ปฏิเสธไม่ว่าเรื่องของความสวยความงาม เป็นสิ่งที่ผู้คนในยุคนี้ให้ความสนใจไม่ว่าจะเป็นฝั่งของแพทย์เวชศาสตร์ความงาม ผู้บริโภค หรือผู้วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านความงามต่างๆ ทำให้อุตสาหกรรมด้านเวชศาสตร์ความงาม กลายเทรนด์ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ และมีอัตราการเติบโตสูง โดย Grand View Research ได้มีการประเมินมูลค่าตลาดเสริมความงามทั่วโลก คาดว่า ปี 2570 มูลค่าจะแตะที่ 2.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.14 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 2563 ประมาณ 2.5 เท่า
และจากผลการสำรวจประจำปี 2563 โดยสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (ISAPS) ระบุว่า เทรนด์ที่นิยมทำศัลยกรรมมากที่สุดคือ การเสริมหน้าอก คิดเป็นสัดส่วน 16% การดูดไขมัน คิดเป็นสัดส่วน 15.1% การผ่าตัดเปลือกตา คิดเป็นสัดส่วน 12.1% ส่วนเทรนด์การเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด ที่นิยมมากที่สุดคือ การฉีดโบท็อกซ์ คิดเป็นสัดส่วน 43.2% นอกจากนี้ประเทศที่มีการเสริมความมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล เยอรมนี ญี่ปุ่น ตุรกี เม็กซิโก อาร์เจนตินา อิตาลี รัสเซีย อินเดีย ตามมาด้วยสเปน กรีซ โคลอมเบีย และไทย
ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญอบ่างยิ่งต่อวงการเวชศาสตร์ความงาม ล่าสุด เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน The Dermatologic and Aesthetic Surgery International League (DASIL) World Congress ครั้งที่ 11 ประจำปี 2566 ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 เพื่อย้ำความมุ่งมั่นและชูบทบาทในการส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในโลกของนวัตกรรมความงาม รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ใหม่ๆ ระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมเทรนด์ความงามยุคใหม่ที่ประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยสำหรับทุกคน จึงได้จัดงานเสวนา Merz Aesthetics Science Behind Confidence ภายใต้หัวข้อ เบื้องหลังของวิทยาศาสตร์และการศึกษาวิจัย สู่การรังสรรค์นวัตกรรมเสริมความงามเพื่อทุกความมั่นใจ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมศาสตร์ใหม่แห่งการฟื้นฟูผิว “Regenerative Biostimulator” ครั้งแรกในประเทศไทยกับนวัตกรรมสารฉีดกระตุ้นสร้างเส้นใยผิวใหม่แบบครบถ้วน 5 ประการที่เตรียมสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมความงามในไทย เร็วๆ นี้
แพทย์หญิง อัจจิมา สุวรรณจินดา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ประธานการจัดงาน The Dermatologic and Aesthetic Surgery International League (DASIL) World Congress ครั้งที่ 11 กล่าวว่า DASIL เป็นองค์กรเพื่อการศึกษาที่ไม่แสวงหาผลกำไรและมีจุดประสงค์หลักการเรียนการสอนสำหรับแพทย์รุ่นใหม่ และเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลและเทคนิคการรักษาจากประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความหลากหลายจากทั่วโลกกว่า 200 คน ซึ่งเทรนด์ของโลกตอนนี้พูดถึง Regeneration หรือการฟื้นฟูที่ช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ โดยการทำให้เซลล์มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ดังนั้นเราต้องการที่จะสร้างตัวกระตุ้นให้เซลล์มีการกลับไปทำงานดีเหมือนยังเป็นเด็ก ซึ่งนวัตกรรม Regenerative Aesthetics เป็นเรื่องที่นิยมทั่วโลก ซึ่งเป็นเรื่องของความงามที่เป็นการสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ โดยไม่อักเสบ หรือการสร้างเซลล์ให้มีฟังก์ชันการทำงานที่ดีเหมือนเดิม ที่เกี่ยวโยงในเรื่องของวิทยาศาสตร์ อย่างการสร้างคอลลาเจนที่ดีให้แก่ผิว จะช่วยทำให้ผิวดูเด็กลง และผิวมีสุขภาพที่แข็งแรงผ่านกระบวนการ Regenerative ซึ่งผลิตที่คิดค้นขึ้นจึงต้องอยู่ภายใต้การวิจัยศึกษาที่มีความปลอดภัย และประสิทธิภาพ อย่างที่ เมิร์ซ ได้ศึกษาวิจัยในการสร้าง Regenerative Biostimulator เพื่อสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว
