
อาลัยศิลปินแห่งชาติ ครูชลธี ธารทอง นักปั้นมือทองวงการเพลงลูกทุ่ง พิธีบำเพ็ญกุศลจัดที่วัดไร่ขิง
22 ก.ค.2566 – นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า นายสมนึก ทองมา (ชลธี ธารทอง) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักแต่งเพลงลูกทุ่ง) พุทธศักราช 2542 ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 เวลา 17.57 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช สิริรวมอายุ 85 ปี โดยทายาทขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 เวลา 17.30 น. และกำหนดสวดพระอภิธรรมศพ ระหว่างวันที่ 24-31 กรกฎาคม 2566 เวลา 19.00 น. ณ ศาลากองอำนวยการ วัดไร่ขิง พระอารามหลวง ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ทั้งนี้ สวธ.จะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพให้ หลังจากบำเพ็ญกุศลศพต่อไป

โอกาสนี้ คณะกรรมการกองทุนส่งเสริมวัฒนธรรม โดยนางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กล่าวว่า จะมีการสนับสนุนสวัสดิการช่วยเหลือ ได้แก่ มอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิต เพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพจำนวน 20,000 บาท ค่าเครื่องเคารพศพ จำนวน 3,000 บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดพิมพ์หนังสือเผยแพร่ผลงาน เมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท
สำหรับประวัติโดยสังเขป สำหรับประวัติและผลงานของนายสมนึก ทองมา (ครูชลธี ธารทอง)เกิดวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2480 พื้นเพเป็นชาวจังหวัดชลบุรี และจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนประชาสงเคราะห์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปอยู่กับญาติ ณ จังหวัดราชบุรี โดยชีวิตในวัยเด็กของครูชลนั้นลำบากมาก พ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนแม่นั้นก็ตกเลือดตายตั้งแต่ครูชลอายุได้เพียง 6 เดือน เมื่อเติบโตขึ้นครูชลก็รับจ้างทำทุกอย่าง แต่ด้วยที่ชอบ ในการร้องเพลงลูกทุ่งทำให้ได้เป็นนักร้องเพลงเชียร์รำวงของวงดาวทอง
จากนั้นก็ได้ไปเป็นนักร้องในวงดนตรีของ สุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งไทยในสมัยนั้น ทว่าก็มีเหตุให้ครูชลต้องถูกไล่ออกจากวงหลังจากเข้าร่วมได้เพียง 3 วัน เนื่องจากครูชลไม่ได้พักในกรุงเทพฯ ทำให้ต้องเดินทางไปกลับราชบุรี เป็นเหตุให้เข้าวงมาทำงานสายและถูกไล่ออกในที่สุด แม้เส้นทางวงการเพลงของครูชลธีจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ประสบความสำเร็จเป็น “เทวดาเพลง” จากการแต่งเพลงให้นักร้องจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

เส้นทางวงการเพลงของ “เทวดาเพลง” หรือ สมนึก ทองมา เริ่มต้นด้วยการเป็นนักร้องสังกัดวง รวมดาวกระจาย ซึ่งเป็นหนึ่งในวงดนตรีลูกทุ่งที่โด่งดังของยุคนั้น (พ.ศ. 2500 – 2516 ) และได้มีโอกาสบันทึกเสียง 4 เพลงแต่ไม่ดังเลยสักเพลง ซึ่งในระหว่างนั้นเองเขาก็ได้เรียนรู้วิชาแต่งเพลงอย่างจริงจังจากครูสำเนียง หัวหน้าวงรวมดาวกระจาย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยศึกษาและทดลองแต่งเพลงด้วยตนเองมาบ้างแล้วก็ตาม ซึ่งเพลง “พอหรือยัง” คือเพลงที่เคยแต่งไว้นานแล้ว และเป็นเพลงแรกที่ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จัก เนื่องจากมีอดีตนักร้องของวงรวมดาวที่ไปสังกัดใหม่กับวงศรคีรี ศรีประจวบ ขอนำไปร้องจนประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าสมนึกเป็นคนแต่งเพลงนี้ขึ้นมา หลังจากนั้นกลับมีเหตุให้เขาถูกไล่ออกจากวงรวมดาวด้วยความเข้าใจผิดที่ว่า ดังแล้วแยกวง นั่นจึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ชลธีอยากหันหลังให้วงการเพลงและตัดสินใจพาครอบครัวกลับบ้านต่างจังหวัด แต่แล้วโชคชะตายังคงนำพาให้ชลธีได้หวนกลับเข้าสู่วงการเพลงในฐานะนักแต่งเพลงให้กับนักร้องดังอีกหลายคนอีกครั้ง โดยช่วงที่ตัดสินใจกลับบ้านนั้นเขาได้แวะปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวบุคคโล และได้พบกับเด็กล้างรถที่สร้างความประทับใจให้ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ จึงได้มอบเพลงให้ 2 เพลงโดยไม่คิดเงิน

