'ขี่สกู๊ตเตอร์' เที่ยววัดจังหวัดนนทบุรี

นนทบุรี ถือเป็นอีกเมืองเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานี โดยในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ได้มีการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา เรียกคลองลัดเตร็ด หรือลัดเกร็ดก็ได้ เพื่อให้การคมนาคมมีความสะดวก ปัจจุบันก็คือบริเวณเกาะเกร็ด ทำให้มีแม่น้ำคูคลองน้อยใหญ่มากมาย จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนหนาแน่น หลากหลายเชื้อชาติ ทั้งมอญ มุสลิม จีน และคริสต์ อีกทั้งยังเป็นทำเลค้าขาย นับว่ามีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก

แม้ว่าในปัจจุบันในพื้นที่จะมีการพัฒนาสิ่งปลูกสร้างทั้งศูนย์ราชการ เส้นทางคมนาคม บ้านเรือนในอดีตเปลี่ยนเป็นตึกอาคารทันสมัย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ที่ยังหลงเหลือกลิ่นอายจางๆ ให้ได้สัมผัสกัน ผ่านการเที่ยวชมวัด จัดเป็นไฮไลท์ของนนทบุรีเลย

การเที่ยวนนทบุรีแบบวันเดย์ทริป ถือว่ามีความสะดวกในการเดินทาง  เพราะมีทั้งทางเรือ รถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้า หรือรถไฟ  แต่ครั้งนี้เราจะเที่ยวเมืองนนท์ด้วยการขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าลัดเลาะเส้นทางประวัติศาสตร์ สัมผัสวิถีชุมชนแบบใกล้ชิด  ทริปนี้รวมระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร อยู่ภายใต้การดูแลของทีม Scoot de Urban ซึ่งคณะเรากำหนดขี่ที่ความเร็ว 20-25 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามที่กฎหมายกำหนดปลอดภัย และสนุกแน่นอน

จุดสตาร์ทเริ่มที่วัดตำหนักใต้ ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี หรือย่านสนามบินน้ำ  ก่อนที่จะมีการสร้างวัดความสำคัญของพื้นที่นี้ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน มีคลองชื่อว่า คลองบางธรณี ปัจจุบันคือบริเวณวัดและกระทรวงพาณิชย์ พระองค์ได้ใช้เป็นจุดสร้างพลับพลาที่ประทับชั่วคราว เพื่อรอรับพระแก้วมรกตที่ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ก่อนนำไปยังพระนครประดิษฐานที่วัดอรุณราขวรารามวรมหาวิหาร

วิหารเก่าของวัดแห่งนี้เข้ามาแล้วแอบประหลาดใจ เพราะพระประธานทั้งองค์ถูกครอบด้วยกรงเหล็กแน่นหนา เพื่อป้องกันโจร เนื่องจากเป็นพระปางเลไลย์ ที่พบเห็นได้ยากในวัดทั่วไป ส่วนตัววิหารได้รับการบูรณะในช่วงรัชกาลที่ 3 หลักฐานที่บ่งบอกคือ จิตรกรรมผนังภายในที่มีการแบ่งภาพด้วยวิถีธรรมชาติ โดยใช้แม่น้ำ คันหิน ต้นไม้ วิธีการวาดยังใช้เปลือกกิ่งกระดั่งงาทำเป็นแฉกๆ เพื่อนำมาเขียนสี บอกเล่าวิถีชีวิตคนในบริเวณย่านบางธรณี และเรื่องราวของเหล่าทวยเทพ  ไปกราบพระศิลปะสุโขทัยพิมพ์นิยมที่โบสถ์ใหม่ของวัด อีกจุดสำคัญที่ห้ามพลาดอยู่ทางฝั่งริมน้ำของวัด เป็นที่ประดิษฐานพระบางธรณี ที่ย้ายมาจากวัดบางธรณีเดิมที่ได้ถูกทิ้งร้าง

สวมหมวกเปิดสวิตซ์ จับแฮนด์ให้มั่นแล้วกดปุ่มเร่งเครื่องสกู๊เตอร์ ขี่ผ่านชุมชนบ้านเรือนที่ตั้งรายเรียงริมถนนไปที่ วัดชมภูเวก วัดมอญที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของวัดมอญ คือพระธาตุมุเตาสีขาว ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่ด้านหน้าอุโบสถหลังเก่าของวัด ที่ชาวมอญให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมีพระธาตุมีรูปทรงฐานกว้าง ประดับด้วยลายบัวคว่ำบัวหงาย ยอดพระธาตุประดับด้วยฉัตร ซึ่งเอกลักษณ์พระธ่ตุแบบมอญเป็นการถ่ายทอดมาจากศิลปะพุกาม เชื่อว่าด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

