อากาศหนาวๆ แบบนี้ ถ้าตัดสินใจไปแอ่วเมืองเหนือ ในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ หรือจะเลยจากช่วงปีใหม่ไปก็ได้ ไม่ควรพลาดแวะไป สูดดมดอม ดอกไม้เมืองหนาวนานาพรรณ ในงาน เทศกาลชมสวน (Flora Festival) เทศกาลยิ่งใหญ่ประจำปี ที่นักท่องเที่ยวต่างรอคอย ที่จะได้ชื่นชมความงามของไม้ดอก สำหรับปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “แอ่วสุขใจ..ไอ มิส ยู” โดยงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 – ยาวไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่
เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ “Next Normal” หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยมุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวมีความสุขจากใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว หรือคนรัก และได้รับคุณภาพของการให้บริการที่มีมาตรฐาน เป็นเจ้าบ้านที่ดี มีความสะอาดและปลอดภัย มอบประสบการณ์และสร้างความสุขทั้งองค์ความรู้ด้านโครงการตามแนวพระราชดำริ โครงการหลวง และการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ความหลากหลายทางชีวภาพ ศิลปะและวัฒนธรรม อีกทั้ง ยังได้มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งอุทยานหลวงราชพฤกษ์กำลังมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี พ.ศ.2570
ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามของไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณ นับล้านดอก ที่จะบรรจงจัดแสดงบนพื้นที่กว่า 470 ไร่ พร้อมใจกันเบ่งบานงดงามเต็มสวน ซึ่งมีหลักคิดในการจัดสวนโดยใช้ความงามของธรรมชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและวิถีชีวิตเป็นหลักคิดในการออกแบบและตกแต่งภูมิทัศน์ ใช้วัสดุธรรมชาติในการจัดสวน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมและประทับใจตลอดการจัดงาน และจุดไฮไลท์ในงานที่ไม่ควรพลาด ได้แก่
จุดจัดแสดงไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณจากบนพื้นที่สูง หลากสีสัน และยังได้รู้จัก และเรียนรู้ประเภท ประโยชน์ของพรรณไม้แต่ละชนิด อีกทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดในการนำไปปลูกที่บ้าน พร้อมมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ให้ได้เก็บภาพประทับใจ ณ สวนลานต้อนรับและสวนอังกฤษ
จุดจัดแสดงดอกกุหลาบ เอาใจคนรักดอกกุหลาบ ในเทศกาลมีส่วนจัดแสดงดอกกุหลาบเยอะมากกว่า 200สายพันธุ์ แข่งกันเบ่งบาน ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เรียกว่าไปช่วงจัดงานข่วงไหน ก็จะได้เจอกับดอกกุหลาบกลีบแข็งๆ เพราะอากาศเย็น ต้อนรับเราเมื่อนั้น แต่ละจุดของโซนกุหลาบล้วนออกดอกบานสะพรั่งสลับหมุนเวียนได้ชมกันตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น โดมกุหลาบ โซนร้านกาแฟ สวนฤดูฝน สวนประเทศโมร็อคโก สวนข้างโรงแรมราชพฤกษ์เพลซ
จุดจัดแสดงกล้วยไม้ ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยและสดชื่นไปหมด มีทั้ง กล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส แวนด้า ม็อคคาร่า แอสโคเซ็นด้า ฯลฯ พร้อมมุมถ่ายภาพ ตกแต่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ณ เรือนกล้วยไม้
ส่วนที่เป็นทุ่งดอกไม้ ในช่วงเดือนธันวาคม2565-มกราคม2566 พบกับดอกเจอราเนียม ดอกซัลเวียแดง สวนพรมบุปผาในสไตล์ สวนเดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบกับ ทุ่งคอสมอสสีชมพู สวนสวัสดี
