ย่านพาหุรัดและคลองโอ่งอ่างเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ชาวอินเดียในประเทศไทย เพราะแสดงถึงความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างชาวไทยกับชาวอินเดีย ที่สำคัญมีวิถีชุมชนชาวอินเดียที่มีชีวิตชีวาและเป็นที่คุ้นเคยมาตราบจนปัจจุบัน
พาหุรัดตอนนี้พื้นที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟในเทศกาลดิวาลี ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการส่งเสริมให้ย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในฐานะ “ลิตเติ้ลอินเดีย” (The Little India) ผ่านการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลี/ดีปาวลี (Diwali/Deepavali) หรือที่ใช้ชื่อ “เทศกาลแห่งแสงสว่าง” ให้แก่คนเชื้อสายอินเดีย ซึ่งมีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ศาสนา อาหารการกิน เป็นตัวเล่าเรื่องและดึงดูดให้ผู้มาเยือนทำความรู้จักเรื่องราวของอินเดียน้อยในไทย
บรรยากาศย่านเก่าที่มีงานดิวาลีคึกคักเช้าจรดค่ำ ชาวอินเดียมาสักการะบูชาพระพิฆเนศและพระแม่ลักษมีเพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ ตลาดผ้าเลื่องชื่อผู้คนมาเลือกซื้อเสื้อผ้า ชุดส่าหรี เป็นของขวัญและของฝากให้กับคนที่รักเนื่องในเทศกาลสำคัญ ร้านอาหารอินเดียลูกค้าไม่ขาดสาย ไม่รวมร้านขายเครื่องหอม ทั้งกำยาน น้ำมันหอม ธูปเทียนหอม ตะเกียงดินเผา ใกล้กันมีร้านขายเครื่องบูชาและเทวรูป มีชาวฮินดูกำลังจับจ่ายซื้อของในเทศกาลอันเป็นอัตลักษณ์
นอกจากงานฉลองดิวาลีระหว่างวันที่ 21-23 ต.ค.2565 แล้ว สมาคมอินเดียประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่าย ยงมีกิจกรรมเดินทอดน่องพาเที่ยวลิตเติ้ลอินเดีย ไปชมวิถีแห่งซิกข์ที่คุรุดาวา แวะร้านอาหารอินเดียระดับตำนาน พาไปเลือกซื้อเครื่องบูชาและเทวรูปรับเทศกาลดิวาลี ชวนเดินลัดเลาะไปลิ้มลองซาโมซ่าเจ้าแรกในประเทศไทย เป็นแป้งรูปสามเหลี่ยม ไส้แน่นๆ ทอดในกะทะ รสชาติถึงเครื่อง
จากนั้นเดินข้ามถนนไปออกถนนคนเดินเลียบคลอง สู่พื้นที่คลองโอ่งอ่าง ที่มีร้านอาหารอินเดียดังๆ เปิดขายริมคลอง ตื่นตาตื่นใจกับเทศกาลดิวาลีริมคลองโอ่งอ่าง รวมถึงการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองของคนอินเดียมากมาย ล้วนเป็นกิจกรรมที่สานต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานของชุมชนอินเดียและวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย แต่ละเรื่องราวตื่นเต้นและน่าสนใจครบรส
นายชวน ธากูร์ นายกสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย เล่าความเป็นมาของชุมชนอินเดียที่นี่ว่า ชาวอินเดียได้เดินทางมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยยาวนานกว่า 200 ปีแล้ว จากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันเป็นคนเชื้อสายอินเดียรุ่นที่ 6 ชาวอินเดียส่วนหนึ่งนับถือศาสนาซิกข์ มีวิถีที่ผูกพันกับศาสนา ในชุมชนมี”คุรุดวาราศรีคุรุสิงห์สภา” หรือที่เรียกกันว่า “วัดซิกข์”วัดแห่งนี้มีประวัติยาวนาน สมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 ระเบิดลงกลางศาสนสถานแห่งนี้แม้สร้างความเสียหายให้อาคาร แต่ไร้คนเจ็บและตาย แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของที่แห่งนี้ ปัจจุบันเป็นศูนย์รวมใจชาวซิกข์ ส่วนชาวอินเดียที่นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีวัดวิษณุ ตั้งอยู่ในเขตสาทร เป็นวัดสำคัญ
