บุรีรัมย์ เมืองปราสาทสองยุค

รายการเที่ยว..มีเรื่องคราวนี้ สุนีย์ เจ้าของเพจ “ตัวแทนหมู่บ้าน”พาเรามาที่ดินแดนอีสานใต้ จังหวัดบุรีรัมย์ เมืองที่ได้รับการขนานนามว่า เมืองปราสาทสองยุค เพราะมีวัฒนธรรมทั้งยุคเก่าจากอารยธรรมขอมโบราณผสมผสานกับสิ่งที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันสร้างขึ้นมา อย่างสนามแข่งฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่า “ช้างอารีน่า”ที่มีความทันสมัยใหญ่โต สรุปว่าทั้งความเก่าแก่และความใหม่ทันสมัย สามารถอยู่ร่วมกันในเมืองเดียวได้อย่างลงตัว

เริ่มต้นเปิดรายการ สุนีย์พาไปชมความงดงามของปราสาทเมืองต่ำ เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ อยู่ที่บ้านโคกเมือง ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ มีลักษณะเป็นศาสนสถานประจำเมืองหรือชุมชน อายุประมาณ 1,000 ปีมาแล้ว มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ประกอบด้วยอาคารสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ลานปราสาท สระน้ำ

สุนีย์อธิบายให้เห็นภาพในปราสาทเมืองต่ำ ส่วนต่างๆ เช่น ระเบียงคดเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเป็นห้องแคบ ๆ ยาว ๆ ล้อมรอบกลุ่มปราสาท กึ่งกลางระเบียงคดแต่ละด้านมีซุ้มประตูหรือโคปุระขนาดใหญ่

กลุ่มปราสาทอิฐ เป็นอาคารสำคัญที่สุด สร้างอยู่กลางของแผนผัง ใช้ประดิษฐานรูปเคารพ และประกอบพิธีบวงสรวงเทพเจ้า และบรรณาลัย หมายถึง หอเก็บรักษาคัมภีร์ หรือหนังสือสำคัญทางศาสนา

ถัดจากปราสาทเมืองต่ำ ในยุคโบราณ สุนีย์พาไปชม สนามฟุตบอลยุคใหม่ คือ ช้างอารีน่า อยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสนามกีฬาของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เป็นสนามฟุตบอลแห่งแรกและแห่งเดียวในไทย ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานฟีฟ่า ระดับสากล และมีความจุถึง 32,600 ที่นั่ง เป็นสนามที่โด่งดังไปทั่วโลก เมื่อถูกบันทึกกินเนสบุ๊ค ว่าเป็นสนามฟุตบอลที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน เท่านั้น ปัจจุบันสนามแห่งนี้ได้กลายเป็นแลนด์มาร์กของคนที่เดินทางมายังจังหวัดบุรีรัมย์ที่ต้องมาชมให้ได้

จากนั้น สุนีย์พาไปชมแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนรักธรรมชาติกันบ้าง ที่ อุทยานไม้ดอก เพ ลา เพลิน ตั้งอยู่ที่ตำบลคูเมือง อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสถานที่พักผ่อนและแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ ที่ทำให้ผู้มาเยือนเพลิดเพลินไปกับดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่จัดแสดงไว้ภายในโรงเรือน 6 หลัง ตกแต่งด้วยแนวคิดต่างกัน ได้แก่

โรงเรือนพรรณไม้ตามฤดูกาล, โรงเรือนพันธุ์เฟิร์นในคอนเซ็ปป่าดึกดำบรรพ์, โรงเรือนสับปะรดและพืชกินแมลงสีสันแห่งธรรมชาติ, โรงเรือนกล้วยไม้ในคอนเซ็ปกินรี, โรงเรือนพืชทะเลทรายในคอนเซ็ปมหาพีระมิด และสุดท้ายโรงเรือนคอกหน้าวัวในคอนเซ็ปอีสานใต้

นอกจากโรงเรือนแล้ว ยังมีทุ่งดอกไม้, แปลงผัก, พิพิธภัณฑ์ของเก่า ให้ชมกัน แน่นอนว่าคนที่ชื่นชอบธรรมชาติและการถ่ายภาพพลาดไม่ได้เช่นกัน

เดินจนเหนื่อยแล้วเราไปหาอะไรอร่อยกินกันดีกว่า

สิ่งที่สุนีย์พาไปรับประทานคือ ผัดไทภูเขาไฟ บ้านครูกานต์ต้นตำรับ ของฝากเมืองบุรีรัมย์ที่เป็นหนึ่งในสินค้าไทยเด็ด สามารถนั่งรับประทานที่ร้านได้เลย สถานที่ตั้งร้านอยู่ที่ซอยมณีวรรณ ในอำเภอเมืองบุรีรัมย์ สั่งมาชิมได้ร้อนๆ เลย รสชาติต้องบอกว่ามีเอกลักษณ์จัดจ้านแบบไทยโบราณ อร่อย หอมกรุ่น เพราะเป็นเมนู รางวัลชนะเลิศจานด่วนไทยไปครัวโลก 2020 และเป็น 1 ใน 5 อาหารไทย โครงการ GSB Street Food

ความอร่อยที่ว่านี้มาจากการใช้เส้นผัดไทยและวัตถุดิบที่ปลูกบนดินภูเขาไฟ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีคุณค่าทางอาหารสูง พร้อมกรรมวิธีที่คงอัตลักษณ์แบบอีสานใต้ด้วยการใช้ส้มซ่าแทนมะนาว และการเคี่ยวซอสแบบโบราณ

อร่อยในร้านจนอิ่มแล้ว หากติดใจ สามารถซื้อแบบซองที่มีทั้งเส้นหมี่และน้ำซอสสำเร็จรูปไว้ให้พร้อมแล้วกลับไปฝากคนที่บ้าน หรือซื้อกลับไปทำรับประทานเองก็ได้ เก็บไว้ได้นาน 12-16 เดือน

ส่วนคนที่ไม่ได้มาที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่สนใจผัดไทภูเขาไฟ สามารถเข้าไปดูข้อมูลที่ เว็บไซต์ไทยเด็ด https://thaidet.pttor.com ได้เลย