หลายรส'วันเดย์ทริป'ที่สมุทรปราการ

จังหวัดสมุทรปราการ  เมืองปากน้ำปริมณฑลของกรุงเทพฯ ที่ไม่เพียงแค่การเดินทางสะดวกมีรถสาธารณะเชื่อมต่อหลายสาย เมืองแห่งนี้ยังมีสีสันด้านการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของ นักเดินทางไม่ว่าจะเป็นแนวชอบท่องประวัติศาสตร์ สัมผัสธรรมชาติ เดินตลาดช้อปปิ้งของท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นแหล่งจัดงานเทศกาลในวันสำคัญต่างๆ ที่หมุนเวียนมาสร้างความสนุกปลุกความคึกครื้นในพื้นที่อีกด้วย

จากเมืองกรุงช่วงสายๆ เรา มุ่งหน้าสู่ ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ  ตลาดน้ำของชุมชนและคนในพื้นที่  ที่ขึ้นชื่อเรื่องของกินสารพัดชนิด พอลงรถปุ๊บสายตาก็เริ่มกว้านหาร้านอาหารทันที  กลิ่นหอมๆ ของอาหารหลากหลายเมนูทั้งคาวหวานเรียงราย ตลอดสองข้างทาง  สลับกับสินค้าประเภทเสื้อผ้า กระเป๋า ของเล่นบ้าง ทางยาวๆราว ๆ 2 กิโลเมตร เดินกันให้หนำใจไปเลย   หลังจากอิ่มท้อง ก็เดินชมตามซอกซอยต่างๆ แม้ว่าช่วงนี้ร้านค้าจะน้อยลงไปบ้างเพราะโควิด แต่ตลาดก็ยังคึกคักมีลานดนตรีให้นั่งฟังเพลินๆพร้อมกับทานอาหารไปด้วย ห้องน้ำก็มีรองรับภายในตลาด สะดวกสบาย แถมอิ่มท้อง

ออกจากตลาดบางน้ำผึ้ง ไม่พลาดที่จะไปเยือนแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่เพิ่งเปิดให้ความเข้าชมไปเมื่อไม่นานนี้ ที่หอชมเมืองสมุทรปราการ ตั้งอยู่ที่  อ.บางบ่อ  บนพื้นที่กว่า 13 ไร่ ตัวอาคารสูงถึง 179 เมตร ไฮไลท์อยู่ที่ชั้น 23 ซึ่งเป็นส่วนของห้องกระจกใสทรงกลม สามารถเห็นวิวได้ 360 องศาจนสุดสายตา ตั้งแต่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา อ่าวไทย พระสมุทรเจดีย์ ป้อมผีเสื้อสมุทร พื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้า ป้อมพระจุลจอมเกล้า  พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ  บ้านเรือนอาคารที่ตั้งเรียงรายหนาแน่น ทางรถไฟฟ้า รถราที่แล่นสัญจร ขึ้นไปชั้น 25 เป็นโซนการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองสมุทรปราการ

ไปกันต่อที่วัดบางปิ้ง ต.บางเมือง วัดแห่งนี้มีจุดเด่นที่หลายคนรู้จักดีเลยคือ รูปปั้นประติมากรรมพระพุทธโลกเชฏฐ์ วิเศษกิตติปาล มหาชนบูชิต ปางเปิดโลกสีขาวเด่นตระหง่านด้วยขนาดความสูง 32 เมตร นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่หลายคนไม่ควรพลาดด้วยเหตุใดๆก็ตาม คือ การชมจิตรกรรมในอุโบสถ ซึ่งเดิมแล้วไม่มีจิตรกรรมใดๆ ทางคณะสงฆ์ของวัดก็ได้มีแนวคิดในการสร้างงานศิลปะเพื่อเป็นอนุสรณ์  ซึ่งรังสรรค์โดยพี่จ่อย-ชาตรี แก้วทอง ศิลปินร่วมสมัย ผู้ชำนาญการวาดภาพเหมือนบุคคล ประเพณีวัฒนธรรมไทย เขาได้ใส่จินตนาการผสมผสานคติการวาดภาพจิตรกรรมในอุโบสถแบบดั้งเดิม โดยใช้สีแบล็คไลท์ เพื่อให้ภาพสะท้อนแสงเมื่ออยู่ในความมืด ให้มุมมองที่งดงามยิ่งขึ้น

