'หมอยง' แจง 6 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับวัคซีนโควิด

5 พ.ย. 2564 – ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด-19 วัคซีน ข้อควรรู้ทั่วไป

1.วัคซีนทุกชนิดที่องค์การอนามัยโลกรับรอง กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี

2.ไม่มีวัคซีนตัวไหนที่ป้องกันการติดเชื้อได้แน่นอน ถ้าติดเชื้อ จำนวนเชื้อจะน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ฉีดและสามารถลดความรุนแรงของโรค อาการลดลง ลดการป่วยตายได้

3.ภูมิต้านทาน และประสิทธิภาพ จะลดลงตามระยะเวลา โดยทั่วไป ภูมิต้านทานที่สูงจะอยู่นานกว่าภูมิต้านทานที่ต่ำ ถึงแม้วัคซีนที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง เช่น mRNA ก็มีการแนะนำให้กระตุ้นหลังฉีดครบ 6 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

4.ประสิทธิภาพของวัคซีนขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ การศึกษาในอังกฤษ ภูมิต้านทานที่สูงสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการป้องกันโรค

5.การให้วัคซีนเบื้องต้น (primary immunization) จะใช้ 2 เข็ม ห่างกันตามกำหนดของแต่ละวัคซีน ส่วนมาก 3-4 สัปดาห์ Astra Zeneca ห่าง 4-12 สัปดาห์ ยกเว้นของ Johnson & Johnson ให้เข็มเดียว

6.ตามหลักการของวัคซีน การเว้นระยะห่าง ระหว่างเข็มที่ 1 และ เข็มที่ 2 จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงกว่า (แต่ถ้าห่างกันเกินกลัวว่าจะเกิดการติดเชื้อเสียก่อน) ดังนั้นเข็ม 2 ถ้าไม่สามารถฉีดตามนัดให้เลื่อนเข็ม 2 ออก ไม่เลื่อนเข้า และช้าไป ถึงแม้จะนานเป็นเดือน ก็ไม่มีการเริ่มต้นให้วัคซีนใหม่
(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ).

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอยง' ชี้สถานการณ์โควิดเปลี่ยนตามกาลเวลา ปีนี้ยุติแล้ว แต่ไวรัสยังอยู่ต่อไป

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 5 ปี โควิด 19 กาลเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน

ย้อนดู 5 ปี 'โควิด 19' ความสับสนของข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬา โพสต์เฟซบุ๊กว่า

‘หมอยง’ สะท้อนความรู้สึกโควิด-19 ปีที่ 2 'ยุ่งเหยิง-ดราม่าวัคซีน-เซียนคีย์บอร์ด'

หลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก ในปีแรก ทุกคนมุ่งหวัง ที่จะยุติการระบาดด้วยวัคซีน จึงมีการผลิตคิดค้นวัคซีนกันมากมาย มากกว่า 10 platform

'คารม' บอกรัฐบาลเฝ้าระวังโรคไอกรนใกล้ชิดผู้ปกครองไม่ต้องห่วง

'คารม' เผยรัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงเรียน เน้นย้ำเฝ้าระวัง ติดตามอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่ระบาด ขอผู้ปกครองอย่าเป็นกังวล