“ ดิวาลีเป็นเทศกาลที่มีความหมายสากล เป็นการฉลองชัยชนะธรรมะเหนืออธรรม เป็นสัญลักษณ์พระรามกลับเมืองพร้อมนางสีดา หลังปราบทศกัณฐ์ พสกนิกรจุดไฟให้แสงสว่างต้อนรับ สำหรับพระแม่สีดาเป็นอวตารหนึ่งของพระลักษมี เทพเจ้าแห่งการเงินนำความรุ่งโรจน์มาให้ ชาวอินเดียแต่ละภาคมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่เมื่อถึงงานดิวาลีจะมารวมกันฉลองงานปีใหม่อินเดียคล้ายเทศกาลตรุษจีน เช้าไปวัดแล้วพบปะเยี่ยมเยือนพี่น้องตามบ้าน มีขนมให้กัน รวมถึงจะซื้อทอง ซื้อเสื้อผ้า และเครื่องประดับใหม่ๆ เป็นของขวัญ แม้มาจากต่างพื้นที่กัน แต่ชาวอินเดียที่อยู่ในไทยจะรวมเป็นหนึ่งเดียว โดยมีพาหุรัดเป็นไอคอนิกมาตลอด” นายชวน บอก
มาเที่ยวงานดิวาลี เขาบอกจะได้สัมผัสพิธีทางศาสนา มีการสวดขอพรพระคเณศและพระลักษมีสำหรับงานดิวาลีโดยเฉพาะ ขนมหวาน โดยเฉพาะขนมลาดู ขนมโมทกะ ที่ชาวไทยเชื้อสายอินเดียนำไปถวายพระพิฆเนศและพระแม่ลักษมีจะนำมาให้แบ่งปันคนเชื้อสายอินเดียและนักท่องเที่ยวได้รับประทาน เพื่อเป็นมงคลชีวิตอีกด้วย
สำหรับกรุงเทพมหานครที่ร่วมจัดงานดิวาลีครั้งแรก มีเป้าหมายให้ พาหุรัด คลองโอ่งอ่าง และสะพานเหล็ก เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ อยู่ในโรดแมปของนักท่องเที่ยว เหมือนที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดการเดินทางไปเยือนไชน่าทาวน์ที่ถนนสายมังกรเยาวราช
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพฯ มีความแตกต่าง หลากหลาย มีความผสมผสานทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมมาแต่อดีต อย่างคลองโอ่งอ่าง มีความสำคัญคือเป็นจุดบรรจบของเขตพระนครและเขตสัมพันธวงศ์ ซึ่งมีทั้งชุมชนชาวจีนและชุมชนชาวอินเดียในพื้นที่ เป็นพื้นที่ที่มีวิถีชีวิตหลากหลายมาอย่างยาวนาน ส่วนพาหุรัดมีความร่ำรวยของวัฒนธรรม กลางพาหุรัดยังมีศาลเจ้าของคนไทยเชื้อสายจีนตั้งอยู่อีกด้วย
“ หัวใจของเมือง คือ การรวมตัวของพหุวัฒนธรรม ดินแดนที่มีความหลากหลาย โดยกรุงเทพฯ ถือเป็นชุมชนประวัติศาสตร์ เป็นพื้นที่รวมตัวของชาติพันธุ์มากมาย การร่วมจัดเทศกาลดิวาลีจะเป็นการปักธงสำคัญ หวังจะเป็นการปักธงงานแรกที่สำคัญ ทำให้ย่านลิตเติ้ลอินเดีย พาหุรัด คลองโอ่งอ่าง และบริเวณใกล้เคียงกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก” นายศานนท์ ย้ำ
รองผู้ว่าฯ กล่าวว่า พื้นที่แห่งนี้จะโอบล้อมไปด้วยแสงไฟและแสงเทียน ทำให้ทุกคนได้เข้าถึงวัฒนธรรมที่เป็นประวัติศาสตร์ของชาวอินเดีย เชื่อว่าในอนาคตจะเกิดงานหรือกิจกรรมในย่านลิตเติ้ลอินเดียแห่งนี้ขึ้นอีก โดยไม่ต้องไปจัดในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าแล้วต้องรื้อทิ้งเมื่อจบงานเหมือนที่ผ่านมา แต่เราจะทิ้งร่องรอยประวัติศาสตร์ ทิ้งความหวัง ทิ้งความทรงจำเกี่ยวกับอินเดียไว้ที่นี่ ขอชวนชาวกรุงเทพฯ และคนในย่านร่วมกันส่งต่อความหวังนี้ เพื่อให้ย่านลิตเติ้ลอินเดียกลายเป็นย่านที่สำคัญของกรุงเทพฯ ต่อไป
ดิวาลีจะกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย เป็นอีกทัศนะจาก ปรีชา จำปี หรือ “วิคกี้” กรรมการผู้จัดการ เดสติเนชั่น สยาม กล่าวว่า ปัจจบันนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยเป็นอันดับหนึ่ง เพราะนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมา ถือเป็นตลาดอนาคต ในฐานะที่เป็นคนเชื้อสายอินเดีย และเติบโตในธุรกิจท่องเที่ยว งานดิวาลีครั้งนี้จัดยิ่งใหญ่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตาคนอินเดียทั่วโลก จากดิวาลี จะจัดงานอื่นๆ ต่อไป เดือนมีนาคม ปีหน้าจัดเทศกาลสาดสีโฮลี เป็นโอกาสนำเข้านักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ
ชวนเที่ยวดิวาลี พื้นที่จัดงาน แบ่งเป็นคลองโอ่งอ่าง จัดกิจกรรมบันเทิงและการแสดง มีดีเจเปิดเพลงอินเดีย, มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองของอินเดีย, โชว์แสงสีเสียงสไตล์บอลลีวูด และจำหน่ายอาหารอินเดียทุกภาค ส่วนห้างอินเดีย เอ็มโพเรียม เป็นพื้นที่จัดแสดงด้านการท่องเที่ยว และโชว์เคสให้คนไทยไปท่องเที่ยวอินเดีย ,ห้างไชน่าเวิลด์ เป็นพื้นที่ทางศาสนาและวัฒนธรรม เปิดให้สักกาะบูชาพระพิฆเนศ และพระแม่ลักษมี เพื่อเสริมดวงชะตา โชคลาภ เพิ่มความสำเร็จให้ชีวิต ส่วนวัดซิกข์ พื้นที่ทางศาสนาและวัฒนธรรม และยกครัวทานมาแจกจ่ายอาหารให้ประชาชน โดยไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนาตามหลักคำสอนของศาสนาซิกข์
หากการผลักดันพาหุรัดเป็น”ลิตเติ้ลอินเดีย” สำเร็จจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่และสร้างความเข้าใจพหุวัฒนธรรมมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รทสช.ปลื้มรัฐบาลปลุกผีคลองโอ่งอ่างอีกรอบ!
'เกรียงยศ สุดลาภา' ขอบคุณนายกฯ ปลุกย่านคลองโอ่งอ่างดึงเสน่ห์ "ลิตเติ้ลอินเดีย" ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน แนะต้องนำสินค้าในชุมชนที่แท้จริงมาเป็นจุดขาย
นายกฯอิ๊งค์ ควง 'เศรษฐา' สวมชุดอินเดีย เปิดงานดิวาลี 2024 ชูเป็นซอฟต์พาวเวอร์
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สวมชุดสไตล์อินเดีย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Amazing Thailand Diwali Festival Bangkok 2024
'สกลธี' เสียดายหลายโครงการดีๆที่เคยทำ ถูกปล่อยทิ้ง ชี้ต่อยอดงานคนอื่นไม่เสียหน้าหรอก
นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การไม่ใช้ App เป๋าตังก็เหมือนการปล่อยทิ้งร้างคลองโอ่งอ่าง คลองช่องนนทรี
นายกฯ ควงผู้ว่าฯกทม. ตรวจคลองโอ่งอ่าง ชุมชนวอนช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวให้คึกคักอีกครั้ง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ อาทิ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางวันทนีย์ วัฒนะ