‘ชมนาด’รางวัลสตรีที่รักงานประพันธ์

รางวัลชมนาดถือเป็นเวทียกระดับนักเขียนสตรีไทยเข้าสู่ระดับสากล  สะท้อนความสำเร็จผ่านผลงานวรรณกรรมคุณภาพจากนักเขียนหญิงที่มีใจรักในงานประพันธ์ ทั้งนักเขียนมืออาชีพและนักเขียนคลื่นลูกใหม่  

 ปีนี้สำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์ ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  จัดงานประกาศผลตัดสินรางวัลชมนาด ครั้งที่ 11– ประเภทนวนิยาย (FICTION-NOVEL) ซึ่งถือเป็นวรรณกรรมประเภทที่นิยมมากในกลุ่มนักอ่านทุกยุคสมัย เวทีครั้งนี้เปิดพื้นที่ให้นักเขียนสตรีได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่  โดยชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เป็นประธานมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะ ณ ห้องประชุม ชั้น 29 ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม เมื่อวานนี้

สำหรับนวนิยายที่ส่งเข้ามาปีนี้มี 30 ผลงาน แต่ละเรื่องมีเสน่ห์เฉพาะตัวและชั้นเชิงทางวรรณศิลป์แตกต่างกัน   คณะกรรมการรอบคัดเลือกพิจารณาให้นวนิยาย 9 เรื่องผ่านเข้ารอบตัดสิน  ได้แก่ 1.วิหารความจริงวิปลาส โดยศศิวิมล นทธี สุระเดชชะมงคล 2.ไกรสร โดยดวงตา ศรีวุฒิวงศ์  3.ผู้พิทักษ์ตนสุดท้าย  โดยสมาพร แซ่จิว  4.กุสุมาอีกครั้ง โดยกมลวรรณ ชมชอบบุญ  5. 5,929 ไมล์ …ระยะฝัน โดยจีรภา บุณยะทัศน์  6.The present ของขวัญ โดยชัญญา ศรีธัญรัตน์  7.เมื่อแม่ฉันเป็นยักษ์  โดย กชกร ชิณะวงศ์ 8.ดอกไม้ในแจกันเหล็ก  โดยอภิญญา เคนนาสิงห์ และ 9.คมบุหลัน โดยณัฎฐ์ธีรตา  วิทิตวิญญูชน

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ กล่าวว่า รางวัลชมนาดดำเนินการมาปีที่ 11 เป็นเส้นทางที่ยาวนาน สร้างนักเขียนสตรีมากมาย และเป็นเวทีที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น รางวัลมีส่วนสร้างนักเขียนรุ่นใหม่ ในยุคความเท่าเทียมและยั่งยืน สตรีก็ยังมีภาระมากมาย การที่สตรีได้ทำงานเขียน เราได้เห็นมุมมองวิธีคิดผ่านผลงานวรรณกรรม สะท้อนสิ่งที่พบเห็นและให้แง่คิดต่างๆ กับสังคม เราภูมิใจได้ร่วมจัดประกวดรางวัลชมนาด และสรรสร้างบทบาทสตรีในแวดวงวรรณกรรมต่อไป ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลปีนี้ และให้กำลังกับนักเขียนสตรีทุกคน

นรีภพ จิระโพธิรัตน์ ประธานกรรมการรอบคัดเลือก กล่าวภาพรวมผลงานปีนี้ว่า ปีนี้มีนักเขียนทั้งมีชื่อเสียง เคยรับรางวัล รวมถึงนักเขียนหน้าใหม่ที่เขียนมีชั้นเชิง ส่วนนวนิยายมี 3 ลักษณะ คือ นิยายกระแสหรือนิยายครอบครัว มีความขัดแย้ง แต่ที่แตกต่าง ผู้เขียนเฆี่ยนตี ขยี้ตัวละครให้เจ็บปวด ซับซ้อนมากขึ้น จบแบบสมหวังและสิ้นหวัง อีกแบบเน้นศิลปะในการนำเสนอรูปแบบใหม่ๆ มากกว่าเนื้อหา ส่วนใหญ่เป็นแนวไซไฟ ถัดมาเน้นศิลปะและเนื้อหาไปพร้อมกัน นักเขียนใช้จิตนาการและทฤษฎีทางวรรณกรรมเสนอในนิยายอย่างมีชั้นเชิง

“ ปีนี้ศิลปะการประพันธ์โดดเด่น ตัวละครหนักแน่นมากขึ้น น่าภูมิใจผู้เขียนสตรีสร้างความเข้มแข็งให้ตัวละครผู้หญิงอย่างเรื่อง”คมบุหลัน” ผู้หญิงเป็นผู้นำทางการเมืองที่อยากรวมความสงบสุข  รางวัลชมนาดพัฒนารูปแบบนวนิยายให้ก้าวไปข้างหน้า “ นรีภพ กล่าว

สำหรับนวนิยายที่คว้ารางวัลชนะเลิศได้รับเงิน 100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ และค่าลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์เป็นเล่มทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ได้แก่ วิหารความจริงวิปลาส โดย ศศิวิมล นทธี สุระเดชชะมงคล ซึ่งโดดเด่นและมีคุณค่าทั้งด้านวรรณศิลป์และสังคม

