แพทย์จุฬาฯโชว์นวัตกรรมตรวจสมองเสื่อมแฝง ก่อนรู้ตัวล่วงหน้า 10 ปี

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโรคสมองเสื่อม เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิดเพราะโรคนี้มักเกิดขึ้นเมื่อเราอายุ 60 ปี ขึ้นไป  ยิ่งเข้าสู่สังคมสูงวัย อุบัติการณ์ของการเกิดโรคสมองเสื่อมก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย   ปัจจุบันมีผู้ที่มีอาการสมองเสื่อมทั่วโลกมีราว 50 ล้านคน เฉพาะในประเทศไทย พบผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมประมาณ 7 แสนคนซึ่งในจำนวนนี้ 5 แสนคนเกิดจากโรคอัลไซเมอร์! หากไม่มีมาตรการทั้งส่วนบุคคลและสังคมในการชะลอหรือป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมจำนวนผู้ป่วยก็จะเพิ่มขึ้น ดังที่มีการคาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีประชากรสูงวัย ที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าภายในอีก 30 ปีข้างหน้า

นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์

นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ อาจารย์ประจำสาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์และหัวหน้าโครงการนวัตกรรมการตรวจเลือดวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงแนวทางการป้องกันอัลไซเมอร์ว่า โรคอัลไซเมอร์มีระยะฟักตัว 10– 15 ปี ก่อนที่จะเริ่มแสดงอาการ เรียกได้ว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์แฝง ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใด ๆ สามารถทำงานได้ตามปกติจนเมื่อการดำเนินโรคไปถึงจุดที่อาการเริ่มปรากฎ ผู้ป่วยก็สูญเสียเนื้อสมองไปมากแล้ว ตอนนั้นก็ยากจะฟื้นฟูหรือกู้สุขภาวะของสมอง แต่ตอนนี้ เรามีวิทยาการทางการแพทย์ที่ช่วยให้เราสามารถตรวจพยาธิสภาพของโรค อัลไซเมอร์ได้ล่วงหน้าก่อนเข้าสู่วัยเกษียณ เพื่อที่เราจะได้ดูแลตัวเองเพื่อป้องกันอาการสมองเสื่อมก่อนที่จะเกิดอาการ

เครื่อง  LC-MS (Mass spectrometer) 

ภาวะสมองเสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุและหลายโรค โรคที่เป็นสาเหตุสำคัญที่สุด ของภาวะสมองเสื่อมคืออัลไซเมอร์รองลงมาคือโรคหลอดเลือดสมอง  ซึ่งสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์นั้นเกิดมาจากหลายปัจจัย ทั้งพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม มลภาวะ และความเครียด ฯลฯ อาการสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์มักเกิดกับผู้สูงอายุในช่วง 60 ปีขึ้นไป โดย 1 ใน 16 ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี มีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์ ในขณะที่ผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป

เครื่อง Simoa (Single molecule array)

อัตราส่วนของการพบผู้ป่วยโรคนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 6 คน “ยิ่งคนอายุยืนขึ้น โอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมก็ยิ่งมากขึ้น” ภาวะสมองเสื่อมเริ่มต้นจากอาการหลง ๆ ลืม ๆ เรื่องราวต่าง ๆที่ผ่านมา เมื่อมีอาการมากขึ้น ผู้ป่วยจะช่วยตัวเองได้น้อยลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเองอย่างที่เคยเป็นมา ทำให้ต้องมีผู้คอยดูแลตลอดเวลา และเมื่อการดำเนินโรคมาถึงระยะท้าย ผู้ป่วยก็มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้

“โรคนี้เป็นฝันร้ายของคนที่ป่วยเพราะทำให้ตัวตนที่สั่งสมมาหายไป การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างในครอบครัว” อ.นพ.ภูษณุ กล่าว

การพยากรณ์โรคสมองเสื่อมแฝงก่อนเกิดอาการ โดยทั่วไป การตรวจโรคอัลไซเมอร์ก่อนแสดงอาการมี 2 วิธี ได้แก่ 1. PET Scan (Positron Emission Tomography Scan) เป็นเทคโนโลยีการตรวจโรคทางด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์  โดยใช้ภาพวินิจฉัยการทำงานของอวัยวะและเนื้อเยื่อภายในร่างกาย ค่าใช้จ่ายในการตรวจค่อนข้างแพง และใช้เวลาในการตรวจให้ครบ 2-3 วัน

Laboratory sample of blood testing for diagnosis Alzheimer’s disease. Alzheimer cause brain cells degeneration that lead to memory loss (dementia) and thinking skills. Medical investigation concept

