แยกขยะพิษจากชุมชน ลดวิกฤตสิ่งแวดล้อม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตามบ้านเรือนจะมีถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่หมดอายุ  โทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ตที่ไม่ใช้แล้ว ถูกทิ้งเป็น”ขยะอันตราย” ในบ้าน  ไม่นำไปทิ้งจุดทิ้งของเสียอันตราย บางบ้านนำขยะอันตรายทิ้งปะปนกับมูลฝอยทั่วไป  เกิดการรั่วไหลของสารพิษส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทำร้ายสุขภาพของผู้คน

ของเสียอันตรายจากชุมชนยังคงเป็นปัญหาใหญ่ เพราะมีอันตรายจากโลหะหนัก  ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท ทองแดง เป็นองค์ประกอบ ซึ่งขยะอันตรายเกิดขึ้นมากกว่า 6 แสนตันต่อปี ร้อยละ 65 เป็นซากผลิตภัณฑ์เครื่องใข้ไฟฟ้า ทั้งทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างคอมพิวเตอร์ โน็ตบุค ที่เหลือร้อยละ 35 เป็นของเสียอันตรายประเภทอื่นๆ ซึ่งมีเพียงร้อยละ 22 ของขยะอันตรายที่มีนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ปัญหาของเสียอันตรายมาจากประชาชนไม่คัดแยกขยะที่บ้านเรือนและทิ้งผิดประเภท จุดทิ้งของเสียอันตรายมีน้อย บางพื้นที่ไม่มี

แนวทางการจัดการของเสียอันตรายจากชุมชนปัจจุบันวางระบบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานโดยเลือกรูปแบบและวิธีการที่เหมาะสม, ให้แยกทิ้งที่ต้นทางหรือจุดทิ้งของเสียอันตรายที่ชุมชนกำหนด, จัดเก็บรวบรวมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ,สร้างสถานที่เก็บกักของเสียอันตรายจากชุมชน จัดภาชนะบรรจุ  ,ให้ขนส่งไปยังศูนย์รวบรวมเพื่อส่งกำจัด , จัดส่งไปรีไซเคิล ,ส่งไปบำบัดโรงงานที่ได้รับอนุญาตกำจัดบำบัดของเสียอันตรายตามกฎหมาย

สำหรับระดับจังหวัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กและขนาดกลางเก็บรวบรวม เก็บขนไปยังศูนย์รวบรวมหรือสถานที่กำหนด ส่วน อปท.ขนาดใหญ่ รวมถึงองค์การบริหารจังหวัดดำเนินการเบ็ดเสร็จในพื้นที่ตนเอง และเป็นศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายจากชุมชนให้กับ อปท. อื่น เพื่อส่งกำจัดในระยะเวลาที่เหมาะสม ส่งเสริมอปท.กำหนดจุดทิ้งของเสียอันตรายตามหมู่บ้านตามแผนจัดการขยะมูลฝอยชุมชน”จังหวัดสะอาด” อย่างไรก็ตาม จุดทิ้งของเสียอันตรายยังไม่เพียงพอ

ในพื้นที่กรุงเทพฯ ย้อนไป 5 ปีก่อน  กรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพมหานคร และเครือข่ายภาคเอกชน 11 หน่วยงาน ร่วมมือตั้งจุดทิ้งของเสียอันตรายชุมขน 200 จุด ให้กับชาวกรุงเทพฯ นำร่องรับของเสีย 4 ประเภท คือ หลอดไฟ ถ่านไฟฉาย ภาชนะบรรจุสารเคมี  และซากโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์ต่อพ่วง ก่อน กทม. นำไปบำบัดกำจัดตามหลักวิชาการ

แก้ขยะอันตรายต้องเพิ่มจุดทิ้งของเสียอันตราย ปีนี้กรมควบคุมมลพิษวางแผนขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งสถาบันการศึกษา สมาคม ภาคเอกชนที่เป็นแบรนด์โอนเนอร์ขนาดใหญ่ และบริษัทรับกำจัดของเสียอันตราย รวม 53 องค์กร  จัดตั้งจุดทิ้งของเสียอันตรายชุมชน 5,176 แห่ง สำหรับอำนวยความสะดวกในการแยกทิ้งขยะอันตรายจากชุมชน ก่อนรวบรวมส่งกำจัดอย่างถูกต้อง โดยดีเดย์ประกาศเจตนารมย์ความร่วมมือเก็บรวบรวมของเสียอันตรายจากขุมชน ณ ห้องประชุมศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช กรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันก่อน

