ด้วยที่ตั้งของจังหวัดสระบุรี แม้อยู่ในภาคกลาง แต่เป็นเสมือนปากประตูไปสู่ภาคอีสาน ที่เป็นดินแดนที่มีพื้นที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ และมีจำนวนประชากรจำนวนมาก ตลอดจน ยังเป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งเกษตรกรรมของประเทศ ประกอบไปด้วยการทำปศุสัตว์ โดยเป็นศูนย์การผลิตโคนม มีการทำฟาร์มไก่ เป็ด แกะ แพะ และสุกร มากมาย ส่วนด้านการเกษตรก็เป็นแหล่งผลิตข้าว มันสำปะหลัง อ้อย และข้าวโพดเลียงสัตว์ จึงเป็นที่มาของการเลือกให้จังหวัดสระบุรี เป็น“สระบุรีฟู้ดวัลเลย์” แหล่งใหญ่ผลิตอาหารของประเทศ
แนวคิด“สระบุรีฟู้ดวัลเลย์” มาจากการทำวิจัยของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) โดยนายนพดล ธรรมวิวัฒน์ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย บริษัทสระบุรีพัฒนาเมือง จำกัดภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัย จากบพท. กล่าวว่าแกนหลักที่เป็นหัวใจของโครงการวิจัยคือ การพัฒนาจังหวัดสระบุรีให้เป็นหุบเขาแห่งอาหาร หรือ “สระบุรีฟู้ดวัลเลย์”เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับรายได้ของเกษตรกร ไปพร้อมๆกับการสร้างความมั่นคงด้านอาหารแก่ประเทศ“แรงบันดาลใจในการทำวิจัยเรื่องนี้ มุ่งค้นหาคำตอบแก้โจทย์ของเกษตรกรที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของจังหวัดที่ขายผลผลิตไม่ได้ราคา เพื่อทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม และมีความมั่นคงด้านรายได้โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกันของบริบททางภูมินิเวศน์ ภูมิสังคม ตลอดจนวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่
หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า กระบวนการขึ้นรูปโครงการวิจัยสระบุรีพัฒนาเมืองที่มีแนวคิดสระบุรีฟู้ดวัลเลย์เป็นแกนกลางเป็นผลพวงจากการพูดคุยปรึกษาหารือร่วมกับหลายภาคีในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองท้องถิ่นประชาสังคม รวมทั้งนักวิชาการ จนได้ข้อสรุปร่วมกัน เนื่องจากจังหวัดสระบุรีมีจุดแข็งที่โดดเด่นถึง 3ประการที่เป็นปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาเมือง ตามแนวคิดสระบุรีฟู้ดวัลเลย์ ได้แก่1). สระบุรีเป็นฮับโลจิสติกส์เป็นศูนย์กลางขนส่งที่เชื่อมต่อโดยเฉพาะระบบราง 2). เกษตรกรในจังหวัดสระบุรีมีผลผลิตทางด้านการเกษตรที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งข้าว ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ผัก ผลไม้โคนม ไก่ ซึ่งเป็นต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทานด้านอาหาร และ3).จังหวัดสระบุรี มีศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาคจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่แก่งคอยมีองค์ความรู้ที่สามารถสร้างประโยชน์ในการยกระดับหรือสร้างนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตการเกษตร
“กลไกกระบวนการพัฒนาแนวคิดสระบุรีฟู้ดวัลเลย์ให้เป็นรูปธรรม จะดำเนินการโดยสร้างห่วงโซ่คุณค่าขึ้นมาซึ่งมีกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แก่งคอยกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ร่วมอยู่ในห่วงโซ่โดยมุ่งเน้นให้ห่วงโซ่นี้เป็นห่วงโซ่ที่จะทำให้เกิดอุตสาหกรรมอาหาร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Net Zero และเป็นห่วงโซ่ที่จะเหนี่ยวนำให้คนสระบุรีกลับมาร่วมกันพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน”
หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวอีกว่าผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีให้ความสำคัญกับโครงการสระบุรีฟู้ดวัลเลย์อย่างมากถึงกับบรรจุเป็นแผนยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรของจังหวัด ขณะเดียวกันภาคีภาคเอกชนทั้งหอการค้าจังหวัดสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ชมรมธนาคารในจังหวัด รวมทั้งเทศบาลเมืองสระบุรี เทศบาลเมืองแก่งคอยได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นภาคีขับเคลื่อนโครงการโดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นคือการทำข้อมูลศึกษาและวิจัยเพื่อหาว่าทิศทางหรือสิ่งที่จะทำในอนาคตส่วนขั้นตอนที่สองคือรวบรวมกลุ่มคนที่มาเป็น Stakeholder คือ ผู้ประกอบการทางด้านอาหารและกลุ่มเกษตรกรที่อยากจะเป็น Smart Farmer ในอนาคต โดยสองกลุ่มนี้มีจำนวนรวมประมาณ 30 คน
โดยเงื่อนไขสำคัญที่เป็นปัจจัยความสำเร็จของสระบุรีฟู้ดวัลเลย์ อยู่ที่การจัดหาพื้นที่ขนาดประมาณ 5,000 ไร่ในทำเลที่สะดวกในการเชื่อมโยงกับระบบโครงข่ายคมนาคมและมีแหล่งน้ำสำรองที่เพียงพอสำหรับรองรับการเกิดขึ้นของสระบุรีฟู้ดวัลเลย์ควบคู่ไปกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและออกแบบระบบสิทธิประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน
“ตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ของโครงการ มีอยู่ด้วยกัน 4ประการคือ1 .ความอยู่ดีกินดีของประชาชน 2.ความถูกต้อง แม่นยำและเป็นปัจจุบันของโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลขององค์กรปกครองท้องถิ่น หรือ City Data Platform (CDP)3 .สุขภาวะและสิ่งแวดล้อม 4.การศึกษาที่สอดคล้อง และเท่าทันกับบริบทสังคม และบริบทของโลกที่แปรเปลี่ยนไป ซึ่งบ่งบอกว่าโครงการประสบความสำเร็จหรือไม่”นายนพดลกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไปแอ่วหละปูนกันเต๊อะ ยลมหานครโคมโลก !
ประเด็น "การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล" ในไหล่ทวีป 26,400 ตารางกิโลเมตร ระหว่างไทย-กัมพูชา กลับมาเป็นเรื่องร้อนๆ ที่ถูกพูดถึงทางการเมืองอีกครั้ง