเปิดใจให้กับวัตถุดิบไทยมากขึ้น เพราะวัตถุดิยของเราไม่แพ้ชาติใดในโลก ภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับเชฟเทพที่นำเสนออาหารทะเลสดๆ ในมุมมองใหม่  “กิตติพงษ์ กล่าว

ณัฐภณ กลางวิชัย แห่งวากิวศรีเชียงใหม่

วากิวศรีเชียงใหม่ ส่งเนื้อวัวพรีเมี่ยมทำเมนูโดดเด่น  น้าแขก – ณัฐภณ กลางวิชัย เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวสายพันธุ์ไทยวากิวประสบการณ์กว่า 20 ปี กล่าวว่า เราทำฟาร์มลี้ยงด้วยความใส่ใจนาน 4 ปี เพื่อผลิตเนื้อวากิวไทยระดับพรีเมียมเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ พิถีพิถันอาหารแต่ละช่วงวัย  วัยเล็กเน้นโปรตีน โค้งสุดท้ายให้พลังงาน เติมกลิ่นด้วยธัญพืชต่างๆ  จนได้เนื้อลายผ้าไหมทอมืออยู่ในเส้นใยของเนื้อวัว อยู่ในระดับ A5 เสน่ห์ คือ เมื่อเคี้ยวจะไม่ถึงกับละลาย แต่มีเท็กเจอร์และความหวานของเนื้อ ได้กลิ่นของเนยอ่อนจากไขมันที่แทรก ไม่ใช่ลายใหญ่เหมือนเนื้อวัวต่างประเทศ ไม่เลี่ยน  ผลจากการนำโคลูกผสมพื้นเมืองของประเทศไทยซึ่งเป็นโคพื้นฐานของประเทศ ผสมกับโคบราห์มัน โคชาร์โลเล่ส์ และโควากิวลายผ้าทอมือตามแบบฉบับศรีเชียงใหม่ ทั้งยังส่งเสริมเกษตรกรในหนองคายเข้าร่วมโครงการผลิตลูกโค สร้างรายได้ ตอนนี้กระแสไทยวากิวมาแรง เชฟรังสรรค์ออกมาน่าลิ้มลอง

เมนูอาหารจากไก่อินทรีย์ส่งตรงคนเมือง

แทนคุณ ออร์แกนิคฟาร์ม ใน จ.นครปฐม  อำนาจ เรียนสร้อย เจ้าของฟาร์มเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบผ่านกรรมวิธีเลี้ยงไก่แบบปล่อย กล่าวว่า  มีโรงเรือนกว้างให้ไก่อยู่แบบไม่แออัด ไก่ 5 ตัวต่อ 1 ตารางเมตร เป็นทั้งที่กิน นอน และออกไข่  ด้านนอกโรงเรือนเป็นพื้นที่เปิดโล่งให้ไก่ออกมาเดินเล่น คุ้ยเขี่ยหากินตามธรรมชาติ ไก่จึงสุขภาพดี อารมณ์ดี อาหารไก่อินทรีย์ก็ไม่มีสารเคมีเจือปน เสริมด้วยส่วนผสมอื่นอย่างข้าวโพดที่ปลูกแบบอินทรีย์ มันสำปะหลังที่ปลูกเอง เรียกได้ว่า เป็นฟาร์มออร์แกนิคอย่างเต็มรูปแบบ มีการขยายโมเดล ด้วยการสร้างระบบนิเวศน์ของชุมชนเกษตรอินทรีย์ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาค หวังให้เกษตรกรรายย่อยสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน

จานอาหารคุณภาพจากประมงยั่งยืน

ปิดท้ายด้วยไวน์สัญชาติไทย GranMonte จากวิสุตา และ สุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ผู้นำนวัตกรรมการปลูกองุ่นและทำไวน์เขตร้อนแห่งเดียวในประเทศไทย โรงผลิตไวน์ที่อยู่ในพื้นไร่บริเวณเขาใหญ่  ดินฟ้าอากาศบวกนวัตกรรมทำให้ เกิดผลผลิตองุ่นคุณภาพดี มีคาแรกเตอร์  บวกกับเทคนิคเฉพาะตัว และกรรมวิธีการผลิตที่ตามมาตรฐานจากกราน มอนเต้ เป็นเกษตรยั่งยืน เพื่อเสิร์ฟไวน์ไทยคุณภาพดีให้แก่ผู้บริโภค ทุกส่วนขององุ่นใช้ประโยชน์ ไม่มีของเสีย ทางห้องอาหาร TANN มีบริการ Wine Paring ด้วย เหมือนนำเขาใหญ่มาสู่กรุงเทพฯ

ถือเป็นแบบอย่างห้องอาหารก้าวข้ามความเชื่อ หนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นและแนวคิดเกษตรยั่งยืน ซึ่งไม่หยุดคนคว้าและต่อยอดวัตถุดิบ เพื่อเสิร์ฟอาหารจานคุณภาพตามมาตรฐาน TANN ห่างจากแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำอย่างสถานีสยามมายังสถานีสนามกีฬาแห่งชาติเพียง 1 สถานีเท่านั้น ร่วมสัมผัสผลผลิตจากธรรมชาติส่งตรงจากเกษตรกรไทยกันได้