ต่อมาเด็กล้างรถคนนั้นก็คือ สายัณห์ สัญญา ที่โด่งดังจากเพลง “ลูกสาวผู้การ” และ “แหม่มปลาร้า” จนได้รับฉายา “เทวดาเพลง” จาก ยิ่งยง สะเด็ดยาด คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หลังจากนั้นทำให้มีลูกศิษย์และเพลงดังเพิ่มขึ้น อาทิ เสกศักดิ์ ภู่กันทอง “ทหารอากาศขาดรัก”, ยอดรัก สลักใจ“จดหมายจากแนวหน้า” และ “ล่องเรือหารัก”, ก๊อต จักรพันธ์ “วันนี้สวยกว่าเมื่อวาน”, ศรเพชร ศรสุพรรณ “ไอ้ทองร้องไห้”, สดใส รุ่งโพธิ์ทอง “สาวผักไห่”, เสรีย์ รุ่งสว่าง “จดหมายจากแม่”, เอกพจน์ วงศ์นาค “เรารอเขาลืม”, แอ๊ด คาราบาว “เทวดาเพลง”, มนต์สิทธิ์ คำสร้อย “ห่มฝางต่างผ้า”, ดำรง วงศ์ทอง “ทหารก็มีหัวใจ” เป็นต้น ซึ่งผลงานประพันธ์เพลงมากกว่า 2,000 เพลงเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นในการเลือกสรรถ้อยคำในลักษณะของกวีนิพนธ์มาใช้ในการแต่งเพลง เนื้อหามีสาระส่งเสริมคุณค่าวิถีชีวิตไทย ท่วงทำนองเพลงมีความไพเราะตรึงใจผู้ฟัง บทเพลงมีความดีเด่นในศิลปะการประพันธ์ที่ใช้ฉันทลักษณ์หลายรูปแบบ จึงทำให้ทุกบทเพลงยังคงตราตรึงในใจของผู้ฟังเพลงจนถึงปัจจุบัน นายสมนึก ทองมา(ชลธี ธารทอง) จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักแต่งเพลงลูกทุ่ง) พุทธศักราช 2542


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สวธ.สำรวจภูมิปัญญาท้องถิ่น‘บ้านทะเลน้อย’ พัทลุง ต่อยอดอัตลักษณ์ชุมชน
นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ลงพื้นที่ ณ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
สวธ.จับมือ มศว.พัฒนาสร้างสรรค์ผลงานต้นแบบ 5 ชุมชนจากมรดกวัฒนธรรม
5 มี.ค.2568 นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) เป็นประธานในพิธีเปิดงานเสวนาวิชาการเพื่อพัฒนาความรู้ทางวัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ โดยมีนายชุมพล พรประภา นายกสภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รศ.ดร.หทัยรัตน์ มาประณีต หัวหน้าโครงการฯ และรศ.ดร.ชลวิทย์ เจียรจิตต์
สวธ.คว้ารางวัลด้านส่งเสริมผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดียตอกย้ำศักยภาพเผยแพร่วัฒนธรรม
นางมงคลทิพย์ รุ่งงามฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันวัฒนธรรมศึกษา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เข้าร่วมงานประกาศรางวัล Thailand Social Awards ครั้งที่ 13 เพื่อรับรางวัล Finalist ของกลุ่มรางวัล Best Brand Performance on Social Media สาขา Promotion and Support Agency
สวธ.ประชุมจัดการมรดกภูมิปัญญาน่าน ‘แข่งเรือ-ผ้าทอไทลื้อ-บ่อเกลือภูเขา’ เน้นฐานชุมชน
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม โดยสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ประจำปีงบประมาณ 2568” เมื่อวันที่ 17-19 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา เพื่อให้เด็ก
สวธ.หนุน Unfest’25 เสริมศักยภาพอุตสาหกรรมหนังไทยสู่สากล
กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เดินหน้าสนับสนุนโครงการ Unfest’25 เสริมศักยภาพอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ให้พร้อมแข่งขันในเวทีสากล โครงการดังกล่าวจัดขึ้น เมื่อวันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด
สวธ.พัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ไทย เสริมแกร่งชุมชน
วันที่ 26 ก.พ. 2568 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568