กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระราชดำรัสวันอาหารโลก

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ เป็นประธานงานวันอาหารโลก ทรงมีพระราชดำรัสเรียกร้องปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำ-จัดสรรน้ำอย่างฉลาด

16 ต.ค. 2566 – เวลา 9.30 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานงานวันอาหารโลก (World Food Day ) ประจำปี 2566  ณ องค์การอาหารและเกษตรกรรมแห่งสหประชาชาติสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กรุงเทพฯ  โดยมีนายจอง จิน คิม ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกขององค์การอาหารและเกษตรกรรมแห่งสหประชาชาติ (FAO)  ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำจากทั่วภูมิภาค เฝ้าฯ รับเสด็จฯ

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะทูตสันถวไมตรีของ FAO ทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “ ประชากรเกือบ 2,500 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศที่มีความตึงเครียดในด้านน้ำอยู่ในขณะนี้ การแย่งชิงทรัพยากรอันหาค่ามิได้นี้สร้างปัญหาที่เด่นชัด เนื่องจากน้ำจืดลดน้อยลง แต่ความจำเป็นในการผลิตอาหารกลับมากขึ้น เพื่อป้อนประชากรในภูมิภาคที่กำลังเติบโต  ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้เร่งดำเนินการในด้านนี้ เราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราต้องเริ่มปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำ และจัดสรรน้ำที่เรามีอย่างชาญฉลาด เราต้องผลิตอาหารให้ได้มากขึ้นโดยใช้น้ำน้อยลง และเราต้องทำให้มีการกระจายน้ำอย่างเท่าเทียมเพื่อที่ทุกคนจะได้มีน้ำใช้อย่างยั่งยืน”

นายจอง จิน คิม  ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ FAO กล่าวว่า เราต่างตระหนักดีว่า การสร้างความมั่นคงให้กับการใช้และการเข้าถึงทรัพยากรน้ำจืดอันล้ำค่าอย่างยั่งยืนนั้นสำคัญต่อภาพรวมของการบรรลุเป้าหมายวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนค.ศ. 2030  น่าเสียดายว่า เรายังห่างไกลจากเป้าหมายมาก การขาดแคลนน้ำกำลังรุนแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ ตามการคาดการณ์ของเราความต้องการใช้น้ำจืดจะสูงเกินปริมาณประมาณ 40% ภายในปี พ.ศ. 2073 ดังนั้น การบริหารจัดการการขาดแคลนน้ำ โดยทำให้การบริโภคและการใช้ทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างยั่งยืนจะเป็นความท้าทายที่สำคัญสูงสุดในศตวรรษที่ 21 นี้

นอกจากนี้ ทรัพยากรน้ำใต้ดินซึ่งเกษตรกรจำนวนมากต้องพึ่งพาถูกใช้งานเกินพอดี และปนเปื้อน ในขณะที่รูปแบบของฝนตกมีความแปรปรวน สร้างความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นให้กับการวางแผนชลประทาน ท้ายที่สุดเกษตรกรจึงต้องการความสนับสนุนและเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อสามารถเป็นตัวแทนผลักดันการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืนและทนทานต่อสภาพอากาศ ทั้งนี้ผู้วางนโยบาย ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และผู้บริโภคต่างก็มีบทบาทสำคัญในการบรรเทาความไม่สมดุลระหว่างปริมาณและการใช้น้ำจืดด้วยเช่นกัน

