25 ก.ค. 2566- หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) นำโดย รศ.ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มระบบคมนาคมแห่งอนาคต บพข. เข้าตรวจเยี่ยมความคืบหน้าโครงการวิจัยและพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ)โดยนักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ กิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัดและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพข.เพื่อพัฒนาตู้รถไฟโดยสารต้นแบบที่เน้นการวิจัยพัฒนาและรวบรวมเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีอยู่ภายในประเทศเป็นหลักรองรับนโยบาย Thai Firstของกระทรวงคมนาคมและนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผลิตในประเทศโดยเฉพาะกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางของประเทศที่ต้องการให้มีตัวรถไฟที่จะมีการซื้อ-ขาย ในอนาคตต้องมีส่วนประกอบหรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่า 40% ซึ่งคาดการณ์ว่าต่อจากนี้ไปอีก 20 ปีจะมีความต้องการตู้รถไฟโดยสารไม่น้อยกว่า 2,425 ตู้
จากการเพิ่มขึ้นของทางรถไฟที่ภาครัฐได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารถไฟต่อตู้ เฉลี่ยตู้ละ 50ล้านบาท รวมมูลค่าสำหรับตลาดการผลิตตู้รถไฟโดยสารไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท ทั้งนี้ตัวรถไฟ (Rolling Stock)จัดเป็นแก่นของเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ของระบบรางจากการนำเข้าสินค้าประเภทตัวรถไฟและส่วนประกอบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถึง 2561 ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 80%เมื่อเทียบกับมูลค่ารวมของสินค้าทุกประเภทในระบบราง
ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะต้องเร่งกระบวนการสร้างผู้ผลิตในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)ที่มีความพร้อมในด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) และ การพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ(Technology Localization) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมขนส่งทางรางของไทย
รศ.ดร.สมยศ เกียรติวนิชวิไล คณะบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. หัวหน้าโครงการวิจัย เผยถึงจุดเด่นของรถไฟว่าโครงการนี้มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาและรวบรวมเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีอยู่ภายในประเทศเป็นหลักร่วมกับการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตชิ้นส่วนที่อาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง โดยตั้งเป้าต้องดำเนินการโดยใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศได้ไม่น้อยกว่า 40% ตามนโยบาย Thai First ของรัฐบาลซึ่งโครงการนี้เราสามารถสร้างรถไฟโดยสารต้นแบบพร้อมอุปกรณ์ที่มี local content คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40%ของมูลค่าสินค้ากรณีรวมแคร่รถไฟ และหากคิดเฉพาะตู้รถโดยสารพร้อมอุปกรณ์ประกอบไม่รวมแคร่รถไฟจะมี local contentสูงกว่า 70% ซึ่งเราได้ออกแบบตัวรถเองทั้งหมดโดยได้แรงบันดาลใจจากที่นั่งในเครื่องบินชั้นธุรกิจและชั้นเฟิร์สคลาสในรถไฟความเร็วสูง ในตัวต้นแบบนี้เราได้ทำที่นั่งจำนวน 25 ที่ ประกอบด้วยชั้น Super Luxury 8 ที่นั่ง และชั้นLuxury 17 ที่นั่ง ทุกที่นั่งมีจอภาพส่วนตัวสำหรับให้บริการด้านความบันเทิงและสั่งอาหาร ซึ่งจะมีพนักงานเสิร์ฟหุ่นยนต์นำอาหารมาส่งถึงที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีระบบห้องน้ำสุญญากาศและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งทางขึ้นรถไฟ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของผู้พิการโดยราคาค่าโดยสารนั้นคาดว่าจะใกล้เคียงกับตั๋วแบบนอนของ รฟท. การพัฒนาต้นแบบในครั้งนี้เราได้รับทุนสนับสนุนจาก บพข.และบริษัทกิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัด ซึ่งผลงานที่ออกมานั้นมีความคุ้มค่ากว่าการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาตัวรถให้มีน้ำหนักที่เบาลง จากการออกแบบด้วยระบบ Space Frame Modular Concept และแคร่รถไฟที่ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเราได้มีการจดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากโครงการแล้วจำนวนกว่า 7 ผลงาน และโครงการของเรายังมีผู้ประกอบการที่สามารถผลิตและประกอบชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 10 บริษัทเข้าร่วมโครงการ จึงเป็นการช่วยสร้างระบบนิเวศน์อุตสาหกรรมการผลิตรถขนส่งทางรางและสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมระบบรางตลอดห่วงโซ่การผลิต”