อย่างฉากหลังพระประธาน หลวงพ่อมงคลสมุทร บนสุดคือ ภาพเทือกเขาหิมาลัยด้านล่างยังคงเล่าเรื่องเกี่ยวพระพุทธเจ้าชนะมาร โดยเนื้อหาจะสะท้อนถึงกิเลสที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและเหตุการณ์ปัจจุบัน อย่าง ฝั่งด้านซัายมือพระประธาน มีภาพโครงกระดูก ที่ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 หรือเชื้อไวรัสโควิด19 พญามารตัวสีเขียว ซึ่งเป็นภาพเหมือนหน้าของศิลปินเอง มีเครื่องประดับคือศีรษะของผู้กระทำผิด ไม่ว่าจะเหตุการณ์กราดยิงปล้นร้านทองที่ลพบุรี ฆาตกรต่อเนื่องหีบเหล็ก เป็นต้น ส่วนทางฝั่งด้านขวา เป็นสถานที่สำคัญของจ. สมุทรปราการ อาทิ พระสมุทรเจดีย์ สะพานภูมิพล บนเพดานอิงหลักไตรภูมิ ผสมผสานกับกาแลกซี ส่วนเบื้องหน้าพระประธาน คือ ภาพในโครงการพระราชดำริของรัชกาลที่ 9  ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวาดยังไม่แล้วเสร็จดี โดยจิตรกรรมลักษณะนี้ก็สามารถพบเห็นความสวยงามได้บริเวณในวัดอีกด้วย

ออกจากวัดบางปิ้ง เราไปแวะที่สถานตากอากาศบางปู ชมฝูงนกนางนวล ที่อพยพหนีหนาวจากไซบีเรียมาในช่วงต้นฤดูหนาวของทุกปี จำนวนหลายพันตัว บนสะพานจึงเต็มไปด้วยฝูงชนที่มาชมนกอย่างคับคั่งเลยทีเดียว  ต่อด้วยการเข้าชมความงดงามของ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ที่สร้างโดยเล็ก วิริยะพันธุ์ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทวิริยะประกันภัย มีจุดเด่น คือ ประติมากรรมรูปช้าง 3 เศียร ที่นอกจากจะขึ้นชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตัวอาคารยังมีเรื่องราวของหลักความเชื่อไตรภูมิ และของสะสม ประติมากรรมที่งดงามมากอีกด้วย โดยแบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นสุรรณภูมิ เป็นส่วนของงการจัดเก็บโบราณวัตถุที่เป็นของสะสมส่วนตัวของคุณเล็ก วิริยะพันธ์ เช่น เครื่องเรือนของชนชั้นสูงในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เครื่องถ้วย เทวรูป ชุดถ้วยชา รูปองค์จำลองมนุษยนาค

ส่วนชั้นโลกมนุษย์ ตระการตาด้วยงานปูนปั้นสดประดับเครื่องถ้วยเบญจรงค์ คำดุลด้วยเสาทำจากเทคดีบุกดุนลาย 4 ต้น ที่สื่อถึง 4 ศาสนา ได้แก่ เสาพุทธเถรวาท เสาพราหมณ์-ฮินดู เสาพุทธมหายาน เสาคริสต์ ซึ่งเสายังทำหน้าที่รับน้ำหนักส่วนขาของช้างเอราวัณอีกด้วย มองขึ้นไปด้านเพดานอาคารส่วนโค้งเป็นกระจกสี Stain Glass เกี่ยวแผนที่โลกและมีจุดศุนย์กลางคือดวงอาทิตย์ และชั้นสวรรค์ โทนสีน้ำเงินคราม ที่มีการจำลองเขาพระสุเมรุ  ด้านหน้าคือองค์พระพุทธรูปปางลีลา หมายถึงการเสด็จมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บนเพดานเป็นประติมากรรมสีฝุ่นเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลแบบตะวันตก  

ปิดท้ายยามค่ำคืน ที่เมืองโบราณ สมุทรปราการ ในเทศกาลโคมไฟนานาชาติ ครั้งที่ 2 (Thailand International Lantern at Muangboran) ครั้งที่ 2 โดยได้ร่วมจัดกับ อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ในธีม คืนลอยข้ามภพ บรรยากาศภายในมีซุ้มประดับตกแต่งด้วยโคมไฟของแต่ละประเทศหลากหลายสีสัน แสงจากโคมไฟทำให้เราได้เห็นโบราณสถานชัดเจนยิ่งขึ้น มีจุดถ่ายรูปมากมายไม่ว่าจะเป็นกระทงยักษ์ สะพานดอกบัว ซุ้มโคมไฟต่างๆ จบด้วยการชมพลุบนท้องฟ้าในคืนของเทศกาลวันลอยกระทง โดยสามารถไปร่วมงานได้ตั้งวันนี้ – 13 พฤศจิกายน 2565 เวลา 17:30 – 21:00 น บัตรราคาเริ่มต้นที่ 250 บาท และเด็กส่วนสูงตํ่ากว่า 90 เซนติเมตร เข้าชมฟรี หรือซื้อออนไลน์ได้ที่ https:// www.icvticket.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน ได้ที่ Line Official Account: @icvticket และติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Facebook Page: Village of Illumination