นายจอง จิน คิม กล่าวต่อว่า FAO มีบทบาทอย่างโดดเด่นในการนำเสนอทางออกเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องการขาดแคลนน้ำ และภัยพิบัติด้านน้ำเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงภัยแล้งและน้ำท่วม ในหลายกรณีส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเกษตรกรอย่างหนักหน่วงกว่าภาคอื่นๆ โครงการกำลังดำเนินการในภูมิภาคนี้ ได้แก่ Water Scarcity Programme มีเป้าหมายจำกัดการใช้น้ำให้อยู่ในขอบเขตของความยั่งยืน และเตรียมให้ประเทศในภูมิภาคมีความพร้อมสำหรับการพัฒนาในอนาคตโดยที่มีการใช้น้ำน้อยลง  โครงการนี้มอบความช่วยเหลือแก่ประเทศในภูมิภาคให้บริหารจัดการน้ำบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ให้สอดคล้องกับภาวะขาดแคลนน้ำที่กำลังรุนแรงขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันประชากรกว่า 780 ล้านคน ต้องพึ่งพาแม่น้ำที่ไหลผ่านหลายเขตแดนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โครงการ Transboundary Water Programme ของ FAO ช่วยให้ประเทศต่างๆ พัฒนาความร่วมมือข้ามพรมแดนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ใช้ร่วมกันในภูมิภาค โดยเสริมสร้างศักยภาพด้านความรู้ที่จำเป็น เช่น การจัดทำบัญชีน้ำ การจัดสรรน้ำ การประเมินการไหลของน้ำในสิ่งแวดล้อม การพัฒนากลไกเพื่อบริหารจัดการภัยน้ำท่วมข้ามพรมแดนและการกัดกร่อนดินอย่างมีประสิทธิภาพ ลดแรงกดดันต่อแหล่งน้ำที่ถูกใช้งานมากเกินไป

ด้านนาย Dipak Gyawali อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งเนปาลและประธานมูลนิธิอนุรักษ์น้ำแห่งเนปาล กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนได้เพิ่มความท้าทายให้ความเกี่ยวโยงกันระหว่างน้ำ พลังงาน และอาหารที่มีความซับซ้อนมากอยู่แล้ว แนวทางการพัฒนาที่มุ่งเป้าหมายเดียวมักสร้างผลกระทบที่เป็นลบ และผลักภาระให้ภาคอื่นๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาโดยรวม หน่วยงานทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติที่มุ่งหวังจะแก้ปัญหาที่ยากเย็นนี้ให้สำเร็จจึงต้องดำเนินนโยบายโดยคำนึงถึงกลุ่มทางสังคมที่ทำงานอย่างโดดเดี่ยว หรือกำลังทำงานอย่างหนัก และเปิดให้กลุ่มเหล่านั้นมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ และแสดงความคิดเห็นด้านนโยบาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธรรมนัส' รูดซิปปาก! ไม่รู้ 'วัน อยู่บำรุง' ย้ายซบพลังประชารัฐ เรื่องของบิ๊กป้อม

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกรณี นายวัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะย้ายไปสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐในวันอังคารที่ 23 ก.ค.นี้โดยระบุสั้นๆว่า ตนไม่ทราบ

'ธรรมนัส' เผยวันนี้รู้ข้อสรุปโครงการ 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' ยุติหรือเดินหน้าต่อ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบในโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 โดยรัฐบาลและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมจ่ายเงินค่าสินไหม และเบี้ยประกันภัย ให้กับเกษตรกรชาวนาในปีการผลิต 2567 - 2568

​‘ธรรมนัส’ ยกปลาหมอคางดำเป็นสัตว์อันตรายวาระแห่งชาติ สั่งศึกษาโครโมโซม ผสมพันธุ์แล้วเป็นหมัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วของปลาหมอคาง

ถูกกระทำมาก่อน! 'ธรรมนัส' แนะ 'หมอเกศ' อย่าตอบโต้ปมวุฒิ ป.เอก ลั่นต้องให้อาจารย์รับผิดชอบ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีวุฒิการศึกษาปริญญาเอกของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียยูนิเวอร์ซิตี้ (California University)

'ธรรมนัส' แจงปม Saveทับลาน ไม่เกี่ยว ก.เกษตรฯ อย่าโยงพาดพิง สปก.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาพื้นที่ทับซ้อนในอำเภอทับลาน จังหวัดนครราชสีมา ว่า ขั้นตอนขณะนี้ไม่อยู่ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ผ่านมาทุกเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