ด้าน รศ. ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มระบบคมนาคมแห่งอนาคต บพข.กล่าวถึงบทบาทของ บพข. ในการสนับสนุนโครงการนี้ว่า บพข.ได้ให้ทุนสนับสนุนโดยที่มีภาคเอกชนร่วมลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาด้วยเป็นการยืนยันว่าภาคเอกชนต้องการทำโครงการนี้อย่างจริงจัง เพราะเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูงและเป็นโครงการที่ บพข.คาดหวังให้ประสบความสำเร็จ เพราะคนไทยรอให้ประเทศเรามีรถไฟที่ทันสมัยแบบนี้มานานผู้ประกอบการไทยจำนวนมากมักกลัวการทำ R&D เพราะต้องใช้เงินลงทุนและมีความเสี่ยง ดังนั้น บพข. จึงต้องเข้ามาช่วยในส่วนนี้เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทำ R&D โดยมีการร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งนักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัยรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะ R&Dคือสิ่งสำคัญต่อการสร้างองค์ความรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการและประเทศ ซึ่งโครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเขาสามารถทำได้ ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าองค์ความรู้และความสามารถของคนไทยไม่ได้ด้อยกว่าคนอื่นแต่ว่าเอกชนไทยทุกวันนี้ยังขาดโอกาส ขาดการสนับสนุน บพข. ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐจึงเข้ามาช่วยในส่วนนี้คณะกรรมการและผู้เชี่ยวชาญใน บพข. เรามีความเข้มงวดในการพิจารณาโครงการ เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการต่าง ๆที่ส่งเข้ามานั้นมีผลกระทบ กับเศรษฐกิจของประเทศ
นายเมธัส เลิศเศรษฐการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัดได้เผยถึงเหตุผลที่ร่วมลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในโครงการนี้ว่า โครงการนี้เป็นการตอบคำถามอย่างเป็นที่ประจักษ์ว่าเราทำได้จริง และเชื่อว่าไม่ใช่แค่ไซโนเจน-ปิ่นเพชรที่ทำได้ประเทศเรามีอีกหลายบริษัท ทั้งที่มีขนาดใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าไซโนเจน-ปิ่นเพชร แต่มีศักยภาพจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามาร่วมโครงการนี้คือการที่รัฐบาลได้ลงทุนกับระบบรางกว่าแสนล้านบาท ทำให้มีความต้องการรถไฟเพิ่มขึ้นแต่ว่าเราต้องซื้อตัวรถเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจาก ยังไม่สามารถผลิตเองได้ ทำให้สุดท้ายก็จะกลายเป็นต่างชาติขายได้อย่างเดียวทำให้รู้สึกว่าเราต้องเสียโอกาสในส่วนนี้ไปหากไม่ทำอะไรเลย ดังนั้นทางไซโนเจน-ปิ่นเพชรกับทีมวิจัยจาก สจล.จึงร่วมมือกันทำโครงการนี้ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจาก รฟท. เขาได้เห็นว่ามีทั้งนักวิจัยที่เก่ง ๆ มีทั้งอาจารย์เก่ง ๆในประเทศเราที่มาร่วมมือกันและได้ทำสิ่งนี้ขึ้นมาจนสำเร็จ ทั้งยังผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยในระดับสากลซึ่งความปลอดภัยนั้นเป็นหัวใจหลักของรถโดยสาร
“สิ่งที่เราได้จากโครงการนี้คือเราได้มีโอกาสลองทำและทำได้สำเร็จ ซึ่งทำให้ลูกค้าที่ทำงานโดยใช้ระบบรางได้เห็นว่ามีผู้ประกอบการไทยสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างน้อยก็ไม่ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญต่างชาติราคาแพง ๆ ซึ่งกว่าจะจบโปรเจคก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในส่วนนี้แต่เรามีคนไทยที่ทำได้ และเราจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเอง ตอนนี้ประเทศเพื่อนบ้านเราไม่ว่าจะเป็นประเทศเมียนมาร์ เวียดนามและมาเลเซีย สามารถสร้างรถจักรเองได้แล้ว แต่ประเทศไทยเรายังต้องซื้อจากต่างประเทศอยู่ ซึ่งคิดเป็นงบประมาณกว่า 6,000ล้านบาท ส่วนตัวมองว่าการซื้อเป็นเพียงค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ยังมีค่าอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุงตามมาอีก เราจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจและโครงการนี้เราได้ร่วมกันกับทีมวิจัยสร้างทุกชิ้นของตัวรถไฟ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะต้องซ่อมเองได้ถ้าเราทำเองเราจะได้เพิ่มพูนองค์ความรู้และองค์ความรู้นั้นก็จะอยู่กับเรา เราสามารถที่จะซ่อมบำรุงเองได้ซึ่งแน่นอนกว่างบประมาณส่วนนี้ก็จะลดลงด้วยเช่นกัน และโครงการนี้ก็ได้เพิ่มพูนองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการแบบเราได้อย่างมากมาย”