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  ได้เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่ ได้แก่ 5,929 ไมล์ …ระยะฝัน โดยจีรภา บุณยะทัศน์ และ  ดอกไม้ในแจกันเหล็ก  โดยอภิญญา เคนนาสิงห์ ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2   ได้เงินรางวัล 30,000 บาท   พร้อมโล่ ได้แก่ ไกรสร โดยดวงตา ศรีวุฒิวงศ์   ผลงานทั้ง 3 เรื่องจัดพิมพ์เป็นเล่ม

ผศ.สกุล บุณยทัต นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “วิหารความจริงวิปลาส” ของ นทธี ศศิวิมลเป็นนวนิยายประเภทจิตวิทยาระทึกขวัญ นำเสนอเรื่องราวของตัวละครหลายตัวที่เดินทางมาพบกันที่โบสถ์แห่งหนึ่งเพื่อร่วมงานศพในขณะที่พายุฝนฟ้าคะนอง การเล่นเกมเล่าเรื่องเพื่อให้ทายว่าเป็นเรื่องจริงหรือลวง เผยให้เห็นสภาวะผิดปกติทางจิตของตัวละครในลักษณะต่างๆ กัน สร้างความแปลกใหม่ด้วยการผสานเรื่องเล่าสยองขวัญกับปมปัญหาทางจิตเวชอันหลากหลายได้อย่างกลมกลืน

​ผศ.สกุล กล่าวว่า เรื่องนี้โดดเด่นชั้นเชิงรรณศิลป์ ใช้ภาษาเรียบง่าย เล่าเรื่องกระชับฉับไว ชวนติดตาม สร้างโครงเรื่องที่ซับซ้อนผูกปมปัญหาให้ชวนฉงน แต่คลี่คลายปมได้อย่างลงตัวและสะเทือนอารมณ์ นำเสนอตัวละครที่ซับซ้อนด้วยปมปัญหาในอดีตฝังใจ การสร้างฉากและบรรยากาศของเรื่องให้ลึกลับ ผู้อ่านติดตามได้อย่างต่อเนื่อง  แนวคิดสำคัญเรื่องให้คุณค่ากับความรักความผูกพันและความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่หล่อหลอมบุคลิกภาพของบุคคล นำจิตวิทยาเข้ามาอธิบายเสริมให้เข้าใจความผิดปกติของตัวละคร ช่วยให้สังคมเข้าใจผู้ที่มีปัญหาทางจิตเวชหลากหลายลักษณะมากขึ้น

ศศิวิมล นทธี สุระเดชชะมงคล นักเขียนรางวัลชนะเลิศ กล่าวว่า รางวัลชมนาดเป็นเวทีเฉพาะสำหรับผู้หญิงเวทีเดียวในไทย มอบโอกาสให้ผู้หญิงถ่ายทอดความคิดที่มีต่อชีวิตและสังคมสู่โลกภายนอก เพราะสังคมปัจจุบันมีความเหลื่อมล้ำทางเพศผู้หญิงยังไม่ได้แสดงความรู้สึกนึกคิดเท่าไหร่ พื้นที่นี้ทำให้สตรีได้แสดงออกเต็มที่ และผลงานเผยแพร่วงกว้าง สำหรับนวนิยายเรื่องนี้ใช้เวลา 8 วัน  เสนอความสัมพันธ์ในครอบครัวแคทอลิค และปัญหาจิตวิทยา พฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่คนกลุ่มนี้ถูกกันวงนอกกลายเป็นคนชายขอบ หลายคนถูกตีตราด้วยคำพูดต่างๆ เช่น สำออย แกล้งทำ เรียกร้องความสนใจ  ทำให้ผู้ป่วยเข้าไม่ถึงการรักษา จนเกิดปัญหาต่อตัวเองและสังคม ในเล่มยังพูดถึงการนับถือทางศาสนา ไทยประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่หลายคนนับถือเทพเจ้าหลายองค์ไปพร้อมกับการทำบุญเข้าวัด หรือพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นความหลากหลายจนกลายเป็นเอกลักษณ์คนไทย

“ อยากให้เรื่องอาการจิตวิทยาหรือบุคลิกภาพที่ต่างจากคนทั่วไป ไม่ใช่เรื่องแปลก อยากให้คนมองแตกต่างหลากหลายเป็นความงดงามแทนที่จะกีดกันซึ่งกันและกัน ส่วนผลงานถัดไปตั้งใจทำวรรณกรรมเยาวชน เพราะวรรณกรรมเยาวชนในไทยไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร อาจจะขาดความหลากหลาย อยากทำเล่มที่เด็กอ่านสนุก ผู้ใหญ่ก็อ่านสนุก ทุกคนมีความสุขร่วมกันได้ และมีคุณภาพระดับสากล ตั้งใจเขียนเกี่ยวข้องกับความตายเพื่อให้เด็กเรียนรู้ธรรมชาติและเตรียมตัว “ ศศิวิมล สตรีนักเขียนกล่าวอย่างมุ่งมั่น