เที่ยวชมสายหมอกหน้าฝนที่เชียงคาน 

ในช่วงฤดูฝนธรรมชาติเขียวขจีและมีไอหมอกที่สวยงามไม่แพ้หน้าหนาว แต่ก็ชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำหัวใจในยามเช้า ที่เที่ยวชมหมอกในประเทศไทยมีหลายจังหวัด  “เลย” เป็นจังหวัดในภาคอีสานที่เนื้อหอมไม่แพ้ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ อ.เชียงคาน ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่ติดกับแขวงไชยบุรี ประเทศลาว เชื่อมไมตรีกันด้วยแม่น้ำโขง อีกทั้งยังมีภูเขาน้อยใหญ่รอบล้อม และผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังมีวิถีชีวิตเรียบง่าย 

ไม่แปลกใจที่ เชียงคาน จะครองใจนักนักท่องเที่ยว ทำให้มีการเดินทางกลับมาเที่ยวซ้ำๆ หรือบางคนที่ยังไม่เคยไปก็อยากจะลองเปิดประสบการณ์ไปดูสักครั้ง ใครยังลังเลอยู่ ทริปนี้เราจะพาไปรู้จักเชียงคานที่จะทำให้หลงรักหน้าฝนได้ไม่ยาก

หมุดหมายแรกที่ ถนนคนเดินเชียงคาน  เดิมมีชื่อเรียกว่า ถนนชายโขง ตั้งอยู่ใน ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน ความคลาสสิคที่ถูกใจนักท่องเที่ยว คือ บ้านไม้สองชั้นที่เรียงรายตลอดสองข้างทาง ตั้งแต่ซอย 5-ซอย 21 รวมระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร บรรยากาศในยามค่ำคืนของที่นี่ไม่เหมือนใคร   เพราะชาวบ้านช่วยกันรักษาวิถีชีวิตและเอกลักษณ์เรือนไม้ริมโขง ไว้ให้มากที่สุด แม้ว่าบ้านไม้หลายหลังได้เปิดเป็นร้านอาหาร บ้างก็ทำเป็นที่พักปรับดีไซน์ให้ร่วมสมัย บางหลังยังคงโครงสร้างดั้งเดิมไว้ ทำให้นักท่องเที่ยวมีตัวเลือกพักผ่อนตามฟิวที่ชื่นชอบ 

ตกเย็นทุกวันศุกร์ วันเสาร์ และวันหยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์  ถนนสองข้างทาง จะคึกคักกว่าวันธรรมดา เพราะจะมีการปิดถนนและให้ร้านอาหารมาตั้งขายริมทางได้อารมณ์เหมือนสตรีทฟู้ด มีทั้งร้านรถเข็น และร้านตั้งโต๊ะ มาทำอาหารให้เลือกทานหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นเมนูยอดนิยม อย่าง กุ้งปิ้ง หอยปิ้ง และเมี่ยงเสียบไม้ ที่ใครได้มาก็ต้องซื้อมาลองชิ้ม นอกจากนี้ ยังมีปลาหมึกย่าง หมูทอด น้ำผลไม้ และอาหารอื่นๆ รวมถึงมีร้านให้ช้อปปิ้งเสื้อผ้าแฟชั่นคลอเสียงดนตรีเปิดหมวกที่สร้างจังหวะให้ครึกครื้น

ตอนเช้าตรู่ที่เชียงคานจะมีกิจกรรมใส่บาตรตรงถนนคนเดิน อดีตใส่บาตรด้วยข้าวเหนียว แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปมีการจัดชุดใส่บาตรด้วยกับข้าวถุง ขนม นม น้ำ และดอกไม้ นักท่องเที่ยวมานั่งรออยู่ด้านหน้าโรงแรม พร้อมกับแต่งกายนุ่งซิ่นห่มสไบสวยงาม หลังใส่บาตรก็มาเดินรับอากาศดีๆ ยามเช้าริมโขง ชมป่าไม้เขียวขจีของฝั่งเพื่อนบ้าน ก่อนที่จะไปทานข้าวเช้าตามอัธยาศัย 

นอกจากถนนคนเดินเชียงคานแล้ว ในอ.เชียงคาน ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเยอะ อย่างที่ได้เกริ่นไปช่วงต้นว่า เสน่ห์ของหน้าฝนคือการชมหมอก เมื่อคืนฝนตกปรอยๆ จนถึงเช้า เรามีความหวังว่า หมอกจะมีถึงช่วงสายๆ ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปภูทอก หนึ่งในจุดชมวิวหมอกที่สวยที่สุดในเชียงคาน เมื่อไปถึงแล้วต้องต่อรถชาวบ้านขึ้นไปอีก 10 นาที ค่าบริการคนละ 25 บาท เพราะถนนที่ใช้ขึ้นภูแคบและลาดชัน ต้องอาศัยความชำนาญเพื่อความปลอดภัย 

บนภูทอกในช่วงสาย 8-9 โมงเช้า นักท่องเที่ยวจะไม่แออัดมากนัก มาถึงก็เลือกมุมชมวิวได้เลย จากยอดภูทอกจะเห็นสายหมอกคล้ายกับสายไหมแผ่นบางๆ ล่องลอยปกคลุมไหล่เขา  สามารถมองเห็นบรรยากาศบ้านเรือนในอ.เชียงคาน และแก่งคุดคู้  ถ้ามาหน้าหนาวบริเวณนี้จะกลายเป็นทะเลหมอกมองเห็นยอดเขาฝั่งตรงข้ามได้แค่สวนยอดเองนะ ถือว่ามาเวลานี้ได้เปลี่ยนบรรยากาศชมหมอกบ้าง

