15 ก.ย.2566-ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 กันยายน 2566ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน โดยยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของนักท่องเที่ยวสัญชาติจีนที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายหลักของไทยและสัญชาติคาซัคสถานที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนแรกของคณะรัฐมนตรี โดยมีมติให้ยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถานซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 30 วันโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเร่งเครื่องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ของปี 2566และส่งผลดีถึงต้นปี 2567
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่านักท่องเที่ยวตลาดจีนถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของประเทศไทย โดยยังมีการฟื้นตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 30เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 และเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงทั้งด้านรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งนี้เชื่อมั่นว่ามาตรการยกเว้นการตรวจลงตราจะเป็นแรงส่งช่วยพลิกฟื้นการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่า ตลอดช่วงระยะเวลา 5เดือนที่มีการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนประมาณ 1,912,000 –2,888,500 คน ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 41 – 62สร้างรายได้เข้าประเทศ 92,583 – 140,313 ล้านบาท ขณะที่นักท่องเที่ยวคาซัคสถานในช่วง 5 เดือนดังกล่าวจะมีจำนวนประมาณ 129,485 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ประมาณ 7,930 ล้านบาท โดยมาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการ Quick Win ที่รัฐบาลใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในระยะสั้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากของประเทศ
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 10 กันยายน 2566 จำนวน 2,284,281 คน ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับที่ 2 รองจากมาเลเซียที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุด ทั้งนี้ถ้าไม่มีมาตรการในการยกเว้นการตรวจลงตรา ( Visa Exemption) จะมีแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2566 จำนวนรวมทั้งสิ้น 3,470,430 คนซึ่งคิดเป็นอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 31 สร้างรายได้ 174,358 ล้านบาทแต่เมื่อมีการยกเว้นการตรวจลงตราจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยในการกระตุ้นตลาดทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 4.04-4.4 ล้านคน และมุ่งสู่เป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้257,500 ล้านบาทในปี 2566 เนื่องจากเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง (Ease of Traveling) นักท่องเที่ยวไม่ต้องใช้ระยะเวลาในการขอตรวจลงตรา และเสียค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น รวมถึงในช่วงวันที่ 1 – 8 ตุลาคมนี้ที่จะเป็นช่วง Golden week ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวประกอบกับพันธมิตรด้านสายการบินมีความพร้อมจัดทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight)และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน ตลอดจนการเปิดเส้นทางการบินใหม่ อาทิ เฉิงตู – สมุย, ปักกิ่ง – เชียงใหม่, กวางโจว– เชียงใหม่, เซี่ยงไฮ้ – เชียงใหม่, เซี่ยงไฮ้ – ภูเก็ต, กวางโจว – ภูเก็ต, คุนหมิง – หาดใหญ่
ทั้งนี้ระยะของมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรายังครอบคลุมถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่และตรุษจีนที่จะช่วยส่งเสริมกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในช่วงต้นปี 2567 อีกด้วยสำหรับตลาดคาซัคสถานถือเป็นตลาดที่เติบโตได้ดีและมีศักยภาพสูง โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม –10 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วจำนวน 108,636 คนซึ่งนับว่าเป็นสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงที่สุดโดยนักท่องเที่ยวคาซัคสถานนิยมเดินทางมาพักผ่อนที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมากการยกเว้นการตรวจลงตราให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางมากขึ้น
การยกเว้นการตรวจลงตราของทั้งสองประเทศดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว และผลักดันให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในปี 2566 บรรลุเป้าหมายทั้งทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 – 30 ล้านคนและรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาทต่อเนื่องไปจนถึงเป็นแรงส่งในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในปี2567 ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาคการท่องเที่ยวอันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เซเว่นฯ เปิดตัว แสตมป์เสน่ห์ไทย ให้ลูกค้าสะสม
เซเว่นฯ จับมือ ททท. สร้างปรากฎการณ์ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ…ก็หลงรัก” ผ่านแคมเปญสุดจึ้งแห่งปีโดยมี “โดราเอมอน” มาสร้างความสนุก ผสมผสานความเป็นไทยครั้งแรก!!! จัดใหญ่ทั่วไทย…แจกใหญ่ทั่วถึงสะสมได้ทั้งรูปแบบดวงแสตมป์ และ M-Stamp บน 7 App ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ถึง 15 ธันวาคม 2567
มท. จ่อคลอดประกาศ 'ฟรีวีซ่า' 93 ประเทศ เริ่ม 15 ก.ค.
'โฆษก มท.' เผยมหาดไทยเตรียมออกประกาศยกเว้นวีซ่า 60 วัน 93 ประเทศ เริ่ม 15 ก.ค. 67 พร้อมปรับปรุงแนวทางตรวจลงตราให้ยืดหยุ่น หนุนท่องเที่ยวไทย
ททท. กางแผนปี 68 ดึงต่างชาติเที่ยวทะลุ 40 ล้านคน สร้างรายได้ 3.4 ล้านล้าน
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในงานประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ปี 2568 (Tourism Authority of Thailand Action Plan 2025 : TATAP 2025) ว่า ททท.ตั้งเป้าหมายในปี 2568 สร้างรายได้รวมเพิ่มจากที่ทำได้ในปี 2567 ไปอีก 7.5%