ดีเบตปมร้อน 'อรรถวิชช์' แนะอย่าแตะ 112 แขวะ 'ปิยบุตร' รอดคดีแต่ลูกศิษย์โดนระนาว

'อรรถวิชช์-เลขาธิการพรรคกล้า' ดีเบตมาตรา 112 แนะไม่ควรทำอะไรทั้งสิ้น ยิ่งหากยกเลิกจะมีปัญหา เพราะมีคนจำนวนมากไม่ยอบรับการจาบจ้างสถาบัน แขวะ 'ปิยบุตร' ไม่โดนคดี แต่ลูกศิษย์โดนกันเยอะ

6 พ.ย.2564 - นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวในรายการมีเรื่อง หัวข้อเรื่อง "เลิก - แก้ - ไม่แตะ112" ผ่านช่อง Youtube Jomquan โดยมี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เป็นผู้ร่วมดีเบต

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงแก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ควรทำทั้งสิ้น เพราะหากยกเลิกไป มีแนวโน้มทำให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายมากขึ้น และเมื่อดูคดีช่วง 1 ปีที่ผ่านมา กว่าครึ่งหนึ่งประชาชนเป็นผู้ฟ้อง สะท้อนว่ายังมีคนอีกจำนวนมาก ยอมไม่ได้กับการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ หากเดินหน้ายกเลิกหรือแก้ไข จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ม็อบชนม็อบมีโอกาสสูงมาก ท้ายสุดอาจนำไปสู่การรัฐประหาร เพราะฉะนั้นอย่าให้เกิดเหตุอะไรแทรกในห้วงเวลาปีนี้ จนถึงเดือนสิงหาคม ปี65 มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่งนายกฯ ได้ไม่เกิน 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญ

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นโทษที่มีฐานความผิดกว้างตั้งแต่ดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี จึงควรมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมาย ควรมีคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยองค์ประกอบอาจจะมาจากเจ้าหน้าที่ร่วมกับนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ซึ่งรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี สามารถใช้อำนาจตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาได้ทันที โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย

"อ.ปิยะบุตร ไม่เคยโดน 112 แต่ลูกศิษย์อาจารย์ น้องๆ นักศึกษาโดนอยู่นะ ต้องช่วยเขาด้วย คนที่ผิดเต็มๆ ก็ต้องโดนกันไปตามกฎหมาย แต่กรณีที่ศาลเคยวางแนวทางไว้แล้ว ว่าไม่ฟ้อง ก็น่าจะต้องมาดูกันว่าสั่งไม่ฟ้องได้ในชั้นตำรวจอัยการ ซึ่งหากมีคณะกรรมการกลั่นกรอง คดีมันจบเร็วขึ้น วิธีการนี้เคยใช้ได้ผลมาแล้วสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่หากยังดันให้แก้ไขยกเลิก ม.112 หักด้ามพร้าด้วยเข่า คงเป็นไปได้ยาก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงอยากให้คิดแบบหาทางออกให้ได้ นี่คือจุดยืนของผม" นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า ใกล้เลือกตั้งเท่าไหร่ จะมีประเด็นแบ่งแยกคนออกเป็น 2 ฝ่ายทุกที แล้วคนก็จะเลือกตั้งความกลัว กับความเกลียด ยุคนี้ยิ่งหนักขึ้น ขอเลยว่าอย่านำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นประเด็นแบ่งแยกทางการเมือง และตามที่ อ.ปิยบุตร ว่ากรณี ม.112 รวมถึงกรณีหมิ่นประมาทอื่นๆ ควรเป็นแค่เรื่องทางแพ่งเท่านั้น ใช้การปรับค่าสินไหมทดแทนการลงโทษทางอาญานั้น ตนเองไม่เห็นด้วย เพราะการทำแบบนั้นยิ่งทำให้คนไม่เท่ากัน คนรวยได้เปรียบ

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า ถ้าเราเปลี่ยนมาตรา 112 คดีอาญาที่มีโทษจำคุก ให้เป็นแค่คดีแพ่ง แล้วจ่ายค่าสินไหมทดแทนกันไปแบบ อ.ปิยะบุตรเสนอ ตนว่ายิ่งทำให้คนไม่เท่ากัน เท่ากับว่าคนรวยด่าใครก็ได้ ด่าแล้วไปจ่ายค่าสินไหมทดแทนเอา ตนว่ามันจะนำไปสู่สังคมแห่งความไม่เท่าเทียม

นายอรรถวิชช์ ย้ำด้วยว่า เมื่อดูเรื่องความเท่าเทียมและเสรีภาพ มีอีกเรื่องที่ต้องดูคือเรื่องภราดรภาพ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันถึงจะมีทางออกของสังคม ความสำคัญคือการยึดมั่น การดำรงอยู่ของสถาบัน เป็นโจทย์ฝากไปถึงรัฐบาลที่ต้องทำให้คนในชาติเกิดความรู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่ทำให้ห่างกันไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นบาดแผลของคนระหว่างรุ่น การแบ่งซ้ายขวาสุดขอบ จะนำไปสู่ความรุนแรงกันทั้งคู่ หาทางออกไม่ได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วรชัย' พูดเต็มปาก! 'ชวน' ไม่ควรว่าทักษิณ ถ้ายังกวาดบ้านตัวเองไม่สะอาด

นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำนองว่า ตัวเองเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง

'สุริยะ' ชี้ 'วิโรจน์' พูดให้ดูดี ไม่สนนามสกุลเดียวกับ 'ธนาธร' ก็จะตรวจสอบ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม กล่าวกรณีฝ่ายค้านออกมาระบุว่าเตรียมจองคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจกระทรวงคมนาคมว่า เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องปกติ