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เผยถึงแผนการนำรถไฟต้นแบบไปใช้งานจริงในกิจการของ รฟท. ว่า รฟท. ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการวิจัยนี้ตั้งแต่ต้นเราเห็นตั้งแต่โครงสร้างแรก และเรื่องของความปลอดภัยในการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งเป็นสาระสำคัญโดยผู้วิจัยได้ดำเนินการส่วนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เราอยู่ในขั้นของการทดสอบบนทางรถไฟจริงสำหรับการให้บริการหากผ่านการทดสอบตรงนี้แล้วก็จะสามารถนำไปใช้จริงได้ในส่วนของแผนการเดินรถในอนาคตอาจต้องมีการทำแผนการจัดจำนวนที่นั่งและการจัดรูปแบบก่อนว่าจะเป็นอย่างไร
โครงการนี้เป็นต้นแบบซึ่งทาง รฟท. และทีมวิจัยมีความคาดหวังที่จะลองหลาย ๆรูปแบบเพื่อให้รู้ว่าวิธีไหนที่จะเหมาะสมกับผู้โดยสาร เช่น ผู้โดยสารระยะกลาง หรือผู้โดยสารระยะไกลโดยเราอาจนำไปลองกับผู้โดยสารระยะกลางก่อน สังเกตุว่ารถที่เราออกแบบมาจะเป็นกึ่งรถนอน คือเป็นรถที่มีที่นั่งสบาย ๆ ซึ่งจะสอดคล้องกับรางคู่ระยะกลางที่มีระยะทางประมาณ 500 กม. เราต้องการทำรถไฟให้สามารถแข่งขันกับสายการบินรวมถึงผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวได้ เพื่อดึงผู้โดยสารกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ที่อาจไม่เคยใช้บริการรถไฟมาก่อน ได้หันมาใช้บริการรถไฟของรฟท. เพื่อสร้างรายได้ให้กับ รฟท. เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นก็สามารถนำรายได้นั้นไปพัฒนารถไฟชั้น 3 หรือตู้โดยสารแบบอื่น ๆมาให้บริการประชาชนได้มากขึ้น
นอกจากนี้จุดเด่นของรถขบวนชุดนี้ยังเป็นขบวนที่มีความเงียบเนื่องจากไม่มีตัวเครื่องยนต์ปั่นไฟในตัวรถ ซึ่งเป็น concept ที่ รฟท.ใช้อยู่ จึงสามารถนำต้นแบบนี้ไปปรับใช้ได้ โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราสามารถประกอบตัวรถไฟที่มีชิ้นส่วนภายในประเทศได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เราสามารถใช้ local content ภายในประเทศได้มากยิ่งขึ้น
การพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการของ “การพึ่งพาตนเอง”ภายใต้ความร่วมมือของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การสนับสนุนงบประมาณการวิจัยจากแผนงานกลุ่มระบบคมนาคมแห่งอนาคตของหน่วยบริหารและจัดการด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ บริษัท กิจการร่วมค้าไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัด ที่ทำงานร่วมกับนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)โดยมีการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคมร่วมสนับสนุนข้อมูล การทดสอบและเป็นผู้นำผลงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ต่อไปความสำเร็จของโครงการนี้คาดว่าจะสามารถช่วยให้ประเทศประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 50%เมื่อเทียบกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และยังช่วยยกระดับอุตสาหกรรมขนส่งทางรางของไทยให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสนองตอบต่อความต้องการของผู้ใช้งาน และมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยในระดับสากล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สจล. นำร่องเปิดหลักสูตรวิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์ครบ 3 ด้านแห่งแรกของประเทศ
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่และมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตและเชื่อมโยงหลายอุตสาหกรรม เป็นชิ้นส่วนที่มีทั้งในอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
สจล. – ซีพีเอฟ บูรณาการความร่วมมือพัฒนาคนรุ่นใหม่ สร้างนวัตกรรมรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหาร
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