2. การเจาะน้ำไขสันหลัง  เป็นการตรวจวัดระดับโปรตีนที่ก่อโรคอัลไซเมอร์โดยการเจาะน้ำไขสันหลัง ซึ่งในประเทศไทยต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น วิธีการนี้มีผู้เข้าถึงและเข้ารับการตรวจน้อยเนื่องจากหลายคน กลัวเจ็บจากกระบวนการเจาะน้ำไขสันหลัง แต่ปัจจุบัน อ.นพ.ภูษณุ บอกว่าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ จุฬาฯ ใช้เทคนิคทางอิมมูนวิทยาหรือวิทยาภูมิคุ้มกัน ในการตรวจเลือดแทนการเจาะน้ำไขสันหลัง โดยใช้เครื่องตรวจที่มีชื่อว่า Simoa (Single moleculearray) และเครื่อง LC-MS (Mass spectrometer) เพื่อตรวจสาร Phosphorylated Tau ในเลือด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัลไซเมอร์แฝง และสาร Neurofilament light chan ซึ่งเป็นการตรวจการสูญเสียเนื้อสมอง วิธีนี้ช่วยตอบโจทย์ทั้งในแง่ค่าใช้จ่ายที่ย่อมเยากว่า ลดความซับซ้อนและความเจ็บในการตรวจหาภาวะสมองเสื่อมแฝง และยังได้ผลการตรวจที่แม่นยำอีกด้วย

“วิธีเจาะเลือดตรวจสารโปรตีนที่ก่อโรคอัลไซเมอร์เป็นวิธีใหม่ที่มีความคุ้มค่า ผลการตรวจมีความแม่นยำถึง 88 %ใกล้เคียงกับการตรวจด้วยเทคนิคที่ใช้ในต่างประเทศ  ค่าใช้จ่ายในการตรวจก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับวิธีการตรวจแบบเดิมที่ใช้อยู่ ที่สำคัญยังเป็นการเพิ่มอัตราการเข้าถึงการบริการที่ง่ายกว่าวิธีเดิมด้วย”

ข้อดีของการเจาะเลือดตรวจอัลไซเมอร์แฝง มีขั้นตอนที่ง่ายและปลอดภัยผู้รับการตรวจไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนเข้ารับการเจาะเลือดซึ่งพยาบาลหรือนักเทคนิคการแพทย์จะเจาะเลือดเพียง 10  ซีซีเท่านั้นและเป็นการตรวจเพียงครั้งเดียว ส่วนการวิเคราะห์ผลใช้เวลา 2 เดือนเท่านั้น

นอกจากนี้  ผู้รับการตรวจเลือดยังต้องทำแบบทดสอบความสามารถของสมองคว บคู่ไปด้วย เพื่อดูต้นทุนทางสมองว่าอยู่ในระดับไหน “ผู้ที่มีต้นทุนทางสมองที่ดี แม้จะมีโรคอัลไซเมอร์หรือโรคอื่น ๆแฝงก็จะไม่แสดงอาการออกมา
นพ.ภูษณุ กล่าวว่าผลจากการตรวจเลือดจะนำไปประมวลกับผลการทำแบบทดสอบก่อนจะแปรผลรวมอีกครั้ง ซึ่งกระบวนการทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแปรผลมีความซับซ้อน และต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

“การดูแลตัวเองเสียแต่วันนี้ ลดโอกาสสมองเสื่อมแฝง ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเป็นภาวะสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม มลภาวะ และอายุที่มากขึ้นหากดูแลตัวเองได้ดี ลดปัจจัยเสี่ยงเสริมต่าง ๆก็อาจจะลดโอกาสการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้ถึง 40%   และถ้าดูแลสุขภาพไม่ให้เป็นโรค NCDs เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ หรือหากเป็นแล้วก็รักษาและควบคุมโรคประจำตัวดังกล่าวให้ดี ผู้ที่มีอาการหูหนวก หูตึง จะทำให้สมองไม่ได้รับการกระตุ้น ส่งผลให้สมองเสื่อมได้ง่าย จึงควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา”นพ.วิษณุ กล่าว
สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เพจศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ https://www.facebook.com/trceidสอบถามเพิ่มเติมได้ที่คุณอดิภา โทร.0-2256-4000 ต่อ 3562, 08-4113-4443 อีเมล [email protected] เว็บไซต์ https://trceid.org Line ID: trceid

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อึ้ง! นักไวรัสวิทยายกผลงานวิจัยไอร์แลนด์ชี้ 'อัลไซเมอร์' อาจเกิดจากจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค)

หมอธีระวัฒน์ เผยวิธีการตรวจ และป้องกันโรคสมองเสื่อม

นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า

อาจารย์หมอ แนะเรียนรู้ ‘สมองเสื่อม’ แต่เนิ่นป้องกันชะลอไม่ให้ลุกลามได้

สมองเสื่อมมีหลายยี่ห้อแล้วแต่ชนิดของโปรตีนพิษบิดเกลียว ที่จะมีทางวิ่งไปยัง สมองส่วนต่างๆไม่เหมือนกัน ดังนั้นทำให้อาการที่ปรากฏขึ้นนั้น มีความผิดแผกแตกต่างกันได้

ยืนยัน! โรคสมองเสื่อมของ 'บรูซ วิลลิส' ไม่มีทางรักษา

เมื่อปีที่แล้วมีข่าวการยุติอาชีพนักแสดงของ บรูซ วิลลิส ปรากฏออกมา สืบเนื่องจากอาการป่วย เขาได้รับการวินิจฉัยในเวลานั้นว่าเป็นความพิการทางสมอง (Aphasia) โรคที่นำไปสู่ความผิดปกติของการ