วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ ช่วงทั้งเดือนจะอบอวลไปด้วยความรัก และคงหลีกหนีไม่พ้นเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างวัยหนุ่มสาว แต่การแสดงออกถึงความรักที่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องคงมิอาจที่จะหักห้ามได้ โดยเฉพาะในเยาวชนที่ให้ความสำคัญกับวันแห่งความรักอย่างมาก นำมาซึ่งปัญหาการท้องพร้อม การทอดทิ้งเด็กแนกเกิด การทำแท้ง หรือการสูญเสียอนาคตในการเรียน อีกปัญหาที่น่ากังวลคือ โรคติดต่อที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการมีเพศสัมพันธ์ อาทิ โรคเอดส์ โรคเอชพีวี โรคหนองในเทียม เป็นต้น ดังนั้นหนทางการป้องกันได้เบื้องต้น คือ การสวมใส่ถุงยางอนามัย
เมื่อดูจากข้อมูลกรมควบคุมโรค ระบุว่าในปี 2564 พบวัยรุ่นและเยาวชนอายุ 15-24 ปี กว่า 8,000 คน ติดเชื้อโรคซิฟิลิสและหนองใน และยังพบสัดส่วนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ส่วนในปี 2565 พบวัยรุ่นและเยาวชนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวี ถึงร้อยละ 22.2 จากผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีทั้งหมด เพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2551 ที่พบร้อยละ 9.5 สอดคล้องกับข้อมูลอัตราการใช้ถุงยางอนามัยที่ยังคงต่ำ จากข้อมูลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีในปี 2562 กลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยครั้งล่าสุดที่มีเพศสัมพันธ์ เพียงร้อยละ 80.3 และการใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอทุกครั้ง ยังมีอัตราที่ต่ำมาก โดยเฉพาะการใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนและคนรัก มีอัตราไม่ถึงร้อยละ 40
ด้วยเหตุนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับเมืองพัทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่ 6 ชลบุรี ธนาคารกรุงไทย บมจ.สบาย ภาคประชาสังคม เปิดตัวโครงการ “เลิฟปัง รักปลอดภัย แก้ปัญหาท้องไม่พร้อม ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” แจกยาคุมกำเนิด-ถุงยางอนามัย สำหรับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ลงทะเบียนบนแอปฯ เป๋าตัง และเริ่มบริการ ตู้จ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นำร่อง 2 พื้นที่ ได้แก่ อาคารท่าเรือแหลมบาลีฮาย และ โรงพยาบาลเมืองพัทยา
ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า นับว่าเป็นเรื่องราวที่ดีในการเลือกเมืองพัทยาเป็นพื้นที่นำร่องในโครงการเลิฟปัง รักปลอดภัย เพราะเมืองพัทยามีประชากรกว่า 1 แสนคน รวมประชากรแฝงก็รวมกว่า 4 แสนคน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในปี 2565 อีกกว่า 12 ล้านคน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมไปถึงความหลากหลายทางเพศ การใส่ใจในเรื่องนี้ก็เป็นส่วนสำคัญ โดยการติดตั้งตู้จ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติ มีที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย เพราะมีนักท่องเที่ยวที่ข้ามไปยังเกาะล้านในช่วงวันหยุดกว่า 10,000 คน วันปกติอีกกว่า 7,000 คน ดังนั้นการติดตั้งตรงนี้น่าจะกระจายถุงอนามัยได้ดี อีกจุดคือ รพ.เมืองพัทยา โดยในอนาคตอาจมีการติดตั้งในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป สะท้อนถึงความใส่ใจของหน่วยงานภาครัฐและเมืองพัทยาต่อการดูแลสุขอนามัยของประชาชน
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่ทางสปสช. ได้ให้ความสำคัญสำหรับการบริการถุงยางอนามัย หรือยาคุมกำเนิด อยู่ในบริการของสิทธิบัตรทอง ซึ่งได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติในปี 2565 โดยมีเป้าหมายในการกระจายถุงยางอนามัยอย่างเพียงพอมากถึง 3 เท่า เพื่อลดอัตราการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ลดอุบัติการณ์ของโรคเอดส์ และป้องกันการท้องไม่พร้อม โดยดูแลประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองให้เข้าถึงบริการถุงยางอนามัยเบื้องต้นจำนวน 94,566,600 ชิ้น ในปี 2566 โดยถุงยางอนามัยที่แจกมี 4 ขนาดด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนเลือกใช้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังมียาคุมกำเนิด และรวมถึงบริการคุมกำเนิดด้วยวิธีต่างๆ ด้วย เช่น การใส่ห่วงอนามัย ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นต้น ปีที่ผ่านจึงได้มีการสั่งถุงยางอยามัยเพิ่มอีกกว่า 130 ล้านชิ้น เพื่อกระจายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลกลุ่มที่น่าเป็นห่วงในการเสี่ยงติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และโรคเอดส์ คือ กลุ่มวัยรุ่น
“ดังนั้นแนวคิดในการทำโครงการฯ นี้ขึ้นเพื่อสร้างแนวทางในการเข้าถึงบริการถุงยางอนามัยฟรี ผ่านทางแอพฯ เป๋าตัง หรือตู้ให้บริการ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าการเพิ่มจุดให้บริการถุงยางอนามัยจะเป็นการส่งเสริมให้มีเพศสัมพันธ์ แต่คือการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น โดยผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถรับบริการได้ 2 ช่องทาง คือ ช่องทางแรกลงทะเบียนบนแอปพลิเคชัน เป๋าตัง และเข้ารับถุงยางอนามัยที่หน่วยบริการใกล้บ้านที่ท่านเลือก โดยช่องทางนี้ยังเป็นช่องทางเข้ารับบริการสิทธิประโยชน์คุมกำเนิด เช่น การใส่ห่วงอนามัย ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นต้น กรณีผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถนำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนขอรับบริการได้ที่หน่วยบริการ ส่วนช่องทางที่สอง คือการรับถุงยางอนามัยที่ตู้จ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติ เพียงใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดยืนยันตัวตนเท่านั้น “นพ.จเด็จกล่าว
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสปสช. กล่าวเสริมว่า นอกจากปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคเอชไอวีจะมีเพิ่มขึ้นแล้ว ปัญหาการท้องไม่พร้อมจากข้อมูลกรมอนามัยในเดือนพ.ค.2564 พบอัตราการท้องไม่พร้อมวันละ 149 คน โดยร้อยละ 27 มีอายุต่ำกว่า 27 ปี และส่วนใหญ่ยังอยู่ในระบบการศึกษา ซึ่งการแก้ปัญหานี้ง่ายนิดเดียว คือ การสวมใส่ถุงยางอนามัย และอยู่ในระบบสิทธิบัตรทอง หากมีความเขินอายก็สามารถรับได้ในช่องทางที่ร่วมในโครงการนี้
นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พื้นที่จังหวัดชลบุรีพบการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในกลุ่มวัยรุ่นจาก30% ลดลงเหลือประมาณ 20% ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาในระบบสาธารณสุข ยังเป็นปัญหาทางสังคม อย่างบางเคสที่ตั้งครรภ์เพียงอายุ 11 ปี ก็จะส่งผลกระทบต่อการเรียน หรือครอบครัว ซึ่งการเข้าถึงถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดนับว่าช่วยได้ดีขึ้น แต่ยังต้องมีการให้ความรู้ด้านการใช้สิ่งเหล่านี้ก็จะยิ่งช่วยได้มาก ส่วนโรคติดต่อทางสัมพันธ์ พบว่าโรคซิฟิลิส โรคแผลริมอ่อน โรคหนองใน มีค่าเฉลี่ยมากกว่าของประเทศ ดังนั้นก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเอชไอวีมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น วันทำงาน และกลุ่มผู้ให้บริการทางเพศหรือ Sex Worker
นพ.อภิรัต กล่าวอีกว่า ในกลุ่ม Sex Worker ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างน้อยที่ 92% ซึ่งในกลุ่ม Male Worker พบการใช้ถุงยางอนามัยถึง 97% Female Worker อยู่ที่ 74-75% ในขณะเดียวกันในกลุ่มTransgender หรือบุคคลข้ามเพศก็อยู่ที่ 74-75% ดังนั้นก็มีความคาดหวังว่าจะสามารถขยับเปอร์เซ็นต์ให้มากกว่าเป้าหมายหรือให้ได้ 100% ทั้งนี้ในส่วนของการได้รับยาเออาร์วี สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อกดเชื้อให้ต่ำลงจนไม่สามารถแพร่กระจายได้ พบมี 29% ที่ยังไม่สามารถกดเชื้อให้ต่ำได้ ด้วยเหตุผลอาจจะเข้าไม่ถึงยาหรือไม่ได้รับยา จึงมีเครือข่าย NGO ต่างๆ ที่จะช่วยให้เข้าถึงยาเออาร์วีได้ง่ายขึ้น ดังนั้นทั้งการป้องกันท้องไม่พร้อม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีช่องทางในการเข้าถึงมากขึ้น ก็จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน
นายจำรอง แพงหนองยาง รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (สวิง พัทยา) กล่าวว่า มีความยินดีที่หน่วยงานภาครัฐได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และมองว่ามีความตั้งใจในการพัฒนาระบบบริการ เพื่อให้เกิดการเข้าถึงที่ง่ายและสะดวก รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง การรับถุงยางอนามัยผ่านเครื่องจ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิประโยชน์คุมกำเนิดอื่นๆ ภายใต้โครงการเลิฟปัง รักปลอดภัยฯ ในระบบบัตรทอง 30 บาท อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาพรวมจะมองว่าดี แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ประชาชนทุกกลุ่ม อย่างเช่นกลุ่มพนักงานบริการ ก็อยากให้มีบริการถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดที่ไม่ต้องมาแสดงบัตรประชาชน หรือเปิดเผยตัวตนวิธีใดๆ ก็ตาม เพราะแม้แต่การจ่ายถุงยางอนมัยผ่านตู้อัตโนมัติก็ยังต้องใช้บัตรประชาชนยืนยัน ที่เป็นการเปิดเผยตัวตนเช่นกัน ถือเป็นข้อจำกัด
ส่วนการให้บริการถุงยางอนามัยจำนวน 10 ชิ้นต่อครั้งต่อสัปดาห์นั้น หากเป็นค่าเฉลี่ยประชากรทั้งประเทศ ก็มองว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว ส่วนจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์หรือไม่นั้น เรื่องคงแล้วแต่มุมมอง แต่ส่วนตัวมองว่าเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติมนุษย์ และทุกครั้งที่เราเห็นถุงยางก็ไม่ได้จะทำให้อยากมีเพศสัมพันธ์ เพียงแต่การพกถุงยางอนามัยเป็นเรื่องการเตรียมความพร้อมและป้องกันมากกว่า
“วันนั้น ทั้งสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย สำนักงานชลบุรี, มูลนิธิซิสเตอร์ พัทยา, เครือข่ายสุขภาพและโอกาส Hon house พัทยา และสวิง พัทยา เอง ได้ร่วมการเปิดตัวโครงการเลิฟปังฯ เราเห็นด้วยกับการจัดบริการเพื่อเพิ่มการเข้าถึงถุงยางอนามัย เพราะทำให้เข้าถึงได้ง่าย สะดวกมากขึ้น และอยากให้มีการกระจายติดตั้งไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงการจัดบริการถุงยางอนามัยเฉพาะกลุ่มพนักงานบริการที่ไม่อยากแสดงตัวตน” รอง ผอ. สวิงพัทยา กล่าว
นายวชิรธร คงสุข กรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัท สบายฯ ได้ร่วมกับ สปสช. พัฒนาระบบการแจกถุงยางอนามัยผ่านตู้อัตโนมัติ โดยนำนวัตกรรมในการจำหน่ายสินค้า อุปโภค บริโภค ผ่านเครื่องอัตโนมัติของบริษัทฯ มาปรับกระบวนการเพื่อให้บริการให้สอดคล้องกับนโยบายและหลักเกณฑ์ของ สปสช. ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกให้กับประชาชนผู้มีสิทธิประโยชน์ บัตรทอง 30 บาท สามารถเข้าถึงสิทธิการรับถุงยาง โดยได้รับการให้บริการอย่างประสิทธิภาพและทั่วถึง ซึ่ง บริษัทฯ มองถึงประโยชน์ของช่องทางในการให้บริการแจกถุงยางผ่านตู้อัตโนมัติ ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์อุปนิสัยส่วนตัวของคนไทย ที่ส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้ามาขอรับถุงยางอนามัยผ่านเครือข่ายสถานพยาบาลที่ให้บริการในปัจจุบัน สำหรับการแจกถุงยางอนามัยผ่านตู้อัตโนมัติของเครือข่ายของกลุ่ม บริษัท สบายเทคโนโลยี นั้น ในช่วงแรกบริษัทได้ติดตั้งตู้แจกถุงยางอัตโนมัติในแหล่งชุมชนเมืองพัทยา จำนวน 2 จุด ได้แก่ บริเวณจุดรับส่งผู้โดยสารท่าเรือแหลมบาลีฮาย และบริเวณหน้าโรงพยาบาลเมืองพัทยา และในอนาคต ทางบริษัทมีแผนกระจายตู้แจกถุงยางอัตโนมัติ ไปยังแหล่งชุมชนและพื้นที่สำคัญๆ กระจายไปยังทั่วประเทศอีกด้วย .
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอเหรียญทอง' แจกแจงแนวคิดจ่ายเงินเอง ราคาบัตรทอง ชี้ช่วยลดความแออัดผู้ป่วยรพ.รัฐ
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า โครงการ 'จ่ายเงินเอง ราคาบัตรทอง แอดมิตไม่ต้องเสียเงิน ทุกเขตทั่วราชอาณาจักรไม่ต้องใช้ใบส่งตัว'
ตีปี๊บ '30 รักษาทุกที่' เต็มรูปแบบ ครอบคลุมทุกพื้นที่ 77 จังหวัดของไทย
รัฐบาล ประกาศ '30 รักษาทุกที่' เต็มรูปแบบ ด้วยโอกาสของคนไทยนับจากนี้ ต้องมีชีวิตดี สุขภาพดี เริ่มแล้วครอบคลุมทุกพื้นที่ 77 จังหวัดของประเทศไทย