จากภูทอกนั่งรถต่อมายังแก่งคุดคู้ไม่ถึง 10 นาที เป็นจุดที่มีหมอกปกคลุมเหมือนกัน เพียงแต่มุมมองอาจจะแตกต่างกัน เพราะเราอยู่บนที่ราบจะมองเห็นภูเขาลูกใหญ่แบบใกล้ชิด และเห็นสายน้ำโขงด้านล่าง ชาวบ้านจะมาล่องเรือหาปลาตามวิถี สำหรับคนที่ชื่นชอบการเที่ยวแบบชิลๆและดื่มด่ำธรรมชาติไปด้วยบอกเลยว่าฟินมาก แถมยังมีร้านขายขายมะพร้าวแก้ว ขนมขึ้นชื่อเชียงคานให้ช้อปปิ้งหลายร้าน 

ไปต่ออีกไฮไลท์ห้ามพลาด คือ  สกายวอล์คเชียงคาน หรือ สกายวอล์คภูคกงิ้ว ตั้งอยู่ที่บ้านท่าดีหมี ต.ปากตม ใครที่กลัวความสูงอาจจะขาสั่นหน่อยๆ ใจหวิวนิดๆ   ดีที่มีเจ้าหน้าดูแลคอยจัดคิวเพื่อไม่ให้แออัดเกินไป เพราะสกายวอร์คสูงกว่าระดับน้ำโขงถึง 80 เมตร เทียบกับตึก 30 ชั้น แต่มีความแข็งแรงด้วยตะแกรงเหล็กและกระจกใสชนิดพิเศษ ความยาว 100 เมตร กว้างกว่า 2 เมตร ระหว่างเดินพยายามโพกัสไปที่ทัศนียภาพของวิวเขา และแม่น้ำ 2 สีที่ไหลมาบรรจบกันคือ แม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขง แม่น้ำเหือง คือแม่น้ำท้องถิ่นของเลย จะมีสีส้มอิฐเข้มๆ มองจากมุมสูงจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างชายแดนไทย-ลาว เดินชมพอได้หวาดเสียว ก่อนกลับแวะสักการะพระพุทธรูปปางลีลาประทานพรด้านหน้าเสริมมงคล

ทริปนี้พาข้ามจังหวัดไปที่ หนองบัวลำภู แม้ว่าจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักยอดนิยม แต่ก็น่าสนใจ โดยเฉพาะสินค้าผ้าทอขิดสลับหมี่ที่เป็นอัตลักษณ์อันโดดเด่น อย่างร้านเทวาผ้าไทย ต.นาคำไฮ อ.เมืองหนองบัวลำภู นอกจากจะนำอัตลักษณ์ผ้าทอขิดสลับหมี่มาสืบสานแล้ว ยังได้ฟื้นฟูภูมิปัญญาการทอผ้าจากการหมักน้ำข้าว โดยเป็นการนำเส้นฝ้ายเข็นมือมาหมักน้ำข้าว เพื่อให้ฝ้ายจากเดิมที่มีความแข็งกระด้าง กลายเป็นนุ่มลื่นไม่พันกันง่าย แถมยังคงทนและมีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงเสียดทาน และทำให้เส้นใยมีความเงางามด้วย การใช้สียอมผ้ามีทั้งสีธรรมชาติ อาทิ คลั่ง ใบมะม่วง คราม มะค่า เป็นต้น ลวดลายเด่นจะเป็นลายผ้ามัดหมี่และลายขิด มีการนำมาประยุกต์ไว้ในผืนเดียวกัน ทำให้ลูกค้าสามารถสวมใส่ได้ทั้ง 2 ด้าน และยังมีสินค้ากระเป๋า รองเท้า ผ้าคลุม นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของคนในชุมชนบ้านนาคำไฮที่มีฝีมือการทอผ้าสร้างรายได้เสริมอีกทาง

อีกหนึ่งร้านที่ชูความโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างแบรนด์ขวัญตา สุมามาลย์ เต๊จ๊ะ เจ้าของแบรนด์ต้องการแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ได้จัดตั้งวิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู (ศูนย์เรียนรู้และออกแบบขวัญตา) เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้กระบวนการสร้างสินค้าผ้าไทยตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงออกแบบเองได้ ส่วนเอกลักษณ์แบรนด์ ขนเฟอร์ทำมาจากผ้าฝ้ายตกแต่งอยู่บนเสื้อผ้าบริเวณปกคอ ข้อมือ เอว หรือชายกระโปรง แล้วแต่การออกแบบของแบรนด์ ที่แพนเค้กดาราชื่อดังเคยสวมใส่ไปงาน London Fashion week 2020 มาแล้ว ซึ่งศูนย์จัดโชว์อลังการ เตะตาทั้งการดีไซน์และการใช้สี ช่วยยกระดับผ้าไทยสู่สากล 

จบทริปเชียงคาน-หนองบัวลำภู แม้ว่าการเดินทางจะใช้ระยะเวลาไปบ้าง ก็เป็นไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่ แต่นี่คือเสน่ห์ของการเดินทางไกลบ้าง ใกล้บ้าง แต่ความประทับคือจุดหมายปลายทางที่เราได้ไปเยือน