จากผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมระบบ MODIS ระหว่างปี2558-2563 ของกรีนพีซ ประเทศไทยทํางานร่วมกับศูนย์ภููมิภาค เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหนึ่งในต้นเหตุสําคัญของมลพิษทางอากาศจากการเผา โดยมีข้อค้นพบ คือ พื้นที่เผาไหม้และจุดความร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่ปลูกข้าวโพดมากถึง 1 ใน 3 ตลอดช่วงระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา และภายในช่วงเวลาเพียง 5 ปีพื้นที่ป่าจํานวน 10.6 ล้านไร่ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ําโขงได้กลายเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพด สันนิษฐานว่าเป็นข้าวโพดประเภทข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสําคัญ กรีนพีซ จึงสืบค้นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่เชื่อมโยงกันระหว่างมลพิษทางอากาศข้ามพรมแดนและการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่า พบว่า การพัฒนารูปแบบการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมตามนโยบายสนับสนุนของรัฐภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญาและ นโยบายสร้างแรงจูงใจอื่น คืออิทธิพลสําคัญที่ทําให้สองปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น ทั้งที่พรบ.เกษตรพันธสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องสามารถสืนสานไป หาต้นตอผู้ปลูกและบริษัทรับซื้อที่เกี่ยวข้องได้เพื่อสร้างกลไกเอาผิดและภาระรับผิดชอบของภาคธุรกิจผู้ได้ผลประโยชน์จากการทําลายป่าและมลพิษข้ามพรมแดน
ทำให้ล่าสุด กรีนพีซ ประเทศไทยเปิดตัวรายงาน “เติบโตบนความสูญเสีย : ผลวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม 20 ปีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเกษตรพันธสัญญาในภาคเหนือของไทย” ในงาน“อาเซียนร่วมใจ: ฝุ่นเขา ฝุ่นเรา ฝุ่นใคร?” (ASEAN: One Vision, Shared Pollution) เนื่องในสัปดาห์สิ่งแวดล้อมแม่โขง-อาเซียน(MAEW – Mekong-ASEAN Environmental Week) ที่ห้อง SEA Junction ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
รายงานฉบับนี้ได้ศึกษา ถึงแบบแผนการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเขตภาคเหนือตอนบนของ ไทย (เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ แม่ฮ่องสอนและพะเยา) ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา (2545-2565) โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมทุก 5 ปี (พ.ศ. 2545, 2550, 2555, 2560 และ 2565) มาวิเคราะห์จำแนกการใช้ที่ดิน/สิ่งปกคลุมดิน
ข้อค้นพบหลักของรายงาน ระหว่างปี 2545-2565 ภาคเหนือตอนบนของไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นจาก 621,280 ไร่ เป็น 2,430,419 ไร่ (เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า) โดยปี 2550 พื้นที่ปลูกข้าวเลี้ยงสัตว์ขยายตัวแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปี 2545 พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเขตภาคเหนือตอนบนของไทยขยายตัวสูงสุดเป็น 2,502,464 ไร่ ในปี 2555 ช่วงเวลาที่พื้นที่ป่าในเขตภาคเหนือตอนบนของไทยกลายเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดมากที่สุดคือปี 2545-2555 คิดเป็นพื้นที่ 2,176,664 ไร่
หลังจากปี 2550 อัตราการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเขตภาคเหนือตอนบน ของไทยค่อนข้างคงที่ การสูญเสียพื้นที่ป่าในเขตภาคเหนือตอนบนของไทยตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน(ปี 2565) ประมาณ 9 ล้านไร่ นอกเหนือจากการขยายพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งต่อไปขยายไปยังประเทศ เพื่อนบ้านโดยเฉพาะรัฐฉาน(เมียนมา) และภาคเหนือของ สปป.ลาว แล้ว ยังมาจากการขยายตัวของพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อการส่งออก (commodity-driven deforestation)
“การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อป้อนอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ตามนโยบายสนับสนุนของรัฐ ภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญาและนโยบายสร้างแรงจูงใจอื่นๆ ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ มลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน และความไม่เป็นธรรมทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน คำถามคือ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ.2560 ซึ่งกำหนดให้สํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทําทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรและเปิดเผยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โดยต้องจัดทําและเผยแพร่ในระบบข้อมูลสารสนเทศรวมทั้งสื่ออื่นที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย และต้องปรับปรุงระบบทะเบียนให้เป็นปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง(มาตรา 17) และกำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาสามารถกําหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของคู่สัญญาให้ชัดเจนเพื่อป้องกันและเยียวยาผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม(มาตรา 23) นั้นจะเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบย้อนกลับห่วงโซ่อุปทานของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อระบุภาระรับผิดชอบของภาคอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ได้มากน้อยเพียงใด”รายงานระบุ
ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานคณะกรรมการอำนวยการสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า พื้นที่ชุมชนและชนพื้นเมืองที่ถูกกดทับด้วยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม จนกระทั่งไร้สิทธิและที่ทำกิน มักกลายเป็นพื้นที่ที่พบการขยายตัวของการทำไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงกว่าพื้นที่อื่น นโยบายที่ส่งเสริมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของรัฐนั้นยิ่งมาซ้ำเติมให้ผู้คนมีทางเลือกในการดำรงชีวิตตามวิถีน้อยลง และหันมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มากขึ้น หนี้สินและความยากจนมาพร้อมกับการถูกประทับตราว่าเป็นผู้เผาทำลายป่าสร้างฝุ่นควัน โดยไม่ถามถึงนโยบายรัฐที่ส่งเสริม แต่บริษัทอุตสาหกรรมที่ได้ผลประโยชน์กลับรอดพ้นจากการเป็นจำเลยสังคม ไม่จำเป็นต้องมีภาระรับผิดใด ๆ ส่งผลให้สังคมมีความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
แม้จะพบว่ามีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น มีการรับซื้อมากขึ้น หรือการขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น แต่ด้วยลักษณะของการทำเกษตรพันธสัญญาของไทยซึ่งส่วนมากอยู่ในรูปแบบสัญญาทางวาจาหรือลายลักษณ์อักษรอย่างไม่เป็นทางการ จึงไม่ปรากฎข้อมูลว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญามากน้อยเพียงใด ระบบข้อมูลของภาครัฐภายใต้ระบบประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้นสามารถบ่งชี้ถึงจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ แต่ยังไม่เชื่อมโยงถึงการรับซื้อของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ยักษ์ใหญ่
สฤณี อาชวานันทกุล กรรมการผู้จัดการ ด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด กล่าวว่า การขยายการลงทุนของบริษัทอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ยักษ์ใหญ่ของไทยเพื่อผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเมียนมาเพื่อส่งกลับมายังไทย คือสาเหตุหนึ่งของมลพิษทางอากาศข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยมีบทบาทของธนาคารไทยคอยเกื้อหนุนการลงทุน นี่คือการก่อมลพิษในห่วงโซ่อุปทานที่เป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐไทยและระดับอาเซียน
รัตนศิริ กิตติก้องนภางค์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านอาหารและเกษตรกรรมเชิงนิเวศ กรีนพีซ ประเทศไทย สรุปว่า สิ่งที่ยังขาดหายไปในกลไกทางกฎหมายและการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ไปสู่การปลูกข้าวโพดแบบอุตสาหกรรมของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ คือ ภาระรับผิดของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น และการได้ผลประโยชน์จากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในการประกอบธุรกิจ ถึงเวลาที่ภาครัฐจำเป็นต้องแสดงเจตนารมณ์และดำเนินการอย่างเคร่งครัดในการกำหนดมาตรการและนโยบายเพื่อเอาผิดภาคอุตสาหกรรมต่อผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อกรกับความเร่งด่วนของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จุดยืนไทยต่อเวทีโลกเดือด COP29
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาติดอันดับท็อปเท็นของโลกที่มีความเสี่ยงสูงจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศในระยะยาว EM-DAT รายงานข้อมูล 20 ปีที่ผ่านมาจนถึงปี 2565 ประเทศไทยเผชิญกับเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว 146 ครั้ง สร้างความสูญเสียต่อชีวิต 0.21
ค่าฝุ่น PM 2.5 เชียงใหม่และภาคเหนือขยับสูงขึ้น ชี้อากาศเริ่มแย่มากขึ้น
ค่าฝุ่น PM 2.5 เชียงใหม่และภาคเหนือขยับสูงขึ้น สั่งจับตาใกล้ชิด อุตุฯแนะงดเผาจัดการเชื้อเพลิงหลังการระบายอากาศเริ่มแย่มากขึ้น
อนุสรณ์ ชี้ฝุ่น PM2.5 กระเทือน ‘ศก.-ท่องเที่ยว’ ชง 14 แนวทางสู้
อนุสรณ์ ประเมินผลกระทบมลพิษทางอากาศ PM2.5 ต่อสุขภาพและเศรษฐกิจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รัฐต้องคุ้มครองสิทธิพื้นฐานในการมีอากาศ และสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชน เสนอ 14 ข้อเสนอสู้มลพิษทางอากาศ
ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษฯ เผย สภาพอากาศ 28 จังหวัด ค่าฝุ่น PM2.5เกินมาตรฐาน
ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ณ 07:00 น สรุปดังนี้