5 จังหวัด ตาก ลำปาง เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี ยังร้อนอยู่ในระดับอันตราย อุณหภูมิสูงเกิน 43 องศาฯ เสี่ยงฮีทสโตรก

2 พ.ค.2566- นพ. สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดที่ผ่านมา ในเดือนเมษายน 2566 พบว่าภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง และตะวันออก มีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ในระดับมีอันตราย – อันตรายมาก โดยจังหวัดที่มีอุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 43 องศาเซลเซียส (ระดับอันตรายมาก) คือ ตาก ลำปาง เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี รวมทั้งค่าดัชนีความร้อน พบว่าอยู่ในระดับอันตรายมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และภูเก็ต โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่ร้อนจัดนี้ จะมียาวนานไปจนถึงช่วงเดือนต้นเดือนพฤษภาคม 2566 และจะสิ้นสุดฤดูร้อนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2566

นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัยจึงขอให้ประชาชนเช็กสภาพอากาศเป็นประจำ ซึ่งสามารถตรวจสอบอุณหภูมิสูงสุดควบคู่กับค่าดัชนีความร้อน หรือ Heat Index ได้จากกรมอุตินิยมวิทยา เนื่องจากอากาศร้อนจัดจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยค่าดัชนีความร้อนจะเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าอุณหภูมิที่วัดได้จริง มาจากการคำนวณค่าอุณหภูมิและค่าความความชื้นสัมพัทธ์ ทำให้ร่างกายจะรู้สึกว่าอากาศร้อนอบอ้าวกว่าปกติคล้ายกับลักษณะก่อนฝนจะตก เพราะบรรยากาศมีความชื้นสูง ประกอบกับการสะสมความร้อน ทำให้อากาศบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ที่สำคัญเมื่อความชื้นในอากาศสูง จะมีผลทำให้การระเหยน้ำในร่างกายต่ำลง ร่างกายจึงไม่สามารถระบายความร้อนผ่านเหงื่อออกทางรูขุมขน ที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคฮีสโตรก คือ


ภาวะ Classic heatstroke or Non-exertional heatstroke เกิดจากการอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่อุณหภูมิสูง แล้วทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงตาม มักพบในคนที่อยู่ในบริเวณที่อากาศร้อนและชื้นเป็นเวลานาน และอีกสาเหตุหนึ่ง คือ Exertional heatstroke เกิดจากอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นจากการทำงานหรือออกกำลังกายอย่างหนักในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง เกิดได้ง่ายขึ้นในคนที่ไม่คุ้นเคยกับอากาศร้อน

“ทั้งนี้ โรคฮีทสโตรกยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่างที่ทำให้ผู้ป่วยบางรายมีโอกาสเกิดภาวะฮีทสโตรกได้ง่าย เช่น อายุที่น้อยหรือมากเกินไป มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคอ้วน ไม่ได้ออกกำลังกาย การใช้ยาบางกลุ่มที่ทำให้สูญเสียน้ำ หรือร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น”

การป้องกันตัวเองจากความร้อนและโรคฮีทสโตรก คือ ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงสภาพอากาศร้อนจัด สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด ทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง และหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์

สังเกต 4 อาการเสี่ยงจากโรคฮีทสโตรก ได้แก่ 1) เหงื่อไม่ออก 2) สับสนมึนงง 3) ตัวร้อนจัด 4) ผิวหนังเป็นสีแดงและแห้ง หากพบผู้ป่วยโรคฮีทสโตรก ควรรีบตามแพทย์ หรือโทร 1669 และพาผู้ป่วยหลบเข้าที่ร่มหรือห้องมีความเย็น จัดผู้ป่วยให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง รวมถึงถอดเสื้อผ้าออกเท่าที่จำเป็นเพื่อระบายความร้อน ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวหรือวางถุงน้ำแข็งที่คอ รักแร้ และขาหนีบ หากผู้ป่วยหมดสติให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันโคนลิ้นอุดทางเดินหายใจ และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ทั้งนี้ สามารถรับคำแนะนำในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อน ที่เว็บไซต์กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอนามัย https://hia.anamai.moph.go.th/th

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 5 อัปเดตเส้นทางพายุโซนร้อน 'พระพิรุณ'

นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “พระพิรุณ” ฉบับที่ 5 (145/2567) โดยมีใจความว่า

อุตุฯ เตือนฝนฟ้าคะนอง 36 จังหวัด รับมือท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับพายุโซนร้อน

พยากรณ์อากาศ 10 วันล่วงหน้า พบสัญญาณการก่อตัว 'พายุไต้ฝุ่น'

กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม. : (นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.) 10 วันล่วงหน้า

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 14 เตือนฝนตกหนักมาก-ทะเลคลื่นลมแรง

นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย"