เยือนถิ่นมังกร เมืองสุพรรณ ไหว้พระวัดดัง ขี่ควายยิ้ม  

อุทยานมังกรสวรรค์ มังกรบนเกลียวเมฆ 

สุพรรณบุรี เป็นจังหวัดใกล้กรุงเทพฯอีกจังหวัด ที่มีอะไรน่าไปเที่ยวเยอะมาก  เหมาะทั้งการเที่ยวแบบวันเดย์ทริป หรือจะค้างสักสองสามคืนก็ได้ ใครที่มีเวลาน้อยต้องวางแพลนไปเที่ยวสักครั้ง จะเที่ยวแนวธรรมชาติ เที่ยวในเมือง เที่ยวสัมผัสชุมชน  ไปไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมือง หรือไปแค่ตลาดเก่าๆของจังหวัด ก็ได้ทั้งนี้น

ความที่สุพรรณเป็นเมืองในประวัติศาสตร์ จึงทิ้งร่องรอยไว้จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะชุมชนชาวจีนที่มาอยู่อาศัยหลายร้อยปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยอยุธยาก็ว่าได้  คนจีนเมื่อไปอยู่ที่ไหน ก็มักจะทำมาค้าขาย ตามท่าน้ำของสุพรรณ จึงเป็นจุดค้าขายขนส่งสินค้าในอดีต  นอกจากทำมาหากินแล้ว ชาวจีนยังนำวัฒนธรรมความเชื่อติดตัวมาด้วย   “อุทยานมังกรสวรรค์”ก็เป็นมรดกของบรรพบุรุษชาวจีนในประเทศไทย ซึ่งใครมาสุพรรณไม่ควรพลาด  ที่อุทยานมังกรสวรรค์ ยังอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกับศาลหลักเมือง คือถ้าใครไปศาลหลักเมืองก็จะได้ชมอุทยานมังกรสวรรค์ด้วย

เจ้าพ่อหลักเมืองพุทธปฎิมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำ


มาพูดถึงศาลหลักเมือง มีลักษณะวิหารรูปเก๋งจีน ด้านในประดิษฐานองค์เจ้าพ่อหลักเมืองพุทธปฎิมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำ ศิลปะแบบขอมเป็นรูปพระวิษณุกรรมสวมหมวกแขก ในศิลปะไพรกเมง ซึ่งเป็นศิลปะขอม อายุประมาณ 1,300-1,400 ปีมาแล้ว มีพระนามว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ พระนารายณ์สี่กรซึ่งเป็นพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ทิเบต ญวน เขมร นับถือ

ส่วนอุทยานมังกรสวรรค์ ที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับศาลหลักเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมมังกรสีทองขนาดใหญ่สุดอลังการ ตามแบบลักษณะความเชื่อของชาวจีน อยู่ในลักษณะเลื้อยอยู่ในมวลหมู่ก้อนเมฆ โดยส่วนใต้ลำตัวของมังกรเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของจีนกว่า 5,000 ปีที่แล้ว และชาวจีนในสยามประเทศ ด้านในมีห้องจัดแสดงประมาณ 20 ห้อง โดยแต่ละห้องมีรูปแบบการนำเสนอทั้งงานประติมากรรม เทคนิคแสงสี การเคลื่อนไหวต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ ห้องเทพนิยาย(กำเนิดโลก) เพราะชาวจีนเชื่อว่าโลกถูกสร้างขึ้นโดยเทพบิดรผานกู่ ซึ่งสละชีวิตแยกแผ่นดินและแผ่นฟ้า จึงทำให้เกิดธรรมชาติต่างๆ ถัดมาที่ห้องราชวงศ์เชี่ย-ชาง ตำนานปลาหลีฮื้อกลายมังกรต้าอวี่ ผู้คนพบการแก้ปัญหาอุทกภัยแม่น้ำเหลือง อีกทั้งยังเป็นยุคที่ค้นพบสำริด อักษรกระดองเต่า ที่จัดแสดงของจริงไว้ในห้องนี้ด้วย

ห้องจัดแสดงการตัดสินคดีศาลไคฟง

ถัดมาที่ห้องราชวงศ์ชิง(โรงงิ้ว) ซึ่งเป็นยุคที่มีการแสดงงิ้ว ศิลปะการแสดงอันวิจิตรและทรงคุณค่าของจีน และของโลก ห้องนี้เราจะได้ชมการแสดงงิ้วจากหุ้นจำลองที่น่าตื่นตา ต่อมาห้องราชวงศ์ซงเหนือ(เปาบุ้นจิ้น) ภายในห้องนี้เราจะได้เห็นประติมากรรมหุ้นจำลองศาลไคฟง และการตัดสินคดีความของท่านเปาบุ้นจิ้น และห้องสามก๊ก ซึ่งความพิเศษของห้องนี้คือการนั่งชมประวัติศาสตร์ฉบับย่อในยุคสามก๊ก ที่ฉายผ่านจอด้วยเทคนิคการนำเสนอเหมือนกับได้อยู่ในเหตุการณ์ นี่เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะห้องอื่นๆล้วนนำเสนอประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจ และไม่น่าเบื่อเลย เหมาะมากๆสำหรับใครที่ชื่นชอบการชมพิพิธภัณฑ์

