19 ม.ค.2566- คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และบริษัท ลูกคิด จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่องการพัฒนาห้องปฏิบัติการเชิงนโยบายเพื่อสร้างระบบบริการสุขภาพแบบเน้นคุณค่าสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยมี ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นประธาน
รศ.ดร.นพ.บวรศม ลีระพันธ์ อาจารย์ประจำสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี หัวหน้าโครงการห้องปฏิบัติการเชิงนโยบายสุขภาพฯ กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญและกำลังจะกลายเป็นภาระด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ความท้าทายของผู้กำหนดนโยบายในปัจจุบันคือการปรับกระบวนการนโยบายสุขภาพให้สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ทันท่วงที หนึ่งในแนวคิดที่หลายประเทศนำมาใช้ในการพัฒนาคือ “ห้องปฏิบัติการนโยบาย” หรือ Policy Lab ให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงนโยบาย มีการนำเครื่องมือ เทคโนโลยีหรือวิธีการทำงานแบบใหม่มาใช้ เช่น การคิดเชิงระบบ (System thinking) และการคิดเชิงออกแบบ (Design thinking) เพื่อสร้างกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เปิดให้มีการทดลองออกแบบนโยบายร่วมกันแบบบูรณาการ
ทั้งนี้ ในโครงการนี้จะประยุกต์ใช้แนวคิดเรื่องระบบบริบาลสุขภาพแบบเน้นคุณค่า (Value-Based Healthcare) โดยการมองผู้ป่วยมะเร็งเป็นศูนย์กลางในการออกแบบนโยบายที่มีประสิทธิผลและสามารถตอบโจทย์การจัดการภาระโรคมะเร็งในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน
นพ.สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยมายาวนานกว่า 20 ปี จึงจำเป็นต้องมีแนวคิดใหม่ในการพัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคนี้ และ Value-Based Healthcare ก็เป็นสิ่งที่กรมการแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญ โครงการนี้จึงจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ และจะเป็นข้อมูลนำเข้า (input) สำคัญอันหนึ่งในการจัดทำแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ ปี 2566-2570 ที่ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติจะจัดทำขึ้นในปีนี้ต่อไป
ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สปสช. เป็นหน่วยงานที่ดูแลค่าบริการสาธารณสุขและให้ความสำคัญกับการการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ตั้งแต่การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก การตรวจคัดกรองมะเร็งต่างๆ การรักษาด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด รังสีรักษา ไปจนถึงการดูแลแบบประคับประคองในระยะสุดท้าย เพื่อให้เกิดระบบการดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างครบวงจร รวมทั้งอยู่ระหว่างพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งเพิ่มเติม เช่น การตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งตับ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมีราคาแพงมากขึ้นแต่งบประมาณด้านสาธารณสุขมีจำกัด การมีห้องปฏิบัติการเชิงนโยบายเพื่อสร้างระบบบริการสุขภาพแบบเน้นคุณค่า จะช่วยให้ สปสช.ตัดสินใจเชิงนโยบายในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในโรคมะเร็งที่มีความชุกสูงอย่างมะเร็งปอด มะเร็งตับ และมะเร็งเต้านม
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการ สวรส. กล่าวว่า สวรส.พร้อมร่วมมือพัฒนางานกับทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านการสนับสนุนทุนวิจัยและการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สามารถนำไปใช้พัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่ส่งผลให้เกิด Value-Based Healthcare มีระบบการเข้าถึงการรักษามที่เหมาะสมครอบคลุมการรักษาที่จำเป็น ดังนั้น สวรส.คาดหวังว่าข้อเสนอเชิงนโยบายบนฐานความรู้ของโครงการนี้ จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดภาระและค่าใช้จ่ายของสถานพยาบาล ตลอดจนสามารถบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของระบบสุขภาพของประเทศให้มีความยั่งยืนต่อไป
น.ส.เมษ์ ศรีพัฒนาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท ลูกคิด จำกัด กล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมทำงานให้คำปรึกษาในกระบวนการคิดค้นนวัตกรรมเชิงนโยบายในโครงการนี้ บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านกระบวนการคิดเชิงออกแบบ ซึ่งจะทำงานร่วมกับคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องกระบวนการคิดเชิงระบบ การบูรณาการกระบวนการคิดทั้ง Design thinking และ System thinking น่าจะทำให้กระบวนการพัฒนานวัตกรรมของห้องปฏิบัติการนี้สมบูรณ์แบบมายิ่งขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนให้ได้มากที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอเหรียญทอง' แจกแจงแนวคิดจ่ายเงินเอง ราคาบัตรทอง ชี้ช่วยลดความแออัดผู้ป่วยรพ.รัฐ
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า โครงการ 'จ่ายเงินเอง ราคาบัตรทอง แอดมิตไม่ต้องเสียเงิน ทุกเขตทั่วราชอาณาจักรไม่ต้องใช้ใบส่งตัว'
ตีปี๊บ '30 รักษาทุกที่' เต็มรูปแบบ ครอบคลุมทุกพื้นที่ 77 จังหวัดของไทย
รัฐบาล ประกาศ '30 รักษาทุกที่' เต็มรูปแบบ ด้วยโอกาสของคนไทยนับจากนี้ ต้องมีชีวิตดี สุขภาพดี เริ่มแล้วครอบคลุมทุกพื้นที่ 77 จังหวัดของประเทศไทย