'ประวิตร' มอบ 'บิ๊กโจ๊ก' หารือประมงพื้นบ้าน ย้ำคุมเข้มบังคับใช้กฎหมายในกรอบสากล มุ่งรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล-ชาวบ้านอยู่รอด
27 ม.ค.2566 - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ เพื่อกำหนดแนวทางการทำประมงพื้นบ้านและการนำเรือประมงออกนอกระบบ โดยที่ประชุมรับทราบความเห็นของคณะกรรมาธิการยุโรป ( DG-MARE) ถึงความพยายามของไทย ต่อพัฒนาการติดตาม เฝ้าระวังและควบคุมการทำประมงภาพรวม โดยขอให้เพิ่มการตรวจสอบดำเนินคดีอย่างเต็มประสิทธิภาพตามขั้นตอนกฎหมายกับเรือที่มีข้อมูลจากศูนย์ FMC เรือเข้าออกท่าที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันมิให้ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำผิดกฎหมาย เข้าสู่ห่วงโซ่อาหารหรือส่งออกต่างประเทศ และรับทราบการขยายเวลายกเว้นบังคับใช้กฎหมาย MMPA ของสหรัฐฯ ออกไปอีก 1 ปี จนถึง 31 ธ.ค.66
พร้อมกับรับทราบความก้าวหน้า นโยบายและแผนบริหารจัดการประมง และแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในทะเลสาบสงขลา ปี 66-70 รวมท้ังผลการประเมินประเทศไทยต่อสถานการณ์การขจัดแรงงานเด็กในรูปแบบเลวร้ายที่สุดของ สหรัฐฯ ปี 64 โดยเสนอให้ความสำคัญกับการควบคุมบังคับใช้อายุขั้นต่ำของการจ้างแรงงานให้ครอบคลุมการจ้างแรงงานนอกระบบ การกำหนดอาชีพและกิจกรรมเสี่ยงที่อันตรายต่อเด็กให้ครอบคลุมมากขึ้น และการเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพผู้ตรวจแรงงานนอกระบบในพื้นที่ห่างไกล
ต่อจากนั้นที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาแนวทางการออกใบอนุญาตทำประมงพื้นบ้าน ที่ให้ความสำคัญกับเกณฑ์การออกใบอนุญาต พื้นที่ทำการประมง กลุ่มสัตว์น้ำ เครื่องมือประมง และขาดเรือประมง โดย พล.อ.ประวิตร ได้มอบให้ พล.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไปหารือกับประมงพื้นบ้านเพื่อความรอบคอบก่อน พร้อมกันนี้ ได้พิจารณาและเห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบสำหรับกลุ่มเรือที่ประสงค์จะออกนอกระบบเพิ่มเติม จำนวน 1,007 ลำ วงเงินช่วยเหลือเยียวยา1,806.3349 ล้านบาท และเรือประมงออกนอกระบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน โดยมีกลุ่มเรือที่ประเมินสภาพแล้ว 96 ลำ วงเงิน 163.3634 ล้านบาท
พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำกับกรมประมง ต้องเข้มแข็งบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังมากขึ้น และจำเป็นต้องโปร่งใส ไม่มีทุจริตเอื้อประโยชน์กับกลุ่มใดทั้งสิ้น โดยให้นำข้อเสนอขององค์กรระหว่างประเทศไปปรับแก้ไขให้มีผลเป็นรูปธรรม เป็นที่ยอมรับของสากล และขอให้กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมขับเคลื่อนนโยบายประมงที่ยืนบนหลักกฎหมาย โดยคำนึงความอยู่รอดของชาวประมงพื้นบ้านและผลประโยชน์ของทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืนร่วมกันเป็นสำคัญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชาวประมงพื้นบ้านสงขลา ออกคราดหอยเสียบ สร้างรายได้งามช่วงฤดูมรสุม
ชาวประมงพื้นบ้านในชุมชนเก้าเส้ง ประกอบอาชีพคราดหอยเสียบขายรายได้ดีเลี้ยงครอบครัวได้ เป็นอิสระในช่วงฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือ คลื่นลมเริ่มมีกำลังแรงหอยเสียบตัวโต น้ำหนักดี สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับครอบครัว
ประมงพื้นบ้านสงขลา อาศัยช่วงคลื่นลมไม่รุนแรง ออกจับปูม้ากำลังชุกชุม ขายได้ราคาดี
ที่ชายหาดบ้านบ่ออิฐ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา ชาวประมงพื้นบ้านในชุมชนบ้านบ่ออิฐนำเรือหลายลำออกไปทำการประมงอวนปูกลางทะเล เนื่องจากในช่วงนี้คลื่นลมไม่รุนแรงสามารถนำเรือออกไปทำการประมงได้
เกาะลิบงอ่วมหนักรอบ 30 ปี! คลื่นซัดเรือประมงล่ม 7 ลำ รีสอร์ทพัง ชาวบ้านเผยปีนี้ฝนมาเร็ว
ในพื้นที่เกาะลิบง หมู่ 5 บ้านหลังเขา ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง เกิดเหตุมีเรือประมงพื้นบ้านล่มจำนวน 7 ลำ หลังเกิดฝนตกและลมพายุในทะเลฝั่งอันดามัน โดยนายอ่าสาน ค
'บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กต่าย' ยันเข้าชี้แจงด้วยวาจา ก.พ.ค.ตร. ปมคำสั่งออกราชการ คาดทราบผลสรุปในสัปดาห์นี้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)
'สมาคมรักษ์ทะเลไทย' กระตุก รัฐบาล ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจน ฟื้นฟูอาหารประมงไทย
นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย โพสต์บทความเรื่อง ความสั่นคลอนของระบบอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย (๑) มีเนื้อหาดังนี้
'วิรุตม์' ยุ 'โจ๊ก' ยื่นปปช.ฟันผบ.ตร.-นายกฯผิดม.157ไม่สั่ง21ตร.คดี 'เป้รักผู้การ' ออกจากราชการ
'วิรุตม์' รับ 'โจ๊ก' ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจริง คดี 'เป้รักผู้การ'ตร.21นายถูกอัยการสั่งฟ้องทำไมไม่ให้ออกจากราชการเหมือนตน ยุยื่นปปช.ตรวจสอบผู้บังคับบัญชา-ผบ.ตร.- นายกฯละเว้นหน้าที่ตามม.157 หรือไม่