โบราณวัตถุจำนวนมากกว่าแสนชิ้นที่เป็นสมบัติล้ำค่าของชาติเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบและปลอดภัยตามมาตรฐานคลังพิพิธภัณฑ์ระดับโลกที่อาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งจัดสร้างขึ้นใหม่ โดยออกแบบและวางระบบการบริหารจัดการให้เป็นคลังเปิด (Visible Storage) จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการศึกษาเรียนรู้ ค้นคว้า วิจัยโบราณวัตถุ ตั้งแต่ปูนปั้น เครื่องปั้นดินเผา โลหะ แก้ว ไม้ หนังสัตว์ กระดูก และผ้าสมัยโบราณ
การนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเปิดอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี และทอดพระเนตรนิทรรศการประวัติความเป็นมาของอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และห้องคลังโบราณวัตถุภายในอาคาร ด้วยความสนพระทัย โดยมี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าฯปทุมธานี นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เฝ้าฯ รับเสด็จ
ความเป็นมาของอาคารแห่งนี้ กรมศิลปากร (ศก.) น้อมนำแนวพระราชดำริในกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้พระราชทานไว้เกี่ยวกับการจัดสร้างคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติให้มีพื้นที่เพียงพอต่อปริมาณโบราณวัตถุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ปรับปรุงพัฒนาให้เป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานพิพิธภัณฑ์วิทยา เพื่อการอนุรักษ์โบราณวัตถุของชาติ และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นด้วยการเปิดให้บริการศึกษาค้นคว้า วิจัย
ต่อมา พ.ศ. 2545 ศก.ได้ย้ายโบราณวัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เดิมใช้พื้นที่อาคารจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มาจัดเก็บ ณ อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก จ.ปทุมธานี โดยจัดวางตามหมวดหมู่ประเภทวัสดุตามหลักการอนุรักษ์โบราณวัตถุ ออกแบบห้องคลังต่างๆ ให้เป็นคลังเปิดเพื่อการศึกษาที่เปิดให้ผู้เข้าเยี่ยมชมมองเห็นได้จากภายนอกผ่านผนังกระจก
จากนั้น พ.ศ.2559 รัฐบาลมอบหมายให้ วธ. โดย ศก. ก่อสร้างอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหลังใหม่ในพื้นที่ว่างของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก ออกแบบให้เป็นอาคารคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุโดยเฉพาะ ตั้งแต่รูปแบบอาคารที่คำนึงถึงการควบคุมความร้อน ความชื้นจากภายนอกอาคาร ติดตั้งระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคารเพื่อปกป้องและรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ให้มีความยั่งยืนและปลอดภัยตามมาตรฐานคลังพิพิธภัณฑ์สากล ได้แก่ ระบบจัดเก็บตามประเภทวัสดุของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ระบบตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิความชื้น ระบบปรับอากาศ ระบบป้องกันอัคคีภัย ป้องกันภัยธรรมชาติ และการโจรกรรม โดยกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงวางศิลาฤกษ์อาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วันที่ 1 ต.ค.2559
อาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่พิเศษ ความสูง 4 ชั้น ตัวอาคารมีพื้นที่ใช้สอยภายนอกและภายในรวม 30, 000 ตารางเมตร สามารถรองรับโบราณวัตถุได้มากถึง 200,000 รายการ รูปทรงอาคารเป็นทรงไทยประยุกต์ ออกแบบโดยนำเส้นสายฐานบัวอันเป็นเอกลักษณ์ในงานสถาปัตยกรรมไทยเข้ามาใช้เป็นกรอบโครงด้านนอกของอาคาร เพื่อสร้างเอกลักษณ์ไทยด้วยวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ มีการระบายอากาศที่ดี สามารถนำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ในอาคาร และเหมาะสมกับสถานที่ตั้งที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในอาคารเป็นประเภทเหล็ก คอนกรีต อลูมิเนียมและกระจกเป็นหลัก ไม่ใช้วัสดุประเภทไม้ ลดโอกาสมีแมลงเข้ามาอยู่อาศัยทำลายโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่อยู่ภายในอาคาร
ปัจจุบันมีโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เก็บรักษาในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จำนวนรวม 113,849 รายการ จัดเก็บในห้องคลังขนาดใหญ่ รวม 10 ห้อง แบ่งห้องคลังในแต่ละชั้นตามน้ำหนักโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และประเภทวัสดุเพื่อความปลอดภัยในการเก็บรักษา การเคลื่อนย้าย และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วยห้องคลังโบราณวัตถุประเภทหินและปูนปั้น ห้องคลังโบราณวัตถุประเภทโลหะ 3 ห้อง ห้องคลังโบราณวัตถุประเภทเครื่องปั้นดินเผาและแก้ว 2 ห้อง ห้องคลังโบราณวัตถุประเภทไม้ 2 ห้อง และห้องคลังโบราณวัตถุประเภทหนังสัตว์ ผ้า กระดาษ กระดูก งา และเขาสัตว์ 2 ห้อง
คลังกลางแห่งใหม่ออกแบบและวางระบบการบริหารจัดการให้เป็นคลังเปิดเพื่อให้บริการในรูปแบบของคลังเพื่อการศึกษา (Study Collection) ตามแนวพระราชดำริกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้บริการใน 2 รูปแบบ คือ การเข้าศึกษาตามอัธยาศัยในพื้นที่บริการทั่วไป ได้แก่ ห้องสมุด ห้องสอบค้นฐานข้อมูลโบราณวัตถุ และใช้บริการสำเนาไฟล์ภาพถ่ายโบราณวัตถุ อีกรูปแบบบริการการศึกษาชิ้นงานโบราณวัตถุ ซึ่งต้องยื่นคำร้องขออนุญาต เมื่อได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกนำเข้าศึกษาโบราณวัตถุในพื้นที่ควบคุมชั้นใน โดยจะเปิดให้บริการแก่นักศึกษา นักวิจัย และประชาชนเข้าศึกษาโบราณวัตถุในคลังนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. นี้ ตรงกับวันพิพิธภัณฑ์ไทย
ใครสนใจเรื่องราวโบราณวัตถุเข้ามาคลังกลางหรือไม่สะดวกเดินทางก็มีบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์สามารถชมบรรยากาศห้องคลังโบราณวัตถุ และโบราณวัตถุชิ้นสำคัญในมุมมอง 360 องศา ผ่านทางแอพพลิเคชั่น Virtual Smart museum และ FA Discovery เพื่อให้โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เก็บรักษาในคลังนี้เกิดประโยชน์แก่ทุกคน คนทุกเพศทุกวัยสามารถเรียนรู้ สร้างความตระหนัก รักหวงแหน และมีส่วนร่วมปกป้องคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดงาน'สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย'
29 ต.ค.2567 - เวลา 09.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานเปิดงาน“สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย ครั้งที่ 26 ” ณ ลิฟวิ่ง ฮอลล์ ชั้น 3 สยามพารากอน
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเทศกาลน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภัทรพัฒน์ ณ เอ็มสเฟียร์
18 ต.ค.2567 - เวลา 14.30 น.สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน “เทศกาลน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภัทรพัฒน์” โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ณ เอ็ม กลาส
โบราณสถานเวียงกุมกามเสียหายหนักจากน้ำท่วม
7 ต.ค.2567 - นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามผลกระทบของสถานการณ์อุทกภัยที่มีต่อโบราณสถานสำคัญของจังหวัด โดยพบว่า พื้นที่เวียงกุมกามที่เป็นเมืองโบราณสมัยพญามังรายปฐมกษัตริย์ล้านนา ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสา
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ 'บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่'
1 ต.ค.2567 - เวลา 9.04 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2024 (BAB 2024) ภายใต้แนวคิด "รักษา กายา
คนรักศิลปฯแย้งผู้ว่าฯทุบปูนปั้นครูทองร่วง ยันผู้เสียหายคือสาธารณะ เตือนผิดม.157
นายวรา จันทร์มณี เลขาธิการชมรมคนรักศิลปวัฒนธรรม อดีตเลขาฯศิลปินแห่งชาติ อังคาร กัลยาณพงศ์ โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีทุบปูนปั้นครูทองร่วง เอมโอษฐ ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี (ตอนที่ 2) ระบุว่า
วธ.สั่งวางมาตรการลดเสี่ยงโบราณสถานตลอดฤดูฝน
13 ก.ย.2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณน้ำฝนที่มีจำนวนมากที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย รู้สึกห่วงใยชาวจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมากที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด