“หมอโสภณ”ชี้ช่วยประหยัดงบได้อื้อ เหมาะกับสถานการณ์เปิดประเทศ ต้องตรวจผู้เดินทางเข้าไทย
2 พ.ย.2564 -ที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แถลงข่าวมอบ “ชุดสกัดอาร์เอ็นเอของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ RNA (Viral RNA Extraction Kit)” ให้แก่ กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมราชทัณฑ์ รวมจำนวน 82,000 ชุด มูลค่า 8.2 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ชุดสกัดอาร์เอ็นเอของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพื่อใช้ต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) เป็นแผนงานส่วนหนึ่งภายใต้แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) พ.ศ. 2564-2569 ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศให้ BCG เป็นวาระแห่งชาติ และเป็นต้นแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในวาระที่นำเสนอในการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในปี 2565 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งการพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจ BCG ประกอบด้วย 4 สาขายุทธศาสตร์ คือ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และขณะนี้ประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีน 2 ชนิด จาก 7 ชนิด และวัคซีนอีก 5 ชนิด กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นเป้าหมายของกระทรวง อว. และกระทรวงสาธารณสุข
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ชุดสกัด RNA (Viral RNA Extraction Kit) ของศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ ที่ได้รับเงินกู้ฉุกเฉินภายใต้ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยสามารถผลิตได้ตามเป้าหมาย 1 แสนชุด เบื้องต้นจะมีการส่งมอบให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมควบคุมโรค 50,000 ชุด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 12,000 ชุด และกรมราชทัณฑ์อีก 20,000 ชุด รวมจำนวน 82,000 ชุด ได้นำไปใช้สกัดอาร์เอ็นเอ ก่อนส่งตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งชุดสกัดอาร์เอ็นเอนี้มีราคาที่ถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศอย่างน้อย 2 เท่า คาดว่าราคาจะอยู่ที่ประมาณ 70-80 บาทต่อชุด ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการนำเข้าชุดสกัด ช่วยให้ประเทศมีความพร้อมในการรับมือต่อการระบาดของโรคอุบัติใหม่อีกด้วย
ด้านดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง ผอ.ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. กล่าวว่า วิธีสกัดอาร์เอ็นเอ (RNA) ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) จากตัวอย่างแบบง่าย โดยใช้อนุภาคแม่เหล็ก (Magnetic bead) จับกับสารพันธุกรรมอาร์เอ็นเอของไวรัส ซึ่งอาร์เอ็นเอของเชื้อไวรัสที่สกัดได้มีความบริสุทธิ์สูง สามารถนำไปตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งวิธีในการสกัดสารพันธุกรรมมี 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การทำให้เซลล์แตกตัวแล้วปล่อยสารพันธุกรรมออกมา 2.การเข้าจับสารพันธุกรรมและทำความสะอาดสารพันธุกรรม และ 3.การละลายสารพันธุกรรมบริสุทธิ์นั้นออกมาจากตัวจับ และทำความสะอาดสารพันธุกรรมที่อยู่ในตัวอย่าง ซึ่งสามารถทำการสกัดได้เร็ว ราคาถูก ที่สำคัญยังปรับวิธีให้ใช้ได้กับเครื่องสกัดอัตโนมัติที่มีอยู่ในท้องตลาดได้ค่อนข้างง่าย
“ทั้งนี้วิธีสกัดอาร์เอ็นเอดังกล่าว ยังสามารถนำไปใช้ในการสกัดสารพันธุกรรม ในสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้ ไม่จำกัดเพียงไวรัสก่อโรคโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงไวรัสก่อโรคในพืช สัตว์และมนุษย์ถือเป็นวิธีที่ง่ายสามารถใช้งานกับสารเคมีและอุปกรณ์ที่มีอยู่ในห้องปฏิบัติการด้านพันธุกรรม ซึ่งทีมนักวิจัยฯ ได้มีการนำไปทดสอบใช้งานจริงพบว่าให้ผลไม่แตกต่างจากการใช้ชุดสกัดที่นำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันทีมวิจัยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัท After Lab และ Bioentist เป็นผู้รับอนุญาตให้สิทธิใช้ประโยชน์เพื่อเตรียมผลิตและจำหน่ายทางการค้าครั้งแรกในไทย”
ดร.ลดาวัลย์ กระแสร์ชล รอง ผอ.สวทช. กล่าวถึงวิธีการใช้ชุดสกัดอาร์เอ็นเอว่า เมื่อมีการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกของผู้ที่สงวัยว่าติดเชื้อโควิดจะถูกนำมาละลายและนำมาใส่ในเพลท โดย 1 เพลทสามารถใส่ตัวอย่างได้ 16 ตัวอย่าง ซึ่งภายในเพลทจะสารที่สกัดอาร์เอ็นเอหรือสารพันธุกรรม และมีผงแม่เหล็กสามารถจับตัวกับสารไวรัสได้แม่นยำ จากนั้นนำเข้าเครื่องใช้เวลา 10 นาที ก็ได้สารพันธุกรรมตัวอย่างไวรัส ที่สามารถนำไปใช้ได้กับเทคนิค RT-PCR อีกครั้ง ซึ่งผลที่ได้มีความแม่นยำเทียบเท่ากับชุดสกัดอาร์เอ็นเอที่นำเข้าจากต่างประเทศ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังจากมีการเปิดประเทศเมื่อวานนี้มีผู้เดินทางเข้าประเทศ เฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 2,500 คน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะหลักหมื่น- แสนคนในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทางกรมฯ ก็มีห้องปฏิบัติการตรวจคัดกรองโควิด19 ด้วยวิธี RT-PCR ประมาณ 20 แห่งในการรองรับทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาคในเขตสุขภาพ 12 เขต โดยในปี 2563 มีการตรวจคัดกรองโควิดด้วยวิธี RT-PCR กว่า 15 ล้านเทสต์ หรือ 1 ล้านเทสต่อเดือน โดยเป็นการใช้ชุดสกัดอาร์เอ็นเอจากต่างประเทศ แยกเป็นส่วนที่กรมฯ ตรวจประมาณ 1.5 ล้านเทสต์ หรือ 10% เฉลี่ยเดือนละ 1 แสนเทส ต์
“ดังนั้นหากคำนวนเฉพาะในช่วงนี้ที่ทางกรมฯ ต้องจ่ายเงินค่าตรวจ PCR อยู่ที่ 3,000 เทสต์ต่อวัน เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 60,000 บาท ดังนั้นการที่มีชุดสกัดอาร์เอ็นเอที่ผลิตได้ในไทย จากที่ต้องนำเข้าชุดละ 120 บาท เหลือประมาณชุดละ 70-80 บาท ก็สามารถช่วยลดการใช้จ่ายลงไปได้มาก ทั้งนี้แม้ว่าสถานการณ์ขณะนี้อาจจะมีการตรวจคัดกรองด้วย PCR น้อยลง เนื่องจากสถานการณ์ภาพรวมโควิดดีขึ้น แต่ก็ต้องนำมาใช้ตรวจผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ เพื่อคัดกรองให้ปลอดภัย การตรวจ PCR จึงยังมีความจำเป็น” นพ.โสภณ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปักหมุด แชร์ข้อมูล สร้าง'เมืองใจดี'
เป็นคำถามที่ค้างคาและสงสัยอยู่ในสังคมมาตลอด ที่จอดรถ ทางลาด ห้องน้ำ ทางลาดเลื่อน ลิฟต์ของคนพิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา รวมไปถึงคนที่มีข้อจำกัดด้านการเดินทาง ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ
โควิด game over แล้ว! ‘หมอยง’ ชี้จากนี้เหมือนโรคทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศา