พักกายสบายใจ ที่เบสท์ เวสเทิร์นฯ บนเกาะฟู้โกว๊ก

เกาะฟู้โกว๊ก (Phú Quốc) เป็นหนึ่งในอำเภอของ จ.เกียนซาง ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่เปิดตัวไม่นานมานี้ ความน่าสนใจอยู่ที่ ฟู้โกว๊กเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในประเทศ  แต่ยังไม่ค่อยรู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่สำหรับชาวเวียดนามที่นี่เปรียบเสมือนเกาะสวรรค์ของการพักผ่อน  ที่ขึ้นชื่อว่าเงียบสงบเพราะอยู่ห่างจากตัวเมือง น้ำทะเลใส หาดทรายสวย เกาะแห่งนี้อยู่ในอาณาบริเวณของอ่าวไทย เต็มไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยอีกกว่า 20 เกาะ รวมพื้นที่ทั้งเกาะราวๆกว่า 570 ตารางกิโลเมตร

ในแง่เศรษฐกิจเกาะฟู้โกว๊ก ถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของเวียดนามโดยเฉพาะการประมง มีสินค้าขึ้นชื่อ คือ น้ำปลา การทำฟาร์มหอยมุก และการท่องเที่ยว เพราะมีชายหาดทอดยาวหลายอำเภอ มีน้ำทะเลใส อุดมไปด้วยสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ เหมาะแก่การดำน้ำ ล่องเรือ เล่นกีฬาทางทะเล จึงกลายเป็นแลนด์มาร์คของการพัฒนาและลงทุนในการสร้างโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เติบโตอย่างรวดเร็ว ที่จะช่วยกระตุ้นการเดินทางมายังเกาะได้มากขึ้น

ในส่วนของการเดินทางมาที่เกาะฟู้โกว๊ก ก็มีท่าอากาศยานนานาชาติฟู้โกว๊ก รองรับนักท่องเที่ยวที่เชื่อมกับสายการบินในนครโฮจิมินห์ คือ ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ตและท่าอากาศยานสักซ้า หากจะบินตรงจากประเทศไทยก็สามารถโดยสารกับทางสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ ได้ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็ถึงจุดหมายปลายทาง

ได้มีโอกาสเดินทางมาที่เกาะฟู้โกว๊ก 2 คืน 3 วัน  ได้เยี่ยมชมและเข้าพักที่โรงแรมและพูลวิลล่า ในเครือเบสท์ เวสเทิร์น โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ของบีดับเบิลยูเอช โฮเทล กรุ๊ป (BWH Hotel Group)  ตัวโรงแรมตั้งอยู่ติดชายหาดยาว เมื่อมาถึงสัมผัสได้ถึงความสวยงามจากการตกแต่งโซนล็อบบี้ เฟอร์นิเจอร์หวาย ประดับตกแต่งด้วยงานแกะสลักไม้ เช่นเดียวกับห้องอาหารเอสเซนซ์ (Essence)  ที่เก้าอี้ทุกตัวยังเป็นหวาย เวลานั่งรู้สึกสบาย บริเวณโดยรอบของโรงแรมยังเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เพิ่มความสดชื่นท่ามกลางธรรมชาติ

ในส่วนของห้องพักก็มีให้เลือก 2 แบบ คือ ห้องพักแบบสวีทที่มีหลายประเภทกว่า 300 ห้อง ภายในห้องเน้นการตกแต่งสไตล์อินโดจีนร่วมสมัย สะท้อนถึงอิทธิพลทางประวัติศาสตร์ของเวียดนาม  และวิถีชีวิตริมทะเล  จากระเบียงสามารถมองเห็นทะเลทัศนียภาพของทะเลได้อย่างชัดเจน

เดินผ่านสระน้ำส่วนกลาง เป็นพื้นที่ของวิลล่าที่มีกว่า 10 หลัง มีการออกแบบแนวโมเดิร์นทันสมัย ด้านในมีการตกแต่งคล้ายกับส่วนของห้องพัก เพิ่มลูกเล่นด้วยโทนสีโซฟา  มีพื้นที่ในการใช้สอยอย่างเต็มที่ แต่ละหลังมีสระน้ำและสวนส่วนตัว ออกจากวิลล่ายังมีสระว่ายน้ำแบบลากูนยาวถึง 300 เมตรอยู่ทั้งสองฝั่ง หรือจะไปเล่นที่สระส่วนกลางที่มีโอเอซิส พูล บาร์ (Oasis Pool Bar) ให้บริการ  แถมเดินไปหาดเพียงไม่กี่ก้าวก็ได้สัมผัสกับลมทะเล ผืนทราย และคลื่นทะเลทอดยาวสุดสายตา ในยามเย็นเหมาะอย่างยิ่งกับการเอนกายชมพระอาทิตย์ตกแสนโรแมนติก หรือจะจิบเครื่องดื่มรับลมที่ซันเซ็ท บีช บาร์ (Sunset Beach Bar) ก็ชิวดีนะ

อาหารของทางโรงแรมมีให้เลือกหลากหลายเมนูเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารจากเชฟฝีมือดีของโรงแรมที่รังสรรค์เมนูหน้าตาดี หรืออาหารเช้าพร้อมเสิร์ฟด้วยเฝอ อาหารเวียดนามยอดนิยม หรือปลาแฮริ่งทอด ปลาประจำถิ่นของเกาะฟู้โกว๊กที่ทานคู่กับข้าวต้มร้อนๆ อร่อยมาก แต่จะขอพูดถึงพริกเกลือ มีชื่อเวียดนามว่า หมุย เตียว เหยือง ซิน บอกเลยว่าเด็ด ให้ความรู้สึกเหมือนเวลากินข้าวกะเพราแล้วต้องมีพริกน้ำปลาแบบบ้านเราอ่ะ คือจิ้มกินกับอะไรก็เพิ่มรสชาติความนัวมากยิ่งขึ้น

