กลิ่นฝนโชยมาแต่ไกล เสียงโทรศัพท์มือถือที่ตั้งปลุกเวลาตีห้า ดังระรัว เราดีดตัวสลัดผ้าห่ม นั่งสักพักให้หายงัวเงีย ก่อนอาบน้ำแต่งตัว เพราะมีนัดกับชาวคณะ เวลา 06.00น. ของวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2566 เพื่อไปตักบาตรทางน้ำที่ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี หรือที่เรียก”นาวาภิกขาจาร “ในเวลา7.00น.
กิจกรรมนี้มีขึ้น ต่อเนื่องกับมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย ที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม แล จังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั้ง 25 จังหวัด ในภาคกลางและภาคตะวันออก และภาคีเครือข่ายทางวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ 9 – 13 มิถุนายน 2566ที่ผ่านมา ที่ถือว่าเป็นมหกรรมดนตรี เพลง และศิลปะแขนงต่างๆ ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่
ขอเกริ่นถึงวัดป่าเลไลยก์ฯก่อน แค่ชื่อก็บอกความเก่าแก่แล้ว แต่ก่อนวัดน่าจะตั้งในจุดที่เป็นป่าจริงๆ แต่ปัจจุบันถือว่าวัดป่าเลไลยก์ตั้งอยู่กลางเมืองสุพรรณบุรีเลยทีเดียว การศึกษาล่าสุดสันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้ น่าจะมีอายุราว 1200 ปี หรือสร้างในสมัยลพบุรีและทราวดี ภายในพระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์ เชื่อว่าเป็นสมัยอู่ทอง สุพรรณบุรี โดยองค์พร อยู่ในท่าประทับนั่งห้อยพระบาท ภายในองค์พระพุทธรูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 36 องค์ ที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย
วัดป่าเลไลยก์ ยังมีความเกี่ยวข้องกับวรรณคดีอันลือชื่อของไทย คือ เสภาขุนช้างขุนแผน นิราศเมืองสุพรรณของสุนทรภู่ รอบๆ วิหารของหลวงพ่อโต มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน ตั้งแต่เริ่มเรื่อง จนถึงตอนสุดท้าย ภายในบริเวณวัด ยังมีเรือนไทยโบราณ ที่เป็นเรือนไม้สักทั้งหลัก ที่เรียกกันว่า”เรือนขุนช้าง” แต่ละห้องในเรือนนี้ จะมีภาพบรรยายเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน มีการจัดแสดงเครื่องใช้ต่างๆในสมัยก่อน มีการตกแต่บริเวณโดยรอบสวยงามน่าเที่ยวชม
จุดที่เรียกว่าสวนกล้วย อยู่ลึกสุดของวัด ถ้าเดินจากหน้าวัดเข้าไป คิดเป็นระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร ริมสวนกล้วยเป็นคลองซึ่งน่าจะเป็นคลองขุด ซึ่งเราจะมาตักบาตรทางน้ำกันตรงนี้ โดยทางวัดมีการทำท่าน้ำ และทางเดินไว้อย่างดี เพราะการตักบาตรกับพระที่พายเรือเข้ามา จะมีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี
เสียงพิธีกรในงานเล่าถึงที่มาของการตักบาตรทางน้ำว่า เดิมพื้นที่ตรงนี้ มีคนเอาขยะมาทิ้งเต็มไปหมด ก่อให้เกิดทัศนียภาพและสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าดูชม จึงมีการบูรณะปรับปรุงพื้นที่บริเวณนี้ขึ้นใหม่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และอาศัยภูมิทัศน์ที่ติดริมน้ำท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมด้วยสวนกล้วย ให้เป็นประโยชน์ พร้อมกับฟื้นฟูวิถีชีวิตแบบไทยๆ ของคนลุ่มน้ำท่าจีน ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส และรับรู้ว่าคนไทยในอดีตผูกพันธ์กับสายน้ำมากมายเหลือเกิน เพราะไม่ว่าการเดินทาง ทำไร่ทำนา ทำมาค้าขาย รวมทั้งการทำบุญ ก็ล้วนแต่อาศัยทางน้ำเกือบทั้งหมด
อาจเป็นเพราะเป็นช่วงต่อเนื่องกับงานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ ทำให้มีคนมาร่วมตักบาตรในวันนั้น เนืองแน่นไปหมด เพราะมีผู้หลักผู้ใหญ่จากกระทรวงวัฒนธรรม โดยปลัดยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร แห่งกระทรวงวัฒนธรรม ที่เปรียบเสมือนประธานในงานมาร่วมตักบาตร พร้อมกับนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออก 25จังหวัด ข้าราชการ และประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่มาในชุดไทย เข้ากับบรรยากาศอย่างมาก
ระหว่างรอพระ เพราะยังไม่ถึง เวลา 7.00 น. ดนตรีไทยจาก สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็บรรเลงเพลง “ชุดเพลงเรือ “ให้ฟังไปพลางๆก่อน ซึ่งสร้างบรรยากาศความคึกคักให้กับงานอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการแสดง “รำมะนาชัยนาท” จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยนาท ที่แสดง ณ เวทีกลางน้ำ มาช่วยเสริมบรรยากาศให้กระฉับกระเฉงเข้าไปอีก
เวลา 7.00น. เรือนำขบวนซึ่งอัญเชิญพระพุทธรูป พายนำร่องมาก่อน ตามมาด้วยเรือพระสงฆ์ 9 รูป ที่ทะยอยมารับบาตรจากประชาชนที่รอริมน้ำ ท่ามกลางเสียงดนตรีไทยที่บรรเลงสด ฝนโปรยปรายลงเม็ดเปาะแปะแบบไม่แรงนัก นี่มันบรรยากาศย้อนยุคชัดๆ ทำให้นึกไปถึงละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ขาดแต่เพียง ยังไม่มีใครใส่โจงกระเบน ห่มผ้าแถบ กินหมากปากแดง และเดินเท้าเปล่าเท่านั้น
เพราะคนตั้งใจมาตักบาตรวันนั้น เยอะมากๆ ทำให้พิธีกรในงาน ประกาศแจ้งว่า คนที่ยังไม่ได้ใส่บาตร ในรอบแรก ไม่ต้องตกใจ เพราะพระท่านจะวนมารอบสอง เพื่อรับบาตร ซึ่งอาหารที่ใส่เกือบทั้งหมดเป็นพวกอาหารแห้ง ไม่ใช่อาหารที่ปรุงพร้อมฉันท์
ผู้หลักผู้ใหญ่ในงานตักบาตร ดังกล่าว โดยปลัด วธ. กล่าวถึง กิจกรรมตักบาตรทางน้ำ “นาวาภิกขาจาร” ว่า เป็นส่งเสริมสนับสนุนภูมิปัญญาพื้นบ้าน ให้มีพื้นที่ในการนำเสนอคุณค่าของงานศิลปวัฒนธรรมของไทย สร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม รวมทั้งเพิ่มบทบาทของหน่วยงานทางวัฒนธรรมในพื้นที่ในการเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมของชาติและท้องถิ่น ให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง รวมถึงเสริมฐานรากวัฒนธรรมให้เกิดความเข้มแข็ง ยกระดับมหกรรมวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นระดับชาติ
“สมัยก่อนบ้านและวัดมักอยู่ติดริมแม่น้ำ พระสงฆ์ออกรับบิณฑบาตทางเรือ เป็นวิถีชีวิตริมน้ำที่เห็นได้บ่อยๆ แต่เนื่องจากยุคสมัยได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ปัจจุบันจึงหาชมได้ยากขึ้น และมีเส้นทางคมนาคมสะดวกกว่าแต่ก่อน ทางวัดป่าเลไลยก์วรวิหารจึงได้จัดกิจกรรมตักบาตรทางน้ำนาวาภิกขาจาร ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 07.00 น. ที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี “ปลัดวธ.เชิญชวนให้ผู้สนใจมาลองสัมผัสกิจกรรมพิเศษนี้
ใครที่แวะไปเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี และอยากสัมผัสบรรยากาศทำบุญแบบไทย ๆ อย่างที่คนสมัยปู่ย่าตายายเราเคยทำกันมาในอดีต และทุกวันนี้ คงหาไม่ได้แล้วในเมืองกรุง สามารถมาร่วมกิจกรรม “นาวาภิกขาจาร” ที่วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรีในเวลา 07.00. ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ .
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ปลัดยุพา' เริ่มลุยงาน สปน. เร่งสรรหา 'เลขาฯ สคบ.' จบใน 1 เดือน
'ปลัดยุพา’ เข้าทำเนียบฯ วันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยันพร้อมลุยงาน สปน. แก้ปัญหาประชาชน คาด 1 เดือน สรรหา ‘เลขาฯ สคบ.’ คนใหม่ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
'กองทุนกีฬา'บุกสุพรรณบุรี ติดตาม-รับฟังปัญหา ส.กีฬาจังหวัดภาคกลาง
“กองทุนกีฬา” เดินสายต่อเนื่อง ครั้งที่ 3 ลงพื้นที่สุพรรณบุรี (ภาค 2) เร่งติดตาม-รับฟังปัญหา ส.กีฬาจังหวัด ภาคกลาง เพื่อร่วมกันแก้ไข เข้าถึง เข้าใจ ให้คำแนะนำ การใช้เงินให้ถูกต้องตามระเบียบราชการ มุ่งหวังเห็นผลสำเร็จ
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชนบ้านหนองบัวหิ่ง หมู่ที่ 4 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี
นายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผอ.สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) พร้อมนายระเบียบ ปทุมสูตร นายกเทศมนตรีตำบลสระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ลงพื้นที่โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชนบ้านหนองบัวหิ่ง หมู่ที่ 4 ต.สระลงเรือ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ ประจำปี 2565(งบกลาง)
ปลัด วธ. ย้ำ จนท.พิธีการศพฝึกฝนเพิ่มทักษะเพื่อประสิทธิภาพงาน
3 ก.ย.2567 - นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต และตรวจเยี่ยมห้องประสานงานขอพระราชทานเพลิงสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต โดย