มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย องค์กรด้านสาธารณกุศลและความยั่งยืน ที่ก่อตั้งโดย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อจัดทำ โครงการจัดการขยะและวัสดุรีไซเคิลบนพื้นที่เกาะอย่างยั่งยืนในระยะที่สอง ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้แผนงาน “เก็บ” ไทยให้สวยงาม (Keep Thailand Beautiful) ของทางมูลนิธิฯ
โดยในระยะที่หนึ่ง ที่เริ่มตั้งแต่สิงหาคม 2564 – กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมานั้น เป็นการดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และครอบคลุมพื้นที่เฉพาะเกาะสีชัง เกาะช้าง และเกาะหมากในภาคตะวันออก ส่วนในระยะที่สอง ตั้งแต่สิงหาคม 2565 – กรกฎาคม 2566 นอกจากจะมีการเพิ่มพื้นที่เกาะล้าน เกาะเสม็ด และเกาะกูด ในภาคตะวันออกแล้ว ยังจะมีการขยายความรวมมือไปยังเกาะลิบง และเกาะหลีเป๊ะ ในภาคใต้ โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ภายใต้ความร่วมมือนี้ มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทยได้สนับสนุนเงินทุนในการศึกษา แนวทางการจัดการขยะบนพื้นที่เกาะ ซึ่งมีความท้าทายจากสภาพภูมิศาสตร์ ทำให้จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการด้านการคัดแยกและขนส่งขยะ ที่แตกต่างจากพื้นที่บนฝั่งทั่วไป โดยเฉพาะมาตรการจูงใจให้เกิดการคัดแยกและนำวัสดุรีไซเคิลกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลบนแผ่นดินใหญ่ หากบริหารจัดการได้ไม่ดีพอ อาจเกิดเหตุปัญหาขยะตกค้างบนเกาะ ซึ่งจะเป็นการสูญเสียทรัพยากร ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ตลอดจนเป็นการทำลายทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิโคคา-โคลาประเทศไทย จึงได้ริเริ่มทำงาน ร่วมกับ ทางศูนย์วิจัยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อประเทศไทยปลอดขยะ (CEWT) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ดำเนินโครงการนำร่องบนเกาะสีชัง เกาะหมาก และ เกาะช้าง ระหว่างเดือนสิงหาคม 2564 ถึง เดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยเน้นการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บ รวบรวมและขนส่งวัสดุ รีไซเคิลบนเกาะดังกล่าว พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน
ในโครงการระยะที่หนึ่ง คณะผู้วิจัยพบว่าค่าใช้จ่ายในการขนส่งวัสดุรีไซเคิลออกจากเกาะ เป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการส่งเสริมการคัดแยกวัสดุรีไซเคิลบนเกาะแห่งนี้ เนื่องจาก หากค่าขนส่งอยู่ในระดับที่สูง จะทำให้ผู้รับซื้อมีต้นทุนสูงไม่คุ้มค่าขนส่ง และถ้ารับซื้อในราคาที่ต่ำจนเกินไป ก็จะทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจในการจัดเก็บและคัดแยกมากพอ โดยเฉพาะวัสดุที่มีราคาต่ำแต่มีน้ำหนักมาก เช่น เศษแก้ว อาจกลายเป็นขยะตกค้างอยู่บนเกาะ แทนที่จะถูกนำกลับเข้ามารีไซเคิลบนฝั่ง
โดยทางโครงการจึงศึกษาและทดลองให้เงินสนับสนุนค่าเรือขนส่ง ให้กับร้านรับซื้อของเก่าบนเกาะ เพื่อจูงใจให้มีการเก็บรวบรวมและขนส่งวัสดุรีไซเคิลออกจากเกาะ เพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้จัดฝึกอบรมการแยกขยะ ให้กับผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวบนเกาะ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และรถรับจ้าง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและสื่อสารให้นักท่องเที่ยวช่วยกันรักษาความสะอาด ลดและคัดแยกขยะ
ผลการศึกษาและทดลองที่นำมาใช้จริง ทำให้การดำเนินโครงการในระยะที่หนึ่งประสบผลสำเร็จ จึงเกิดการต่อยอดไปยังพื้นที่เกาะท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภาคตะวันออกและภาคใต้ โดยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาไปสู่โมเดลการแก้ปัญหาขยะติดเกาะอย่างยั่งยืนต่อไป
นายนันทิวัต ธรรมหทัย กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิ โคคา-โคลา ประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เกาะต่าง ๆ อันเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และแหล่งรายได้ที่สำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ความสวยงามเหล่านี้ไว้ ผ่านการดำเนินการตามแผนงาน “เก็บ” ไทยให้สวยงาม (Keep Thailand Beautiful) ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 จากการได้เข้ามาดำเนินการอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการกับปัญหาขยะติดเกาะ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความกรุณาและความร่วมมือจาก มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการดำเนินการโครงการฯนี้ ในระยะที่สองร่วมกัน และหวังว่า โครงการฯ จะจุดประกายให้มีการศึกษา พัฒนา และความร่วมมือในด้านนี้ต่อไปในวงกว้าง เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกัน เก็บความสวยงามของประเทศไทย ให้เป็นความภูมิใจและมรดกทางธรรมชาติที่ประเมินค่ามิได้ให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต
ผศ.ดร.ปเนต มโนมัยวิบูลย์ หัวหน้าศูนย์วิจัย CEWT และหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบปัญหาของระบบการรีไซเคิลในพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะต่าง ๆ ว่าการจะนำวัสดุรีไซเคิลเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลทำได้ยากมาก เนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องค่าขนส่งที่ไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่จำหน่ายได้ แต่ด้วยความร่วมมือจากมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย รวมทั้งความร่วมมือจากชุมชน หน่วยงาน และผู้ประกอบการในพื้นที่ ทำให้โครงการการจัดการขยะและวัสดุรีไซเคิลบนพื้นที่เกาะ ในระยะที่หนึ่งนำร่องทั้ง 3 แห่ง ประสบความสำเร็จ โดยมีร้านรับซื้อวัสดุรีไซเคิลเข้าร่วมทั้งหมด 13 ราย สามารถขนส่งวัสดุรีไซเคิลในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 ออกจากเกาะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นเศษแก้ว ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาในการจัดการบนเกาะ และเมื่อระบบการรีไซเคิลมีความสมบูรณ์ขึ้นแล้ว ในระยะที่สอง เราจะเน้นการทำงานร่วมกับชุมชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่น ที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นเตือนให้นักท่องเที่ยว มีส่วนร่วมในการแยกขยะอย่างถูกต้องเหมาะสมระหว่างที่ใช้เวลาท่องเที่ยวอยู่บนเกาะ พร้อมกับต่อยอดและขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่เกาะมากขึ้น เราเชื่อมั่นว่าโมเดลจัดการขยะบนเกาะของทางโครงการจะสามารถ นำไปประยุกต์กับพื้นที่เกาะอื่น ๆ ได้เพื่อให้เกิดรูปแบบการจัดการขยะติดเกาะที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
ผศ.ดร.ชนิษฎา ชูสุข อาจารย์ประจำคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม ม.สงขลานครินทร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยเองก็ดำเนินโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการแก้ปัญหาขยะบนเกาะท่องเที่ยวในภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะหลีเป๊ะ ที่เป็นเกาะท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ซึ่งประสบปัญหาขยะล้นเกาะรุนแรง เพราะมีอุปสรรคในการนำขยะออกจากเกาะ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีมาก และนอกจากเกาะหลีเป๊ะ เกาะลิบงก็มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นเกาะที่พยูน สัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธ์อาศัยอยู่มากที่สุด มีทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะและใต้ท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง และด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งสองเกาะในการจัดการขยะและวัสดุรีไซเคิลให้ถูกต้อง เพื่ออนุรักษ์เกาะท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ต่อไป
ภายใต้โครงการ “เก็บ” ไทยให้สวยงาม (Keep Thailand Beautiful) ผสานร่วมมือในการทำงานกับร่วมกับชุมชน พร้อมเสริมสร้างความตระหนักรู้ให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการจัดการขยะเชิงบูรณาการ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมที่จะช่วยลดปัญหาขยะติดเกาะได้อย่างยั่งยืน ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมของโครงการ ได้ที่ https://www.facebook.com/TidyHandsSaveIslands
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'TNDR' 7 มหาวิทยาลัยภาคใต้ ระดมสมองวางแผนรับมือภัยพิบัติ หวั่นกระทบภาคท่องเที่ยว
'TNDR' จาก 7 มหาวิทยาลัยภาคใต้ จับมือ ปภ.ศูนย์ฯ 12 สงขลา ศูนย์ฯ 18 ภูเก็ต นายกเทศมนตรี อุตุนิยมวิทยาฯ และเอกชนยักษ์ใหญ่ ระดมสมองวิเคราะห์ความเสี่ยงพร้อมวางแผนรับมือภัยพิบัติภาคใต้ร่วมกัน หวั่นกระทบภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้
เปิดยิ่งใหญ่! ม.อ. เจ้าภาพจัดประกวดออกแบบนวัตกรรม แก้ปัญหาพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง YICMG 2024
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นเจ้าภาพจัดโครงการประกวดออกแบบนวัตกรรม แก้ปัญหาพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง The 8th Youth Innovation Competition on Lancang-Mekong Region’s Governance and Development (YICMG 2024)
ค้าชายแดน/ข้ามพรมแดนภาคเหนือของไทย : ความท้าทายและการปรับตัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ปลายเดือนที่ผ่านมาได้ไปร่วมงานเสวนาจัดโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่จังหวัดเชียงราย หัวข้อ “10 ปี การค้าชายแดนกับความสำคัญต่อพัฒนาการเศรษฐกิจภูมิภาค : อดีตที่ผ่านไปกับความท้าทายใหม่ที่กำลังจะมา” จึงขอนำความเห็นที่ได้นำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ปลัดแรงงาน“ไพโรจน์”เข้ารับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นด้านความสำเร็จในอาชีพ หน้าที่การงาน ปี 2566 จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วันที่ 13 มีนาคม 2567 เวลา 13.30 น. นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เข้ารับโล่เกียรติยศ ในโอกาสที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่นด้านความสำเร็จในอาชีพ หน้าที่การงาน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปีพุทธศักราช 2566 ในงาน
เหิม! 'แกนนำสามนิ้ว' โผล่งานพระราชทานปริญญาที่แม่ฟ้าหลวง เจอตร.ตามประกบสกัดป่วนพิธี
นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มราษฎรเชียงราย หนึ่งในแกนนำม็อบสามนิ้ว ได้เดินทางไปที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งในวันดังกล่าว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
'บิ๊กตู่' เช็กดวง หยิบไพ่ ออราเคิล เผยทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
‘บิ๊กตู่’ เช็คดวง หยิบไพ่ ออราเคิล ระบุทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น