ห้องที่มีการจำลองการเล่นงิ้ว ศิลปะการแสดงสำคัญของจีน

เดินทางไปสักการะวัดสำคัญของเมืองสุพรรณ ที่วัดพระศรีมหาธาตุ วัดคู่บ้านคู่เมือง สันนิษฐานว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี  ภายในบริเวณวัดประกอบไปด้วยโบราณสถานที่สำคัญ คือ พระปรางค์ ที่ทิ้งร่องรอยของความเสียหายเมื่อคราวสงครามในสมัยอยุธยา ซึ่งเจดีย์ประธานของวัดเป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนต้น เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม จำนวน 2 องค์ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของพระปรางค์ อุโบสถ วิหารน้อย และซากเจดีย์รายจำนวน 2 องค์ บริเวณด้านทิศตะวันตกของพระปรางค์ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปหินทรายอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ภายในวิหารด้านหน้าพระปรางค์

วัดพระศรีมหาธาตุ วัดคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณ

มาต่อที่วัดแค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดที่เก่าแก่ของเมืองสุพรรณ และยังมีชื่อปรากฏในวรรณคดี เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ที่เชื่อกันว่าขุนแผนได้เรียนวิชาเสกใบมะขามจากต้นมะขามขนาดใหญ่ภายในวัดแห่งนี้  หรือเรื่องเล่าของตัวต่อยักษ์ ส่วนภายในวิหารมหาอุตม์ประดิษฐาน พระพุทธมงคล ซึ่งเป็นพระประธานปางมารวิชัย สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ทำให้ผู้คนที่มีความเชื่อความศรัทธาหลั่งไหลมากราบกราบไหว้ขอพรกัน

วัดพังม่วง สักการะท้าวเวสสุวรรณ

มุ่งหน้าสู่อ.ศรีประจันต์ แวะสักการะท้าวเวสสุวรรณ วัดพังม่วง ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในจ.สุพรรณบุรี  นอกจากนี้ภายในวัดยังประดิษฐาน พระพุทธโสภิต พระประธานในอุโบสถ ที่ได้อัญเชิญมาจากวัดราชบุรณราชวรวิหาร กรุงเทพฯ มีอายุเก่าแก่มากถึง 700 ปี ที่นี่จึงเป็นหมุดหมายของสายมูที่เดินทางมาสักการะองค์ท้าวเวสสุวรรณ ไม่ว่าจะพรด้านโชคลาภ การงาน การเงิน

เรียนรู้วิธีการไถ่นาที่  หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย

สำหรับคนที่ชื่นชอบและอยากสัมผัสวิถีการเลี้ยงควายต้องมาที่หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ที่นี่เราจะได้ใกล้ชิดกับเหล่าควายไทยที่ทางหมู่บ้านได้เลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ ที่มีอยู่ประมาณกว่า 100 ตัว โดยมี 2 พันธุ์หลักๆ คือ ควายไทยเป็นพันธุ์ปลัก  และควายอินเดียพันธุ์มูร่าห์  ซึ่งส่วนใหญ่ควายของที่นี่ไม่ได้เลี้ยงเพื่อการใช้งาน แต่เลี้ยงเพื่อเป็นการอนุรักษ์และเปิดให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมภายในหมู่บ้านอนุรักษ์ควาย ซึ่งผู้ที่มาเยือนจะได้ชมกับความน่ารักของเหล่าควาย ไม่ว่าจะเป็นที่คาเฟ่ กินแฟ ดูฟาย ริมบึงน้ำ  ที่มีเครื่องดื่มดับร้อนหลากหลายเมนูพร้อมกับขนมทานเล่น และพอได้นั่งปุ๊ปก็จะมีพนักงานต้อนรับเป็นน้องควาย น่าตาเป็นมิตร ลอยคอมาออดอ้อนส่งสายตาหวานให้ป้อนหญ้า ซึ่งลูกค้าทุกรายก็ต้องใจอ่อนกับความน่ารักไปตามระเบียบ

ควายเผือกนอนแช่โคลนสบายใจ สิ่งที่ควายชอบที่สุด

อีกกิจกรรมที่น่าสนใจคือ ลานการแสดง ที่จะพาเราย้อนกลับไปชมวิถีชีวิตการทำนาโดยมีพระเอกสำคัญของเรื่องควาย ตั้งแต่พิธีการทำขวัญขวาน การใช่ควายไถ่นา นอกจากนี้ไฮไลท์ คือ การโชว์ความสามารถควาย ที่เรียกเสียงปรบมือได้ทั่วลานแสดงไม่ว่าจะเป็นควายยิ้ม ควายสวัสดี ความเดินข้ามสะพาน และยังมีการโชว์ตัวของพญาควาย ควายเผือก และเหล่าควายดาวเด่นอีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น หากใครที่อยากจะลองขี่ควายก็สามารถบอกพี่เลี้ยงได้เลย จะบอกว่ากลิ่นตัวของควายเป็นมิตรมากๆ  หนังนิ่มไม่หยาบกร้าน นั่งครั้งแรกก็จะดูจะเกร็งปนหวาดเสียว แต่พอนั่งไปสักพักก็ต้องปรับตัวอาจจะชินเหมือนกับพี่เลี้ยงที่ขึ้นขี่ได้สบายๆ ควายทุกตัวของที่นี่ค่อนข้างที่จะใจดี ไม่ดุร้าย สามารถสัมผัสตัวได้ มาแล้วต้องประทับใจแน่นอน

กินกาแฟ ดูฟาย คาเฟ่สุดเท่ที่มีควายมาคอบต้อนรับ

ก่อนกลับเราไปแวะที่ ตลาดสามชุก อ.สามชุก ตลาดเก่าแก่ของชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน  ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ซึ่งตลาดแห่งนี้จะเป็นร้านค้าเรือนไม้ที่สร้างอยู่ติดๆกัน มีการปรับเปลี่ยนให้ตลาดดูมีชีวิตชีวาด้วยงานจิตรกรรมต่างๆ ด้านในตลาดมีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสามชุก ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวบ้านที่นี่ สีสันของตลาดที่ต้องพูดถึงคือ ร้านค้ามากมายที่ได้ขนสินค้าทั้งอุปกรณ์เครื่องครัวแบบสมัยโบราณ ร้านขนมโบราณ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ลูกชิ้นยักษ์ ขนมสาลี่นมสด และอีกมากมายที่ให้เลือกทานกันแบบอิ่มจนจุก แถมได้ของฝากกลับบ้าน

ควายโชว์ยิ้มสวยๆ ให้ผู้ชม

สำหรับใครที่ยังลังเลไม่รู้ว่าวันหยุดจะไปเที่ยวไหนดี แนะนำเลยว่าต้องเปิดประสบการณ์ไปสุพรรณบุรีดูสักครั้งจะประทับใจทั้งความน่ารักของควาย เติมเต็มบุญที่วัดสำคัญๆ และอิ่มท้องกับเมนูอร่อยๆ จนต้องกลับมาซ้ำอีกแน่นอน

ขี่ควายง่ายๆ ไม่น่ากลัว เนื้อหนังนุ่มนิม
ช้อป ชิม ที่ตลาดสามชุก 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บ้านมั่นคงคนสุพรรณบุรี บ้านที่มากกว่าคำว่าบ้าน พัฒนาเมืองน่าอยู่ชุมชนเข้มแข็ง

สถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของจังหวัดสุพรรณบุรี ถ้ามาแล้วไม่ควรพลาด!!! นั่นก็คือ "ตลาดสามชุก" นับว่าเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีของกินอร่อย

นายกฯ ชมเปาะ 'วราวุธ' เก่ง ดูแลตัวเองได้ หลังเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณฯขอฝากด้วย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ สักการะพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง) ที่วัดเขาทำเทียม ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง โดยเมื่อมาถึงนายกฯได้ทักทายชาวบ้าน ซึ่งเป็นชาวไทยทรงดำ -ลาวเวียง -ลาวครั่ง ที่สวมชุดเรือธรรมพื้นถิ่นมาต้อนรับ

นายกฯ ชมสุพรรณบุรีบริหารจัดการน้ำดีที่สุด ตั้งแต่ยุคบรรหารทำไว้เป็นที่ประจักษ์

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พูดคุยประเด็นปัญหาในพื้นที่ โดยทันทีที่นายกฯเดินทางมาถึง นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัด สุพรรณบุรี ได้ร้องเพลงผู้ว่าฯมาหานะเธอ ที่เป็นการนำคำขวัญจังหวัดใส่ในเนื้อร้อง

เครือข่ายสวัสดิการชุมชนจัดงานสมัชชาสวัสดิการชุมชนระดับภาค ที่สุพรรณบุรี “สวัสดิการชุมชน พลังสร้างสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ แก้วิกฤตประชากรไทย”

สุพรรณบุรี : เครือข่ายสวัสดิการชุมชน ร่วม กระทรวง พม. พอช. จัดงานสมัชชาสวัสดิการชุมชนระดับภาค ภาคกลางและตะวันตก และภาคกรุงเทพฯ ปริมณฑลและตะวันออก