“ ขยะอันตรายชุมชนยังมีปัญหา ประชาชนไม่คัดแยก โรงงานรับกำจัดของเสียอันตรายมีน้อย แต่ปัญหาสำคัญของเสียอันตรายหลุดเข้าพื้นที่เทกองขยะ เกิดการรั่วไหลสารเคมีอันตราย สารเคมีติดไฟได้ สารที่มีความเป็นพิษ  ส่งผลเสียรุนแรงต่อสุขภาพและระบบนิเวศ การเก็บของเสียอันตรายมีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วน จะต้องตั้งจุดทิ้งของเสียอันตรายที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย  นำขยะอันตรายมาทิ้ง และให้ท้องถิ่นมาจัดเก็บตามแผน การยกระดับความร่วมมือครั้งนี้จะเพิ่มได้ 5,000 จุด จากเดิมที่มี 7,000 จุด    บวกกับการสื่อสารให้ความรู้ขยะอันตรายกับประชาชนมากขึ้นผ่านเครือข่าย จัดอบรมส่วนท้องถิ่น รวมถึงผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.  ไปสู่การประกาศใช้ในรัฐบาลหน้า คาดว่า จะสามารถรวบรวมขยะอันตรายได้เพิ่มเป็น 30-40% ตามแผนจัดการขยะชาติ การรวบรวมปริมาณขยะอันตรายได้มากขึ้น บริษัทรับกำจัดของเสียอันตรายนำไปกำจัดได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนกำจัดขยะถูกลง “ ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวหลังประกาศเจตนารมณ์  

อธิบดี คพ. ระบุแม้ภาพรวมสถานการณ์ขยะอันตรายชุมชนดีขึ้น เพราะมีแผนจัดการขยะ ซึ่งขยะอันตรายเป็นหนึ่งในมาตรสำคัญ แต่ข้อเท็จจริงยังไม่สามารถแยกขยะอันตรายออกจากขยะชุมชน ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในหลายพื้นที่ และส่งผลกระทบกับประชาชน ซึ่ง คพ. ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเร่งแก้ไขจุดที่เกิดปัญหาขยะอันตราย

สถาบันการศึกษาร่วมแก้ปัญหาขยะอันตราย สุธาทิพย์ จิตต์วิวัต นักวิจัยศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กล่าวว่า จากงานวิจัยพบสารอันตรายในซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งตะกั่ว ปรอท โบรมีน สารละลายในเครื่องซักผ้า นิกเกิล  สารทำความเย็น สารหน่วงไฟ สารหนู  มีผลต่อสุขภาพ หากสัมผัสต่อเนื่องจะเกิดโรค จึงริเริ่มโครงการเปลี่ยนมือถือเก่าให้เป็นพลัง  ชวนบริจาคโทรศัพท์มือถือและแท็บแล็ต  เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี  ลดกระทบจากการจัดการขยะไม่ถูกต้อง  รายได้จากการรีไซเคิลโทรศัพท์ 1 เครื่อง  มอบเงิน 10 บาทให้กองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ  คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ที่ผ่านมา มีประชาชนบริจาคมือถือเฉลี่ย 1,000 เครื่องต่อปี ไม่รวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ

“ ศูนย์ฯ  ได้จัดทำคู่มือการรื้อแยกซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ระดับชุมชนอย่างเหมาะสม  จะเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนารูปแบบระบบการรวบรวม ขนส่ง ขยะอันตรายในชุมชนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งให้ความสำคัญกับการรณรงค์คัดแยกของเสียอันตรายกับเด็กนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ เราเป็นภาคีที่จะทำให้ประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจพิษภัยขยะอันตราย  “ สุธาทิพย์ กล่าว

1 ใน 18  บริษัทกำจัดของเสียอันตรายที่ร่วมแสดงพลังครั้งนี้ ศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  บริษัท ให้บริการรวบรวมกากอุตสาหกรรมหรือของเสียภายในโรงงานไปบำบัดหรือกำจัดยังสถานที่ที่เหมาะสมตามวิธีการที่ถูกต้อง ทั้งฝังกลบที่ได้มาตรฐาน เผาด้วยเตาเผาอุณหภูมิสูง และนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ สำหรับความร่วมมือกับภาครัฐครั้งนี้ บริษัทให้บริการครอบคลุม 50 จังหวัด สะท้อนความตระหนักในการจัดการขยะอันตรายมากขึ้น และประชาชนตื่นตัวมากขึ้น การเพิ่มจุดทิ้งขยะอันตรายช่วยกระตุ้นให้ประชาขนสนใจ เปลี่ยนพฤติกรรมมาคัดแยกขยะอันตราย ยิ่งมีมากยิ่งกระตุ้นการรับรู้ ไม่ทิ้งขยะรวมกับมูลฝอยทั่วไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เอกนัฏ' ส่ง 'ทีมสุดซอย' ประสานผู้ว่าฯปราจีนบุรี สกัดโรงงานเถื่อน ถก DSI ร่วมบูรณาการ

'เอกนัฏ' ส่ง 'ทีมสุดซอย' ประสานผู้ว่าฯปราจีนบุรี ระดมแผนสกัดโรงงานเถื่อน พร้อมถก DSI ร่วมบูรณาการหยุดการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และขบวนการฟอกเงิน

'เอกนัฏ' สั่ง 'ทีมสุดซอย' ทลายโรงงานสมุทรสาคร ลักลอบหลอมชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ โยงโรงงานเถื่อนปราจีนฯ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการทีมตรวจสุดซอยนำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะ