25 มี.ค.2566- ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยหลังการประชุม กกอ. ครั้งที่ 3/2566 ซึ่งได้มีการพิจารณาความคืบหน้าในการทำผิดจริยธรรมการตีพิมพ์ผลงานวิจัยของนักวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาที่ตกเป็นข่าวก่อนหน้านั้นว่า สถาบันอุดมศึกษาต่างให้ความร่วมมือในการรายงานผลการตรวจสอบมาเป็นอย่างดี ขณะนี้มี 154 แห่ง ได้รายงานผลการตรวจสอบมาแล้ว ซึ่งพบนักวิจัยที่ต้องทำการตรวจสอบความผิดปกติ จำนวน 52 ราย ใน 19 สถาบัน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง และทางสำนักงานปลัดกระทรวง อว. จะติดตามอย่างใกล้ชิดและให้สถาบันอุดมศึกษา รายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ
ปลัด อว.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทางสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้ทำการตรวจสอบคู่ขนานไปกับสถาบันอุดมศึกษา โดยได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ที่มีข้อสังเกต ที่อาจจะนำไปสู่การผิดจริยธรรมการตีพิมพ์ผลงานวิจัย พบว่ามีนักวิจัยประมาณ 160 ราย ในหลายๆ สถาบัน ที่มีข้อสังเกตที่อาจจะนำไปสู่การผิดจริยธรรมการตีพิมพ์ผลงานวิจัย ซึ่งอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ผิดจากการซื้อผลงานวิจัยอย่างชัดเจน และกลุ่มที่ผลงานผิดปกติที่อาจไม่ได้มาจากการซื้อผลงานวิจัยโดยตรง แต่มาจากเครือข่ายงานวิจัย ทั้งที่นักวิจัยอาจจะทราบหรือไม่ทราบก็ได้ จึงต้องมีกระบวนการดำเนินการตรวจสอบให้ชัดเจนในแต่ละกรณี โดย กกอ. ได้ให้ทางสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ตรวจสอบอย่างรอบคอบอีกครั้ง แล้วจัดส่งข้อมูลให้สถาบันอุดมศึกษาต้นสังกัดตรวจสอบ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสำนักงานปลัดกระทรวง อว. สถาบันอุดมศึกษาและนักวิจัย ต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ด้าน ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และเลขานุการ กกอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า เงื่อนไขที่สำนักงานปลัดกระทรวง อว.ใช้ในการตรวจสอบคู่ขนานไปกับสถาบันอุดมศึกษาจะประกอบด้วย 4 ข้อหลัก คือ 1. มีจำนวนบทความในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาสูงผิดปกติ 2.ผลงานตีพิมพ์อยู่ในหลายสาขาและไม่ตรงกับสาขาที่เชี่ยวชาญ 3.ผู้แต่งร่วมในผลงานตีพิมพ์มาจากหลายสาขาและหลายประเทศ 4.ผู้แต่งร่วมในผลงานตีพิมพ์มีความผิดปกติ เช่นตีพิมพ์ในหลายสาขาวิชา เป็นต้น
โดยข้อมูลข้อสังเกตดังกล่าวของสำนักงานปลัด อว. เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ที่ไม่ได้หมายถึงว่านักวิจัยดังกล่าว กระทำผิดจริยธรรมการตีพิมพ์ จะให้สถาบันอุดมศึกษาทำการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้ง