ส่วนอุโบสถเป็นทรงวิลันดา หน้าจัวเป็นปูนปั้นเกี่ยวกับวิถีชาวนา ความน่าสนใจอยู่บนผนังอุโบสถจิตรกรรมของช่างฝีมือสกุลนนทบุรี เรื่องราวเกี่ยวพระพุทธเจ้า และการเขียนจิตรกรรมภาพพระแม่ธรณี ที่งดงามที่สุด ในจิตรกรรมเกี่ยวพุทธเจ้าตอนมารผจญ ที่มีจริตการกรีดนิ้วบีบมวยผมที่อ่อนช้อย ลวดลายผ้านุ่งปราณีต ภาพพื้นหลังสีแดงยังขับสีผิวที่ขาวผ่องสะดุดตา  นอกจากนี้ยังมีจิตรกรรมแนวภาพกาก หรือ ภาพแนวทะลึ่งขบขัน อย่างปู่เมง-ย่าเมง ที่ฝ่ายชายทำท่ากระซิบข้างหูฝ่ายหญิง ส่วนมือก็แตะไว้บนหน้าอกของเธอ อีกมุมหนึ่งเราได้เห็นถึงการแต่งกายของหญิงชายขาวมอญ ส่วมใส่ผ้าลายตาราง ยังมีภาพวิถีชีวิตอื่นๆ ซุกซ้อนอยู่ภายในจิตรกรรมที่ดูแล้วก็อดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้   ด้านหลังอุโบสถ คือ วิหารเก่าที่มีจิตรกรรมเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ที่ภาพเลือนหายไปค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

ขี่สกู๊ตเตอร์ลัดตามตรอกชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 1 กิโมเมตร ไปยังจุดหมายที่พุทธสถานเชิงท่า-หน้าโบสถ์ ตั้งอยู่บริเวณปากคลองบางตลาด อยู่ในพื้นที่ของกรมชลประทาน เดิมเป็นที่ตั้งของวัดเชิงท่า และวัดหน้าโบสถ์ มีพระจำพรรษาอยู่เพียง 1 รูป คือ หลวงพ่อเสือ ต่อมาราวๆปี พ.ศ.2480-2490 ได้มีการเวนคืนพื้นที่ จึงมีการผาติกรรมวัดทั้งสองไปสร้างใหม่ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง จากนั้นกรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะ อนุรักษ์ตัวอุโบสถของวัดหน้าโบสถ์  และซากของเจดีย์ประธานวัดเชิงท่า ให้เป็นสถานที่เรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ในพื้นที่

จากอำเมืองนนทบุรีมุ่งหน้าสู่อ.ปากเกร็ด ไปยังศาลเจ้าเง็กกวงตั๋ว ตามความเชื่อศาสนาเต๋า ศาลเจ้าของชาวไทยจีนในย่านนี้ เดิมเป็นโรงทรง และมีการรักษาชาวบ้านตามแพทย์แผนจีน มีเทพในศาลเจ้าทำจากไม้ 5 องค์ดั้งมีอายุกว่าร้อยปี คือ ไทเสียงเหลากง ทงเทียงเก้าจู้ ง่วนสีเทียงจุง 3 ผู้นำด้านศาสนาเต๋า ฮัวท้อเซียนซือ หมอคนแรกในยุค 3 ก๊ก ที่ทำการผ่าตัด และเหล่าก๊กซือกง ที่ผู้คนให้เคารพศรัทธา

ไปกันต่อที่วัดเกาะพญาเจ่ง อาจจะต้องระมัดระวัง เพราะเส้นทางเป็นถนนใหญ่รถค่อนข้างเยอะ เวลาขี่สกูตเตอร์ ต้องมองซ้ายแลขวาให้ดี จนมาถึงวัดอย่างปลอดภัย เดิมพื้นที่แห่งนี้มีชุมชนมอญขนาดใหญ่ และเป็นที่ตั้งบ้านเจ้าพญามหาโยธาเจ่ง โดยได้รับพระราชทานที่ดินจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แม่ทัพชาวมอญรับราชการในสมัยกรุงธนบุรี จนถึงในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 จึงได้ยกที่ดินสร้างวัด เอกลักษณ์ คือ ด้านในโบสถ์มี พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระบาทยื่นออกจากโลงเปิดฝาด้านข้างให้เห็นพระวรกายของพระองค์ ประดับสวยงามด้วยภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับพระพุทธชาติชาดก แต่ที่พิเศษคือมีการเขียนเรื่องพระรถเมรีเพียง 2 ช่อง เพื่อสื่อถึงการเข้าถึงวรรณกรรม นับว่าแตกต่างจากวัดอื่นๆ ภาพนายห้างฝรั่งบนประตูอุโบสถ และภาพกากตามจินตนาการของช่างที่ได้อรรถรสในการชมยิ่งขึ้น              

ปิดท้ายทริปที่อนุสรณ์แห่งความอาลัยรัก สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (พระนางเรือล่ม)ตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา บริเวณพื้นที่ของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ สามารถเดินเท้าเข้ามาได้ ใกล้ๆวัด ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์เรือล่ม จึงได้มีการจัดตั้งอนุสรณ์สถานแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้คนได้ไปกราบไหว้และรำลึกถึงพระองค์นางอันเป็นที่รักในรัชกาลที่ 5

จบทริปขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเที่ยวเมืองนนท์ เปิดประสบการณ์การเดินทางอีกแบบ ทำให้สามารถลัดตามซอยเล็กๆคล่องตัว แต่ก็ต้องระวังการขับขี่เพราะยังไม่มีเลนถนนสำหรับสกู๊ตเตอร์ หรือจักรยานที่ชัดเจน การขี่แบบนี้ ช่วยลดพลังงาน และทำให้การเที่ยวชมวัดสวยๆในนนทบุรี เป็นไปอย่างครบถ้วน เพราะถ้าเดินให้จบในวันเดียวคงเป็นไปได้ยาก หรือนั่งรถไปก็คงไม่สะดวกเท่าสกู๊ตเตอร์ ทริปสั้นๆเพียงวันเดียวกับสกู๊ตเตอร์คู่ใจ จึงประทับใจสุดๆ   และอยากให้หลายคนลอง.