'ยูนิเซฟ'แต่งตั้ง 'มาดามแป้ง' เป็นทูตองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย คนที่สองต่อจาก 'อานันท์ ปันยารชุน 'อดีตนายกฯ

18 ก.ย.2566-

ยูนิเซฟประกาศแต่งตั้งนางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือ มาดามแป้ง เป็นทูตองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย โดยมาดามแป้งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยยูนิเซฟรณรงค์สร้างความตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบความเป็นอยู่ของเด็ก พร้อมทั้งระดมการสนับสนุนจากหลากหลายภาคส่วนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ ในประเทศไทยและทั่วโลกโดยเฉพาะเด็กกลุ่มเปราะบางที่สุด

ด้่าน มาดามแป้ง กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย ขอขอบคุณสำหรับความไว้วางใจที่มีให้กับแป้งในการปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับเด็กทุกคนในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นงานที่แป้งให้ความสำคัญมาก เพราะแป้งเชื่อจากใจจริงว่าเด็กทุกคนคืออนาคตของชาติ ที่จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแล เอาใจใส่ เพื่อให้เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงและมีคุณภาพ เฉกเช่นเดียวกับต้นไม้ที่จะเติบโตผลิดอกออกผลได้ดีก็ต่อเมื่อถูกปลูกในผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ ได้รับการรดน้ำ พรวนดินจากสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
“และด้วยความตั้งใจจริงกับศรัทธาที่แป้งมี แป้งจะพยายามทำทุกอย่าง โดยอาศัยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และความถนัดที่แป้งมีเพื่อร่วมสร้างสังคมและสภาพแวดล้อมที่เด็ก ๆ สามารถจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างมีคุณภาพ และมีความสุขที่ยั่งยืนค่ะ”

การแต่งตั้งมีขึ้นในวันนี้ที่องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย โดยมีนางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดีกับมาดามแป้งในโอกาสการเข้ารับตำแหน่งทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ


“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับมาดามแป้งในฐานะทูตองค์การยูนิเซฟคนใหม่ของประเทศไทย คุณสมบัติที่เพียบพร้อมของมาดามแป้ง ตลอดจนความสำเร็จจากบทบาทอันหลากหลายและแรงบันดาลใจที่มาดามแป้งได้ส่งต่อให้กับสังคม จะมีส่วนช่วยให้ยูนิเซฟบรรลุภารกิจเพื่อเด็กทั้งในด้านการเป็นกระบอกเสียงให้กับเด็กและเยาวชน และการทำให้สังคมได้รับรู้และเข้าใจถึงความต้องการของเด็ก ๆ มากขึ้น นอกจากนี้ มาดามแป้งจะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับชีวิตของเด็ก ๆ ในประเทศไทยและทั่วโลกอีกด้วย”

ในฐานะทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย มาดามแป้งจะร่วมสนับสนุนงานของยูนิเซฟในหลากหลายด้าน โดยจะเน้นไปที่การพัฒนาเด็กปฐมวัย การศึกษา การกีฬาเพื่อการพัฒนา การคุ้มครองเด็กจากภัยออฟไลน์และออนไลน์ และการขับเคลื่อนนโยบายคุ้มครองทางสังคมสำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบาง ควบคู่ไปกับการรณรงค์ด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้ความเป็นอยู่ของเด็กดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน

มาดามแป้งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เป็นคนที่สองต่อจาก นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่งทูตสันถวไมตรีขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2539 โดยก่อนหน้านี้ มาดามแป้งได้ร่วมงานกับยูนิเซฟในฐานะที่ปรึกษาขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้ลงพื้นที่กับยูนิเซฟเยี่ยมเด็กข้ามชาติและเด็กไร้สัญชาติในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเน้นย้ำเรื่องสิทธิการศึกษาของเด็ก โดยเด็กทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษาไม่ว่าพวกเขาจะมีสถานะหรือสัญชาติใดหรือไร้สัญชาติก็ตาม

“การได้ลงพื้นที่กับยูนิเซฟยิ่งตอกย้ำความเชื่อของแป้งว่าเด็กทุกคน ทุกสถานะ ทุกสัญชาติ ควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม เพราะการศึกษา คือหนึ่งในรากฐานสำคัญที่จะช่วยพัฒนาทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของประเทศเรา ซึ่งก็คือเด็ก ๆ ให้มีศักยภาพที่จะสามารถเติบโตไปเป็นพลเมืองโลกที่คุณภาพได้ต่อไป แป้งประทับใจในการทำงานของยูนิเซฟมากค่ะที่มีส่วนช่วยผลักดันส่งเสริมให้เด็กในประเทศไทยทุกคน รวมถึงเด็กข้ามชาติได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาในโรงเรียนไทย แป้งพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะช่วยผลักดันให้เด็กทุกคนในประเทศไทย ไม่ว่าจะมีสถานะใด มีสัญชาติใดหรือไร้สัญชาติ ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมค่ะ”

นอกจากจะเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จและผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยแล้ว มาดามแป้งยังเป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลทางสังคมที่มุ่งมั่นในงานด้านสังคมสงเคราะห์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อการพัฒนา เธอได้ริเริ่มโครงการมากมาย อาทิ การสนับสนุนอะคาเดมี่สโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. เข้าร่วมการแข่งขันรายการระดับประเทศ เพื่อให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่คลองเตยและใกล้เคียง ห่างไกลจากยาเสพติด, สร้างการแข่งขันมาดามคัพ 2022 ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยต่อยอดจัด 6 ภูมิภาคทั่วประเทศในปี 2023 เพื่อชิงรางวัล สร้างแรงบันดาลใจ สร้างเวทีแสดงความสามารถ อีกทั้ง ยังเป็นประธานมูลนิธิมาดามแป้ง ที่มีพันธกิจและขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาของเด็กในพื้นที่ห่างไกลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วย

จนถึงปัจจุบัน ยูนิเซฟได้แต่งตั้งทูตสันถวไมตรีและทูตยูนิเซฟประจำประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 200 คน โดยเป็นบุคคลสำคัญจากวงการศิลปะ บันเทิง กีฬา และสาขาอื่น ๆ บุคคลเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยยูนิเซฟรณรงค์เรื่องสิทธิเด็กตลอดจนสนับสนุนงานระดมทุนของยูนิเซฟทั่วโลก

ปัจจุบัน ยูนิเซฟยังร่วมงานกับเป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร, มิน พีชญา วัฒนามนตรี, แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล, หนูดี วนิษา เรซ และ พอลล่า เทย์เลอร์ ในฐานะเฟรนด์ส ออฟ ยูนิเซฟ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยยูนิเซฟรณรงค์และพัฒนาความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ ในประเทศไทยและทั่วโลก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส.บอลจ่ายเงินหนุนทีมT3งวดสอง 69ทีมกว่า17ล้าน ตั้งลูก'จักรทิพย์'สภากรรมการ

ที่ประชุมสภากรรมการ อนุมัติจ่ายเงินสนับสนุน ทีมไทยลีก3 งวดสอง 25 พ.ย.นี้ ,ตั้ง ชัยธัช ชัยจินดา ลูกชายพล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นกรรมการกลาง

'มาดามแป้ง'ให้เครดิตทุกฝ่าย ช่วยส่งเสริมส.บอลไทย คว้ารางวัลระดับเอเชียในรอบ30ปี

"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอมอบเครดิตให้ทุกฝ่าย ที่ทำให้ สมาคมฯ คว้ารางวัล สมาคมฟุตบอลยอดเยี่ยม (𝐀𝐅𝐂 𝐌𝐞𝐦𝐛𝐞𝐫 𝐀𝐬𝐬𝐨𝐜𝐢𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐘𝐞𝐚𝐫) ระดับ Diamond ในงาน AFC Annual Awards Seoul 2023 ที่ Grand Peace Palace มหาวิทยาลัย Kyung Hee เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา

'มาดามแป้ง'แจกอัดฉีด5ล้าน 'อิชิอิ'ขอบคุณกองเชียร์ ช่วยนักเตะมีพลัง

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน"คิงส์คัพ" คร้ั้งที่ 50 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่จังหวัดสงขลา ทีมชาติไทย เอาชนะ ซีเรีย ไป 2-1 จากประตูของ เอกนิษฐ์ ปัญญา และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ส่วน ซีเรียได้ประตูตีไข่แตกจาก เอเซเกล ฮาม ทำให้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์สมัยที่ 16 และเป็นการกลับมาคว้าแชมป์ครั้้งแรกในรอบ 7 ปีด้วย

กระแส'คิงส์คัพ'แรง 'มาดามแป้ง'เผยบัตรนัดชิงฯเหลือ3,000ใบ หวังเห็นสงขลาสนามแตก

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 น. ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดใหญ่เดินทางมารายงานตัว เพื่อเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางไป จังหวัด สงขลา เพื่อทำการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 ระหว่างวันที่ 11-14 ตุลาคม 2567

'มาดามแป้ง'บุกอินโดนีเซีย หารือ'เอริค ตอฮิร' ถึงความร่วมมือพัฒนาฟุตบอล

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซีย เพื่อประชุมร่วมกับ เอริค ตอฮิร ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอินโดนีเซีย (PSSI) โดยในการพูดคุยนั้นมีหัวข้อสำคัญของการพัฒนาฟุตบอลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงความร่วมมือในอนาคตของสองประเทศ อย่าง ไทย และ อินโดนีเซีย อีกทั้งยังได้เยี่ยมชมการทำงานของสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย อีกด้วย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น และ เป็นกันเอง