คดีตู้ห่าว-ทุนจีนสีเทา เดิมพันเส้นทาง เก้าอี้ผบ.ตร. บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก

การสืบสวนสอบสวนเพื่อทลายเครือข่ายธุรกิจกลุ่มทุนจีนสีเทา ภายใต้การนำของ สองบิ๊กตำรวจ ระดับรองผบ.ตร. คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือบิ๊กต่อ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล “บิ๊กโจ๊ก”กำลังเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ

หลังรูปคดีกลายเป็นประเด็นทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ จากความเชื่อมโยงและการทำธุรกิจ ของ เครือข่าย ตู้ห่าว กับบุคคลกลุ่มต่างๆ ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ อดีตคนมีสี หลายแวดวง

พบว่าถึงตอนนี้ เครือข่ายตู้ห่าว ถูกยึดทรัพย์ รวมมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท จับผู้ต้องหาร่วม  102 คน

ความเข้มข้นการทลายเครือข่ายทุนจีนสีเทา ทำให้ทุกฝ่ายจับตาว่าสุดท้าย ผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ เรื่องดังกล่าว ทำให้มีเครือข่ายการเมือง ถูกระบุในพื้นที่สื่อไปแล้วหลายชื่อ  

หลังก่อนหน้านี้ มี ธรรมนัส พรหมเผ่า ตามด้วย พรรคพลังประชารัฐ กรณี รับเงินบริจาค 3 ล้านบาทจากตู้ห่าว

ตามมาด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรัฐมนตรียุครัฐบาลเพื่อไทย รวมถึงเครือข่ายคนในครอบครัว พล.ต.อ.ประชา อีกหลายคน ซึ่งก็ต้องรอให้คนที่ตกเป็นข่าวได้พิสูจน์ตัวเองด้วยในอีกทางหนึ่ง

และล่าสุด ผลจากตำรวจตรวจค้นหมู่บ้านหรู ย่านซอยลาซาล ที่เครือข่ายตู้ห่าวใช้เงินสดซื้อบ้านหรูถึง 50 หลัง ราคาหลังละกว่า 50 ล้านบาท จาก66 หลังในโครงการ  

ทำให้เป็นประเด็นร้อนฉ่าทางการเมืองเพราะเจ้าของโครงการดังกล่าวคือ บริษัท เอสซี แอสเสท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ตระกูล ชินวัตร ถือหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร  ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่มีหุ้นในบริษัทมากสุด  

ทำให้บริษัทเอสซี แอสเซ็ท ต้องออกเอกสารข่าวชี้แจงยืนยัน บริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใส ส่วนพรรคเพื่อไทยส่ง  นพดล ปัทมะ นักการเมืองสายตรงตระกูล ชินวัตร ออกมาการันตีว่า แพทองธารไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายบ้าน  เป็นแค่ผู้ถือหุ้น

 จากความร้อนแรงของคดีทุนจีนสีเทา ทำให้หลายคน เริ่มไม่มั่นใจว่า ตำรวจ ที่เป็นองค์กรในกระบวนการยุติธรรม ที่ถูกการเมืองแทรกแซงได้ง่ายที่สุด  จะกล้าลุยเต็มสูบกับเรื่องนี้แค่ไหน เพราะคดีนี้มีผลทางการเมืองสูงแน่ ทั้งตอนนี้และอนาคต แต่เรื่องที่หลายคนสนใจเฉพาะหน้ามากที่สุดก็คือ คดีนี้ มีอดีตรัฐมนตรี คนดัง เกี่ยวข้องด้วยจริงหรือไม่ เพราะของแบบนี้ ตำรวจสามารถ ตรวจสอบเส้นทางการเงินและความเชื่อมโยงต่างๆ ได้ง่าย

ซึ่งคดีกลุ่มทุนจีนสีเทา ว่าไป ถือเป็นเดิมพันสำคัญของ บิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่เกษียณในปี 2567 โดยเป็นที่รู้กันในวงการตำรวจว่า ชื่อนี้ คือเต็งหนึ่ง รอลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. คนต่อไปต่อจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่จะเกษียณในปีหน้า  2566 เพราะรู้กันในยุทธภพวงการสีกากีว่า บิ๊กต่อ แบ็คอัพไม่ธรรมดา

ซึ่งหาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สร้างผลงานคดีตู้ห่าวได้ดี ทำคดีแบบ ตรงไปตรงมา จะยิ่งเป็นแรงส่งให้ การก้าวขึ้นเป็นผบ.ตร.คนต่อไป ทางยิ่งสะดวก มีเสียงสนับสนุนจากประชาชน

เว้นแต่ หากการเมืองหลังเลือกตั้ง แผงอำนาจเปลี่ยนขั้ว คือฝ่าย เพื่อไทย กลับมาเป็นรัฐบาลในช่วงแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่พอดี แล้ว คนในเพื่อไทย ไม่พอใจการทำคดีนี้ของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็อาจทำให้ สถานการณ์พลิก อาจวืดได้เป็นผบ.ตร.ก็ได้ เพราะก็มีคนจ้องเสียบแทนหลายคน

แต่หาก หลังเลือกตั้ง ฝ่ายพลเอกปรยุทธ์ ยังได้กลับมาเป็นรัฐบาล เชื่อว่า เก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สดใสแน่นอน

ส่วน บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถ้ากล้าลุยกับกลุ่มการเมืองและผู้มีอิทธิพล ที่อยู่เบื้องหลังทุนจีนสีเทา จะเป็นการสร้างเครดิต ทำคะแนนในสายตาประชาชน แต่ด้วยความที่อายุราชการยังยาวไกลไปถึงปี 2574 ทำให้ไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนขั้ว ยังไง ก็ยังมีฉากให้ลุ้นเก้าอี้ผบ.ตร. อีกหลายจังหวะ

อีกทั้ง บิ๊กโจ๊ก กับบุคลิก มือประสานสิบทิศ เป็นคนที่ พลิกแพลง สถานการณ์เก่ง คอนเน็กชั่นแน่นปึ๊กทุกขั้วการเมือง ถึงเวลาหนึ่ง ก็สามารถไปฟื้นสัมพันธ์กับฝ่ายเพื่อไทยได้ ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แต่หากบิ๊กโจ๊ก เล่นบทกั๊กๆ ลุยไม่สุดกับเรื่องทุนจีนสีเทา เพราะเกรงผลทางการเมืองในอนาคต บิ๊กโจ๊ก อาจเสียเครดิตเอาก็ได้  

คดีทุนจีนสีเทา มันคือ การวัดใจ สองบิ๊กตำรวจ ทั้งบิ๊กต่อ และบิ๊กโจ๊ก ที่ถูกมองจะเป็นผบ.ตร.ในอนาคต ว่าจะเอาจริงเรื่องนี้แค่ไหน หลังเล่นใหญ่ จนประชาชนส่งเสียงเชียร์สุดลิ่ม แต่หากสุดท้าย ถ้าสาวไม่ถึงตัวการใหญ่ ทำแบบลูบหน้าปะจมูก อาจพังเอาง่ายๆได้เช่นกัน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของไทยโพสต์ได้ทุกช่องทางที่

Website : https://www.thaipost.net/

Youtube : https://www.youtube.com/c/ThaipostTV

Facebook : https://www.facebook.com/thaipost

Twitter : https://twitter.com/thaipost

Instagram : https://www.instagram.com/thaipost_ig/

Line : https://lin.ee/ukteb32

TikTok : https://www.tiktok.com/@thaiposttk