ดร.โอเว่น ซุงก้า รองประธานอาวุโส ฝ่ายวิทยาศาสตร์และวิจัยทางการแพทย์ บริษัทเมิร์ซ เอสเธติกส์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า สำหรับเทรนความงามที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปี ยังคงเป็นการเสริมความงามในการฉีด เนื่องจากเห็นผลเร็วและได้ผลดี ซึ่งหลายคนอาจจะรู้จักฟิลเลอร์ ที่ช่วยแก้ปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้า แต่ปัจจุบันนอกจากฟิลเลอร์แล้ว เทรนด์ตอนนี้ที่นิยมฉีด คือ Biostimulator ซึ่งจะกระตุ้นให้เซลล์ทำงานในการกระตุ้นผลิตคอลลาเจนมากขึ้น ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปตามอายุ เพราะเมื่อเข้าสู่วัย 25 ปี เซลล์จะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง เพราะสำหรับผิวพรรณเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจและต้องการที่จะดูแลรักษา
โดย Biostimulator สามารถแบ่งได้ 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดที่ทำให้เกิดการอักเสบในผิว และชนิดที่ไม่อักเสบ ซึ่งก็เคยมีผู้ที่เคยฉีดเพื่อกระตุ้นกลไกทางคอลลาเจนเพื่อให้เกิดการอักเสบ โดยร่างกายจะมีบาดแผลด้านใน จากนั้นจะเกิดการซ่อมแซม และสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ แต่อีกกลุ่มที่ได้นำมาพัฒนาและใช้จะเป็นชนิดไม่อักเสบ เรียกว่า Regenerative Biostimulator ทำให้ร่างกายกระตุ้นสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ได้เอง โดยจะกระตุ้นครบถ้วน 5 ประการคือ 1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ I+150% ตอกเสาเข็มให้ผิวมีโครงสร้างแข็งแรง 2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ III+130% เสริมกับ type I ตอกเสาเข็มให้ผิวมีโครงสร้างแข็งแรงและเต่งตึง 3.กระตุ้นการสร้าง อีลาสติน+ 260% เพิ่มสปริงให้ผิวเด้ง ยืดหยุ่น 4. กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดเล็ก ทำให้มีสารอาหารหล่อเลี้ยงผิว 5. กระตุ้นการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงผิวเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ก็จะยังคงมีอยู่เพราะคุณสมบัติของฟิลเลอร์ คือ การเติมเต็มผิวในส่วนที่ร่องลึกของผิว แต่ Biostimulator จะช่วยทำให้ผิวรีเซ้ตตัวใหม่” ดร.โอเว่น ย้ำถึงการกระตุ้นเซลล์ผิว
ดร.โอเว่น กล่าวอีกว่า ในบทบาทที่ได้ร่วมสนับสนุน DASIL World Congress ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมสารลดเลือนริ้วรอยที่บริสุทธิ์สูงไม่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือ หัวข้อที่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้างอย่าง นวัตกรรมเพื่อการยกระดับคุณภาพผิว (Merz Symposium on Skin Quality Innovations) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อคุณภาพผิว ที่เมิร์ซ เอสเธติกส์ มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในตลาด นับเป็นการการเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ชุมชนของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถสร้างแรงกระเพื่อมไปได้ไกลถึงระดับ ประเทศและระดับภูมิภาค
ด้าน รศ. นพ. วาสนภ วชิรมน แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า งานวิจัยมีส่วนสำคัญอย่างมากในการผลิตนวัตกรรมที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และต้องผสานกับผู้ให้บริการเสริมความงามที่ต้องยึดถือจรรยาบรรณวิชาชีพ และผู้รับบริการจะต้องรู้จักเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อร่างกายและมีผลกระทบน้อยที่สุด อย่าง การฉีด Regenerative Biostimulator ส่วนใหญ่ผู้ต้องการใช้จะเป็นกลุ่มที่มีปัญหาผิวเหี่ยวย่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการสร้างคอลลาเจนได้ไม่ดี และดูสภาพของผิวที่เกิดปัญหาเป็นหลัก อาจจะมีได้มีการกำหนดขอบเขตของอายุที่แน่นอน ทั้งนี้คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเข้ารับทำหัตถการทุกครั้ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดมีวัตถุประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกัน และควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรได้รับการรับรองมาตรฐานในประเทศและระดับสากล .