อีกจุดที่น่าสนใจ คือ จุดจัดแสดงสวนแบบ Recycle พร้อมมุมถ่ายรูป ณ ลานส้มสุก โดยนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ นำกลับมาใช้ใหม่ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เพื่อช่วยลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการและกิจกรรมสำคัญในงาน อาทิ ธ สถิตในดวงใจไทยตราบนิจนิรันดร์ บัวบาทยาตรา ธ คือปราชญ์แห่งแผ่นดิน นิทรรศการโครงการหลวงและการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน แต่ในเดือนธันวาคม65 – กุมภาพันธ์ 66 จะเป็นนิทรรศการ How to save our planet : ณ อาคารนิทรรศการ ธ คือปราชญ์แห่งแผ่นดิน (เรียนรู้กิจกรรมในชีวิตในประจำวันที่ช่วยลดขยะ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก) นิทรรศการไม้ฟอกอากาศ : ณ เรือนร่มไม้ ชมพรรณไม้และดอกไม้หลากชนิด ที่เป็นไม้ฟอกอากาศและที่เป็นประโยชน์ พร้อมมุมถ่ายภาพสวยๆ
ส่วนกิจกรรมมีการประกวดถ่ายภาพ (Photo Contest) : ถ่ายรูปจุดที่ชอบในสวน โพสต์ลง Facebook ของตัวเองและบอกความประทับใจ พร้อมติด Hashtag ลุ้นรับรางวัล กิจกรรมเดินสวนกับคนสวน (Walking Tour) : รู้ลึก รู้จริง รู้ก่อนใคร กับกิจกรรม “เดินสวนกับคนสวน” Walking Tour กิจกรรมที่พาทุกท่านมาชมสวน กับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพรรณไม้ เรียนรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ ตั้งแต่วิธีเพาะพันธุ์ วิธีการดูแล ไปจนถึงสาธิตวิธีการปลูก พร้อมเรียนรู้แหล่งศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่น เพิ่มพูนความรู้ด้านการเกษตรทฤษฎีใหม่ เผยแพร่องค์ความรู้ และสัมผัสธรรมชาติอันร่มรื่นกับเส้นทางการเรียนรู้ภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ หรือกิจกรรมเรียนรู้ค่ายสิ่งแวดล้อม : สำหรับเด็กและเยาวชน นักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ค่ายสำรวจธรรมชาติ *ทุกวันเสาร์สัปดาห์ที่ 4 ของเดือน*
เรื่องช้อปชิมไม่ต้องห่วง เพราะที่นี่มีตลาดนัดชาวดอย ที่มีผัก ผลไม้ ผลผลิตปลอดภัยจากเกษตรกรบนพื้นที่สูง มาจำหน่ายทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หรือกิจกรรม DIY : ณ ลานส้มสุก กระเป๋าผ้าแต้มลายด้วยวัสดุจากธรรมชาติ และทำยาดมสมุนไพรเขย่า รวมทั้ง ซุ้มคนเมือง ที่ขายอาหารพื้นเมือง พร้อมนั่งชิลกับบรรยากาศแบบล้านนา
ช่วงเย็นเวลาประมาณ 16.50 – 17.20 น. ยังมีโอกาสดื่มด่ำชมพระอาทิตย์ฉายแสงลอดผ่านประตูด้านข้างหอคำหลวงที่เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาอันทรงคุณค่า ซึ่งถือว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดขึ้นในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี โดยพระอาทิตย์จะค่อยๆ เคลื่อนลงมาที่ตรงประตูของหอคำหลวงพร้อมสาดแสงเป็นลำแสงผ่านช่องประตูทั้ง 2 บานอย่างสวยงาม
การเข้าชม มีค่าใช้จ่าย แต่มีบริการรถเข้าชมฟรี โดยผู้สูงอาตั๋งแต่ 60 ปีขึ้นไป ข้าราชการ นักเรียนและนักศึกษา แสดงบัตรค่าเข้าคนละ 70 บาท ผู้พิการ พระภิกษุ และเด็กความสูงไม่เกิน 100 ชม. เข้าชมฟรี บัตรรายปีบัตรสมาชิกชมสวนรายปีแบบบุคคล ราคาขาย 899 บาท/ บัตรสมาชิกชมสวนรายปีแบบกลุ่ม (3 คน) ราคาขาย 2,000 บาท/ปีสอบถามเพิ่มเติมที่ 053-114110 ถึง 2
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันสุดท้าย! คนนับแสนหลั่งไหลกราบสักการะ 'พระบรมสารีริกธาตุ-พระอรหันตธาตุ'
ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ บรรยากาศในการเข้ากราบสักการะ พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากประเทศอินเดีย
พุทธศาสนิกชนกว่าแสนคน หลั่งไหลเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ที่เชียงใหม่
บรรยากาศในการสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากประเทศอินเดีย ที่ประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ หอคำหลวง ในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่
พรุ่งนี้วันสุดท้าย สักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ท้องสนามหลวง
2 มี.ค.2567 - ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กรมการศาสนา ประกาศขยายเวลาเปิดและปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะในช่วงวันที่ 2-3 มี.ค. ตั้ง