ส่วนคืนที่สอง เราไปพักที่เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ โซนาซี วิลล่า ฟู้โกว๊ก รีสอร์ทวิลล่าแห่งใหม่ห่างจากโรงแรมไม่มาก รีสอร์ทที่นี่ออกแบบเป็นสไตล์เอเชี่ยนร่วมสมัย 2 ชั้น  ภายนอกคล้ายกับบ้านเดี่ยวในไทย เพราะชาวเวียดนามส่วนใหญ่ชอบการเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัว ได้มีพื้นที่การพักผ่อน ทำกิจกรรมต่างๆ

ด้านในบ้านมีการออกแบบด้วยวัสดุจากไม้เป็นหลัก โทนสีน้ำตาลจากไม้ตัดกับผ้าปูและผ้าม่านสีเขียวครามจึงความรู้สึกอบอุ่น ใกล้ชิดกับธรรมชาติและท้องทะเล ห้องของแต่ละหลังของจะมีดีไซน์แตกต่างกัน  มีพื้นที่ในการใช้สอยเยอะพอสมควร มีสวนด้านหลังและสระว่ายน้ำส่วนตัว ซึ่งมีวิลล่าให้เลือกทั้งแบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องนอน 5 ห้องนอน รวมกว่า 90 หลัง

บริเวณพื้นที่ส่วนกลางยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมสไลเดอร์สำหรับเด็กท่ามกลางหมู่แมกไม้นานาชนิด ส่วนห้องอาหารทรอปิคาน่า (Tropicana) มีให้บริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ต่อด้วยมื้อกลางวัน และมื้อเย็น ถึง 22.00 น. หรือเลือกใช้บริการรูมเซอร์วิส ตลอด 24 ชั่วโมง ได้อีกด้วย

 นอกจากที่พักจะสบายแล้ว แหล่งท่องเที่ยวในเกาะฟู้โกว๊กก็มีเยอะนะ พร้อมแล้วก็สวมบทลูกทัวร์พร้อมมีไกด์แนะนำตลอดเส้น ห่างจากโรงแรมไม่ไกลมากสามารถเดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติซันเวิลด์ ฮอนเทิม(Sun World Hon Thom Nature Park) มีไฮไลท์ คือ นั่งกระเช้าเคเบิลคาร์ข้ามทะเลยาวที่สุดในโลก ขนาดความยาวยาว 7,899.9 เมตร ต้องใช้เสาในการเป็นฐานถึง 6 ต้น ในจำนวนเสาทั้งหมดเสาต้นที่ 4 มีความสูงที่สุด 174 เมตร ส่วนกระเช้าสามารถบรรจุผู้โดยสารได้มากสุด 30 คน มีค่าบริการคนละ 800 บาท ใช้เวลาในการข้ามไปยังสวนน้ำ Aquatopia เพียง 20 นาที  

ระหว่างที่นั่งกระเช้าเราก็ได้เห็นวิวด้านล่างแบบพาโนรามาของเกาะฮอนเทิม น้ำทะเลสีเขียวมรกตที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ ใกล้ชายฝั่งเต็มไปด้วยกองทัพเรือประมง และฟาร์มหอยมุก ติดกับบ้านเรือนของชุมชนชาวประมง สะท้อนให้วิถีชีวิตที่อาศัยอยู่ใกล้ชิดกับทะเล เป็นวิวที่สวยงามหาชมได้อยากมากจริงๆ แม้จะเสียวนิดให้ได้ใจหายวูบวาบเป็นจังหวะ แต่ก็ประทับใจมากเลยทีเดียว

เราไปกินมื้อเที่ยงกันที่หาดซาว ต้องห้ามพบาดกับเมนู เมนูว้อยก๋าจิ๊ก หรือยำปลาแฮริ่ง  วิธีการกินต้องห่อด้วยแผ่นข้าวเกรียบ มะพร้าวถั่ว แตงกวา และผักที่ชอบมาพันๆ จากนั้นจิ้มกับน้ำจิ้มปลาหวาน หรือ น้ำจิ้มซีฟู้ด (ผสมแค่เกลือปั่นกับพริก) หรือน้ำปลาเพียวๆ รสชาติใช้ได้เลย ไปต่อไหว้วัดโหวโกว๊ก สาการะเจ้าแม่กวนอิม ที่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างกษัตริย์จีน 2 รัชกาล ที่บ่งบอกผ่านทางขึ้นวิหารจะมีแผ่นหินสลักมังกรสีทองอร่าม ซึ่งมังกรจะมีสีหน้าไม่ดุ มีความใจดี บนวิหารจะประดิษฐานเทพเจ้าของจีนที่ชาวเวียดนามนับถือ ฝกราบไหว้ตามศรัทธา

ปิดทริปคืนสุดท้ายก่อนบินกลับไทยด้วยการเดินตลาดกลางคืนของฟู้โกว๊กในเมือง มีอาหารทะเลขายละลานตา ของทะเลสดๆก็เยอะมากจนเลือกไม่ถูก แถมราคาก็เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋า แต่เขาแอบบอกว่ามาถึงฟู้โกว๊กต้องลองกินไอศครีมมะพร้าวทีเด็ดของเกาะเลย