'ยาป่าน่าน' ภูมิปัญญาโบราณหลายร้อยปี

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สังคมรู้จักคำว่า “น่านแซนบ็อกซ์” ซึ่งเป็นโครงการต้องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน ให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งรูปแบบของการจัดการนี้ เป็นในแนวทาง “การบริหารพื้นที่รูปแบบพิเศษ” ซึ่งตัวโครงการขับเคลื่อนโดยธนาคารกสิกรไทย และบัณฑูร ล่้ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย

การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของน่าน ไม่ได้ทำเพื่อเชิงอนุรักษ์อย่างเดียว แต่เป้าหมายสำคัญยังอยู่ที่การทำให้คนน่าน โดยเฉพาะผู้เป็นเกษตรกร สามารถยังชีพอยู่ได้อย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของการระดมทุกศาสตร์ที่จะมาพัฒนาน่าน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวน่านให้ดีขึ้นกว่าเดิม การผลักดันนี้ทำให้เกิดคำว่า”รักษ์ป่าน่าน” ที่ครอบคลุมความหมายการพัฒนาจังหวัดน่านไว้ทุกด้าน

และนับเป็นครั้งแรกที่ มูลนิธิกสิกรไทย องค์การสาธารณกุศล ของธนาคารกสิกรไทย ได้เชื่อมต่อการทำงานของมูลนิธิฯ เข้ากับโครงการน่านแซนด์บ็อกซ์ โดยจับมือร่วมกับวิทยาลัยสงฆ์นครน่านเฉลิมพระเกียรติ ร่วมฟื้นฟูตำรายาล้านนาโบราณจากใบลานอายุหลายร้อยปีเพื่อต่อยอดยกระดับสูการวิจัยและพัฒนายาจากพืชในระดับสากล

โดยเมื่อเร็วๆนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการมูลนิธิกสิกร์ไทย และ พระชยานั้นทมุนี  รองศาสตราจารย์ คร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครน่าน เฉลิมพระเกียรติฯร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิซาการและวิจัย  ซึ่งพันธกิจครั้งนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูตำรายาล้านนาโบราณ เพื่อนำไปต่อยอดยกระดับสูการวิจัยและพัฒนายาจากพืชในระดับสากล  ทั้งนี้   นอกจากประโยชน์ในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาล้านนาโบราณอันมีค่ายิ่งแล้วยังเป็นประโยชน์ในการเพิ่มคุณค่าและมูลค่าพืชยาในจังหวัดน่านอีกด้วย โดยหลังจากที่จะได้มีการรวบรวม คัดสรรและปริวรรตตำราพืชยาที่ถูกบันทึกผ่านการจารีกลงในใบลาน เป็นภาษาล้านนาโบราณและเก็บรักษาไว้ในวัดอันเป็นศูนย์กลางการศึกษา และวิทยาการในสมัยก่อนให้เป็นภาษากลาง ที่มีการตรวจสอบยื่นยันความถูกต้องทางวิชาการเรียบร้อยแล้ว   ทางโครงการจะมีการคัดเลือกตำรับพืชยาล้านนา ที่มีศักยภาพไปวิจัยและพัฒนาต่อยอดด้วยการประยุกต์ใข้องค์ความรู้ทางแพทย์และเภสัชกรรมเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและยอมรับตามมาตรฐานการพัฒนายาจากพืชในระดับสากล

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการน่านแซนด์บอกซ์ในการยกระดับคุณค่าและมูลค่าของพืชยาใต้ป่าน่านเพื่อสร้างรายได้ให้ชาวบ้านจ้งหวัดน่านควบคู่ไปกับการฟื้นคืนป่าตันน้ำน่าน อันเป็นทรัพยากรที่มีค่า เป็นป่าตันน้ำอันตับ 1ของประเทศ

ในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่เป็นพืชของป่าน่าน ทำให้ในเวลาต่อมา มูลนิธิกสิกรไทย ได้จับมือมหาวิทยาลัยขอนแก่นพัฒนายาจากพืช โดยนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการมูลนิธิกสิกรไทย ได้เซ็นเอ็มโอยู กับรองศาสตราจารย์นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล    อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยเพื่อการคืนป่าตันน้ำจังหวัดน่าน  โดยมุ่งเน้นการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมยาและผลิตภัณฑ์สงเสริมสุขภาพจากพืชยาที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพและความปลอดภัย ด้วยการผนึกกำลังจากคณะแพทยศาสตร์คณะเภสัชศาสตร์สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาสมรรถนะมนุษย์และการเสริมสร้างสุขภาพ และสถานบริหารจัดการงานวิจัยคลินิกมหาวิทยาลัยขอนแก่น  ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในห่วงโซการพัฒนายาจากพืชเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและการยอมรับตามมาตรฐานการพัฒนายาจากพืชยา ในระดับสากลความร่วมมือนี้เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนโครงการน่านแซนด์บอกซ์เป็นการยกระดับคุณค่าและมูลค่าของพืชยาใต้ป่าน่าน เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรควบคู่ไปกับการฟื้นคืนป่าตันน้ำน่าน อันเป็นทรัพยากรที่มีค่าเป็นป่าตันน้ำอันดับ 1 ของประเทศ

 ก่อนหน้านี้ เพจ “เรียนรู้รักษ์ป่าน่าน”ยังได้โพสต์ข้อความ ชวนรู้จัก “หญ้ายา” สมุนไพรใต้พื้นป่าที่มาจากน่านโดยตรงโดยแจกแจง“หญ้ายา” (Yaya) ‘ หมายถึงอะไร ว่า “หญ้ายา ” ไม่ใช่ชื่อเฉพาะเจาะจงของพืชชนิดใดชนิดหนึ่ง’ แต่เป็นชื่อเรียกรวม ๆ ของ ‘พืชที่มีสรรพคุณทางยา’ หลากหลายชนิด ดังนั้น หญ้ายา อาจเป็นต้นหญ้า เป็นไม้ล้มลุก ไม้เลื้อย ไม้พุ่ม ไม้เถา หรือไม้ยืนต้นก็ได้ ซึ่งสรรพคุณทางยาก็จะแตกต่างกันไปตามชนิดของพืช เช่น รางจืด มีสรรพคุณลดไข้ ขมิ้นชันใช้แก้ปวด ดังนั้น หญ้ายา จึงอาจไม่ได้มีสรรพคุณตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่นำมาสกัดนั่นเอง
.
หญ้ายา จึงเป็นการต่อยอดจากภูมิปัญญาโบราณ ของชาวน่านในการใช้พืชรักษาโรคที่มีมายาวนานกว่า 700 ปี และเกิดจากการลองผิดลองถูกของบรรพบุรุษชาวน่าน ตลอดจนการจดบันทึกความสามารถในการรักษาโรคของพืชพรรณต่าง ๆ ด้วยความที่น่านมีป่าเขาลำเนาไพรอุดมสมบูรณ์ ชาวน่านจึงมีวิถีชีวิตที่ผูกพันธุ์กับพืชนานาชนิดมาตั้งแต่อดีต จากการลองถูกลองผิดจนค้นพบสรรพคุณที่แตกต่าง จนมาถึงยุคปัจจุบัน ที่มีการศึกษาพัฒนาเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ศึกษาชนิดของพืช ชนิดของยา วิธีการปลูก และทำการวิจัยจนสามารถสกัดตัวยาจากหญ้ายาที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่ายาที่เกิดจากการสังเคราะห์สารเคมีเลยทีเดียว
.
นอกจากนี้ ในความเป็นหญ้ายา ก็ไม่ใช่ว่าจะเหมารวมว่าต้นอะไรก็เป็นหญ้ายาได้ เพราะพืชที่จะเป็นหญ้ายาจำเป็นต้องตรงตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้ คือ  เติบโตด้วยดินดี มีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยน้ำดี ใสสะอาด ของจังหวัดน่านเท่านั้น  เป็นการต่อยอดจากตำรับยาโบราณ   มีการใช้เภสัชนวัตกรรมในการผลิต และที่สำคัญมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับ
.
อีกด้านหนึ่งคำว่า “หญ้ายา” ยังมีที่มาจากคำว่า ‘เย่าเฉา’ (藥草 — Yàocǎo) ในภาษาจีน ที่แปลว่าหญ้าที่มีฤทธิ์ทางยา ซึ่งไม่เหมือนกับสมุนไพรไทย อาจเป็นได้ทั้ง พืช สัตว์ หรือแร่ธาตุที่เรานำมาบริโภคแล้วรักษาโรคได้ เป็นองค์ความรู้ที่สืบทอดกันมายาวนาน ส่วน “หญ้ายา” ของน่านเป็นการนำองค์ความรู้เรื่องพืชสมุนไพรเหล่านั้นมาต่อยอดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อศึกษา เพาะพันธุ์และสกัดตัวยาที่ออกฤทธิ์มาทำเป็นยาแผนปัจจุบันที่มีคุณภาพสูง

หญ้าถอดปล้อง สรรพคุณมีสารซิลิก้าช่วยบำรุงรากผม และหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วง และสามารถลดไข้ แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ปวดตามข้อ
(ภาพและข้อมูลจากเพจ “องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน)



อาจกล่าวได้ว่า “หญ้ายา” ถือเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาล้ำค่าของชาวไทย ที่ถูกนำมาต่อยอดไม่ให้เลือนหายด้วยโครงการ “น่านแซนด์บ็อกซ์” (Nan Sandbox) โดยการสนับสนุนงบประมาณจากธนาคารกสิกรไทย ซึ่งขณะนี้มีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่กำลังพัฒนาภูมิปัญญาเหล่านี้ให้ก้าวไกลในระดับประเทศและระดับสากล เพื่อเพิ่มมูลค่าให้พืชพรรณของไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวไทยทุกคน

สาบหมา สรรพคุณ ใบนำมาประคบรักษาแผลสดช่วยห้ามเลือด หมักผมลดผมหงอกทำให้ผมดกดำ มีฤทธิในการไล่แมลง
รากนำมาต้มแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ช่วยเจริญอาหาร แก้ร้อนใน แก้โรคกระเพาะอาหาร (ภาพและข้อมูลจากเพจ “องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน)


.
แม้ในตอนนี้ผลิตภัณฑ์จาก “หญ้ายา” จะอยู่ในช่วงทดลอง แต่หลังจากนี้เราก็น่าจะได้ยินชื่อของยาแผนปัจจุบันที่มาจาก “หญ้ายา” มากขึ้น และถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์รวมถึงส่งออกสู่ตลาดโลกอย่างแน่นอน ส่วนจะมียาชนิดไหนบ้าง ก็รอติดตามกันต่อไป

สำหรับ มูลนิธิกสิกรไทย ก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินงานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เด็ก สตรี คนพิการ และผู้สูงอายุ ในสังคมไทย ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลในชนบทและชุมชนเมือง ด้านการสาธารณสุข การศึกษา และคุณภาพชีวิต 8 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการ “อาหารกลางวัน” 2. โครงการ “ห้องสมุดธนาคารความรู้”3. โครงการ “รถนักเรียนไทย”4. โครงการ “แคมป์รักเด็กไทย”5. โครงการ “เมตตาธรรม”6. โครงการ “ตรวจสุขภาพเด็กก่อนวัยเรียน”7. โครงการ “ข้าวไทยเพื่อคนไทย”8. โครงการ “น้ำดื่มสะอาดเพื่อเด็กไทย”

ส่วนโครงการพัฒนายาจากตำรับโบราณของน่าน ถือว่าเป็นครั้งแรกของมูลนิธิฯในการสนับสนุนนพัฒนาวัตกรรมด้านยาของประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สสส. สานพลังเทศบาลเมืองน่าน UDC ม.แม้โจ้ หนุน 'จ.น่าน' เป็นจังหวัดแรก ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ภายใต้นโยบาย 'เมืองสุขภาพดี' หรือ blue zone ของกระทรวงสาธารณสุข ชู 'ชุมชนน้ำล้อม เทศบาลเมืองน่าน' ต้นแบบเมืองที่เป็นมิตรเพื่อผู้สูงอายุและทุกคน จัดทีมช่างชุมชนออกแบบ ปรับปรุงบ้านคนสูงอายุ คนพิการ ที่อยู่เพียงลำพัง

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วยนางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ และผศ.ดร.วุฒิกานต์ ปุระพรหม หัวหน้าศูนย์ออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน (UDC) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้การออกแบบและปรับปรุงบ้านพักของผู้สูงอายุตามแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน ในพื้นที่ที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุและทุกคน

นายกฯ จ่อลงพื้นที่ตรวจราชการจ.น่าน ติดตามการเจรจาแก้หนี้นอกระบบ 23 ธ.ค. นี้

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดน่าน

พลิกโฉมพิพิธภัณฑ์น่าน เพิ่มความทันสมัย

ล่าสุด กรมศิลปากรชวนไปยลโฉมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เพื่อชมห้องจัดแสดงนิทรรศการโฉมใหม่ หลังดำเนินโครงการปรับปรุงการจัดแสดงและพื้นที่ภายในอาคาร เพื่อพัฒนาให้มีความทันสมัยรองรับการใช้บริการ และส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญ