กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดงานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม มีการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี พ.ศ. 2565 มีดังนี้ 1.บ่อเกลือ 2 ตำนานนางผมหอม 3.ตำนานหลวงพ่อพระใส 4.แห่นกบุหรงซีงอ 5.นาเกลือ 6.น้ำผักสะทอน 7.ผ้าไหมหางกระรอกโคราช 8.ผ้าซิ่นตีนแดงบุรีรัมย์ 9.ผ้าโฮลสุรินทร์ 10.เมรุลอย 11.การเส็งกลองกิ่ง 12.การเล่นโหวด 13.เรือบก 14.อุ้มพระดำน้ำ โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม เป็นประธาน พร้อมมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและมรดกภูมิปัญญาที่นำมาต่อยอดสู่ซอฟพาวเวอร์สร้างเศรษฐกิจชาติให้ประชาชนมีรายได้ มีอาชีพที่มั่นคง ส่งเสริมการท่องเที่ยวและคนไทยเกิดความรักและหวงแหนความเป็นไทย โดยหลังจากนี้วธ. พร้อมขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรากฐานผ่านโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มีการส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่แสดงถึงเกียรติ และความภาคภูมิใจ ของคนในท้องถิ่น และคนในชาติมาสร้างคุณค่าทางสังคม ต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผลักดันให้เกิดค่านิยม ที่มีอิทธิพลกับความคิดของสังคม และประชาชนในประเทศและต่างประเทศ
นายโกวิท ผกามาศ อธิบดี สวธ. กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ทำให้เกิดการกระตุ้นให้สังคมได้รับรู้ เป็นการ ปกป้อง คุ้มครอง ดูแลไม่ให้ภูมิปัญญาต่าง ๆ สูญหายไป รวมทั้งจะนำไปสู่การพิจารณาคัดเลือก รายการต่างๆ ที่โดดเด่น มีคุณค่า นำเสนอต่อ ที่ประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโก เพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติ ซึ่งประเทศไทย ได้รับการพิจารณาขึ้นทะเบียนไปแล้ว 3 รายการ ได้แก่ โขน นวดไทย และ โนรา โดยขณะนี้ ประเทศไทยได้พิจารณารายการ เพื่อเตรียมขอขึ้นทะเบียนเบื้องต้น จากยูเนสโก ในปี 2567 จำนวน 3 รายการ ได้แก่ ชุดไทยพระราชนิยม ประเพณีลอยกระทง และมวยไทย ที่สำคัญเป็นนิมิตหมายอันดีที่องค์การยูเนสโก รับรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรม ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย เข้าสู่วาระการพิจารณาการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในเดือน ธ.ค.นี้ด้วยจึงขอให้คนไทยร่วมอนุรักษ์ และสืบสานประเพณีไทยอันงดงามให้คงอยู่ และลุ้นการประกาศผลไปด้วยกัน
นายโกวิท กล่าวด้วยว่า ภายในงาน นี้ สวธ. ยังได้รวบรวม 77 เมนูอาหารถิ่นประจำจังหวัด ที่กำลังจะเลือนหาย หาได้ยาก เพื่อนำมาสู่การยกระดับ พัฒนา สร้างสรรค์ ขึ้นเป็นอาหารประจำจังหวัด และจัดสำรับประจำภาค ทั้ง 4 ภาค ซึ่งเรามองว่า อาหาร เป็นหนึ่งในซอฟพาวเวอร์ของประเทศ ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มต่อไปในตลาดโลกได้ ดังนั้นจะมีแผนโปรโมท อาหารถิ่น โดยใช้การสื่อสารรอบด้าน เพื่อต่อยอด และส่งเสริมเผยแพร่ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างความยั่งยืนให้กับเมนูอาหารที่หายไป โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย เชิญชวนให้ไปตามรอยชิมรสชาติอาหารทั้ง 77 เมนู ด้วย ขณะเดียวกัน ได้รับรายงานว่าจากการที่ประกาศเมนูอาหารถิ่นไปแล้ว สามารถปลุกกระแสความนิยมอาหารถิ่นในจังหวัดต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม มีผู้คนสนใจตามรอยไปชิม จนเป็นเมนูที่ขายดี และยังมีการหาข้อมูลเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต่างๆ ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าดีใจ และจัดให้เป็นเมนูจานเด็ดที่ต้องมาชิมในจังหวัดต่างๆ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจระดับจังหวัดได้เป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วธ.จัดมหกรรม‘ปลาร้า หมอลำอีสาน’ ยกระดับวัฒนธรรมพื้นบ้านให้ดังก้องโลก
กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนระดับประเทศ อาทิ หอการค้าไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บริษัท
สุดม่วน! วธ.จัด ‘หมอลำเฟสติวัลร้อยแก่นสารสินธุ์’ หนุนยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้
กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนระดับประเทศ อาทิ หอการค้าไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บริษัท ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด Sustainable Brands (SB) Thailand และ บริษัท
แต่งชุด 'เคบายา' ทั้งเมืองภูเก็ต ฉลองยูเนสโกขึ้นมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับจังหวัดภูเก็ตจัดงานเฉลิมฉลองการได้รับประกาศ ต้มยำกุ้ง และ ชุดแต่งกาย เคบายา เป็นรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประเภทบัญชี รายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
พิกัด 11 วัด งานอารามอร่ามประดับไฟรับปีใหม่
เพื่อส่งมอบความสุขปลายปีและเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) จัดกิจกรรม “อารามอร่าม 11 วัด 1 โบสถ์พราหมณ์1 พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2568 “ ถือเป็นอีกหมุดหมายที่ห้ามพลาดและไม่ได้จัดเป็นประจำ เพราะ