ดีเดย์เปิดประเทศ!วงเสวนาแนะผับบาร์อย่าก้าวกระโดดรีบเปิดบริการ เสี่ยงกระจายเชื้อโควิด

วงเสวนาแนะผับบาร์อย่าก้าวกระโดดรีบเปิดบริการหลังเปิดประเทศ เสี่ยงกระจายเชื้อโควิด อาจต้องปิดซ้ำอีก ธ.ค.เป็นจุดแตกหัก แนะรัฐ-สถานบันเทิง ถกมาตรการเข้มก่อนเปิด หวั่นซ้ำรอยสิงคโปร์ หวังเห็นปลายปีได้เคาน์ดาวน์ ไม่ใช่ล็อคดาวน์

29 ต.ค.2564 - เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) พร้อมด้วย เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา (Alcohol Watch) และเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง ร่วมกันจัดเสวนา เรื่อง “การปรับตัวและความรับผิดชอบของสถานประกอบการที่จำหน่ายสุรา เพื่อรับมือการเปิดประเทศ”

โดยนพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังเปิดประเทศแล้ว คนกังวลว่านักท่องเที่ยวจะเอาเชื้อเข้ามาระบาดในประเทศ ซึ่งตนมองว่าปัจจุบันมีการติดเชื้อในไทยจำนวนมากอยู่แล้วเฉลี่ยที่ 9,000-10,000 ดังนั้นหากติดก็คือติดในคนไทยกันเอง แต่ที่กังวลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง มี 2 เรื่อง คือ1.แรงงานต่างด้าว ผิดกฎหมายที่จะทำให้ระบาดในแคมป์ก่อสร้าง โรงงาน และ 2. ที่กังวลมากคือสถานบันเทิง เพราะจากการระบาดทุกรอบ และทุกประเทศ นี่คือจุดตั้งต้นของการระบาดใหญ่ (Super spreading setting) ซึ่งมีความเสี่ยงครบ 3 ด้านที่ทำให้เกิดการระบาด คือ 1.ห้องปิด 2.คนแน่น และ 3. มีการพูดคุย ซึ่งสามเรื่องนี้เข้าได้กับสถานบันเทิงทุกข้อ มีการพร้องเพลง กิน ดื่มและคุยกัน ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้คนเริ่มพูดคุย และเสียงดังขึ้น เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการระบาดของโควิดง่ายที่สุด

“คาดว่า ศบค. คงคิดหนักว่าถ้าให้เปิดแล้วจะทำอย่างไร 1.ต้องมีระบบระบายอากาศอย่างดี ไม่ต่ำกว่า 6 เท่า ลดจำนวนคนเข้าสถานที่ และเรื่องการพูดคุยของคนที่ห้ามยาก โดยเฉพาะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยิ่งทำให้คนมีการคุยกันมากขึ้น เสียงดังขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยาก ต้องออกแบบการเฝ้าระวัง ซึ่งตนคาดว่ามาตาการอาจจะมี เช่น ทุกคนที่เข้าไปต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ตรวจ ATK ทั้งนี้ สถานบันเทิงจะเป็นจุดแตกหัก โดยเฉพาะเดือน ธ.ค.เป็นเดือนหัวเลี้ยวหัวต่อเพราะมีการฉลองเยอะ กังวลว่าถ้าคนไทยไม่ระวัง แล้วรีบร้อน อาจสะดุดขาตัวเอง เกิดการระบาดจะต้องปิดกิจการอีก ดังนั้นทุกฝ่ายต้องคุยกันว่าจะมีมาตรการอย่างไร ไปช้าๆ ดีกว่าก้าวกระโดด และปรับแนวคิดเรื่องการทำอะไรต้องใหญ่ ต้องมีคนเยอะ ให้ทำแบบเล็กๆ คนไม่มาก เพราะในที่ปิดคนแน่นมากๆส่งเสียงร้องรำทำเพลงเชื้อโควิดในฝอยละอองจากการส่งเสียงของผู้คนจะลอยตัวในห้องได้มาก ทำให้มีโอกาสแพร่ทางอากาศ ติดกันหลายสิบหลายร้อยเหมือนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา” นพ.คำนวณ กล่าว

ด้าน นายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาววชน กล่าวว่า สถานบันเทิงที่ทำผิด สามารถมีคำสั่งปิดได้ 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ปล่อยเด็กเข้าไปใช้บริการ มียาเสพติด แต่ที่ผ่านมา มีการเลี่ยงบาลี พวกที่ถูกสั่งปิดแต่มาแอบเปิด โดยต่อเติมปรับเปลี่ยนพื้นที่อาคาร หรือไปขอออกบ้านเลขที่ใหม่โดยซอยพื้นที่แบ่งออกเป็นห้องๆ แต่จริงๆแล้วเป็นพื้นที่เดิม ซึ่งตรงนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ในช่วงการระบาดโควิด -19 ทำให้สถิติเด็กทำผิดลดลง ส่วนสถานบันเทิงที่ทำผิดก็มีการตรวจจับมากขึ้น ถือว่าช่วยลดปัญหาของประเทศได้เยอะ แต่ที่ตนกังวลว่าหากมีการเปิดสถานบันเทิง 1 ธ.ค.นี้ จะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุมไม่ให้แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งกรมฯ ยินดีรับเรื่องร้องเรียน เพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีตัวอย่างสิงคโปร์เปิดประเทศได้เพียง 2 สัปดาห์ มีการระบาด และสถานพยาบาลรองรับไม่ไหว ดังนั้น หากเราก้าวกระโดด เร็วเกินไปเกรงว่าจะไม่ต่างจากสิงคโปร์ ผู้ประกอบการเองก็จะเสียหายมากระบบต่างๆ ก็กลับมาที่เดิมอีก

“แต่หากค่อยเป็นค่อยไป ให้เศรษฐกิจเดินได้ ก็ต้องวางแผนกัน จะมีมาตรการรองรับอย่างไรในแง่ของการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ต้องไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย โดยปล่อยให้เด็กหรือเยาวชนที่อายุไม่ถึง 20 ปีเข้าไปใช้บริการ ต้องมีการตรวจคัดกรองผู้มาใช้บริการก่อนใช้บริการและพนักงานก่อนเข้าทำงาน เช่น สแกนตรวจบัตรประชาชน ตรวจผลการฉีดวัคซีน และต้องมีการตรวจATK หรือ RT-PCR ไม่พบเชื้อ เป็นต้น กำหนดเป็นมาตรฐาน ชัดเจน เป็นระบบ อย่าให้ผู้ประกอบการต้องตายซ้ำ และต้องสื่อสารกับผู้ประกอบกิจการสถานบันเทิงให้เข้าใจและทำตามลำดับที่ถูกต้อง ที่สำคัญสถานบันเทิงจะต้องลงทุนในเครื่องมือใดบ้าง เพื่อพัฒนามาตรฐานการเข้าใช้บริการในระยะยาวด้วย เพราะตนห่วงที่สุดคือการกลับมาระบาดหนักที่ประชาชนไม่มีสถานที่ตรวจ และรักษา เราอยากเปิดแล้วเดินหน้าต่อไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งเร็วๆ นี้ จะมีการหารือกันกับบรรดาผู้ประกอบกิจการในเรื่องนี้อีกครั้ง” นายโกมล กล่าว

ขณะที่ นายคฑาวุธ ทองไทย หรืออาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ศิลปิน ที่ทำงานในสถานบันเทิง ถือเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด มาก เพราะถูกปิดก่อน เปิดทีหลัง และไม่มีเงินเดือน ขณะที่สถานบันเทิงในประเทศไทยมีจำนวนมาก ทั้งหมดมีคนเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม หรือสวัสดิการใดๆของรัฐ มีเพียงสถาบันเทิงขนาดใหญ่ที่พนักงานจะมีประกันสังคม ทำให้คนจำนวนมากไม่ได้รับการเยียวยา เพราะทุกโครงการที่รัฐทำขึ้นนั้นไม่ระบุกล่มอาชีพศิลปินที่จะได้รับการเยียวยา ต้องไปลงทะเบียนเป็นอาชีพเกษตรกร ทั้งที่เป็นคลีเอทีฟอิโคโนมี เหมือนที่เกาหลีใต้ใช้อุตสาหกรรมบันเทิงขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

“อุตสาหกรรมบันเทิง ถือว่าน่าสงสาร ทั้งที่ประเทศไทยหากินกับการท่องเที่ยว แต่เราเหมือนเด็กกำพร้าที่ไม่เคยสร้างบ้านของตัวเอง ตอนนี้เรากำลังผลักดันให้มีการจัดตั้งสภาศิลปะและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ที่มีกฎหมายรองรับชัดเจนเข้ามาดูแล เพราะเราเองก็เสียภาษีเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจว่า โรคโควิด -19 เป็นเรื่องใหม่ และเข้าใจว่าภาครัฐก็พยายามทำมุกวิถีทางเหมือนกัน ส่วนตัวยินดีที่เปิดประเทศ แต่มีคำถามว่าระบบในประเทศดีหรือยัง ถ้าระบบไม่ดีเราอยู่ปลายน้ำก็เป็นจำเลยเหมือนเดิมอีก หากอยากให้อุตสาหกรรมบันเทิงทำอะไร ผู้ประกอบการดำเนินการอย่างไรก็ช่วยบอกเราด้วยขอให้ชัดเจน” นายคฑาวุธ กล่าว และว่า ตนอยากให้มีการจัดพบปะกันทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ ศิลปิน และกลุ่มอาชีที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อหาแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อประโยชน์สูงสุด เพราะปลายปีนี้เราอยากได้ยินคำว่าเคาน์ดาวน์ ไม่ใช่ล็อคดาวน์กันอีก เรายินดีปฏิบัติตามมาตรการของรัฐทุกประการ ขอให้บอกมาว่าต้องทำอย่างไร เพราะเราเองก็มีลูกเมียที่ต้องดูแลเหมือนกัน ที่ผ่านมาก็เจ็บปวดมามากพอแล้ว

 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เครือข่ายคนบันเทิง-ภาคประชาชน ยื่น 'วันนอร์' เสนอร่างพรบ.สภาศิลปินฯ

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับข้อเสนอจากภาคประชาชน ประกอบด้วย อ.ไข่ มาลีฮวนน่า หรือ นายคฑาวุธ ทองไทย ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย นายเกียรติคุณ เข็มรัตน์ กองสุข ศิลปินแห่งชาติ ผู้แทนสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย

'เศรษฐา' ลุยเยียวยาจิตใจคนเห็นต่างการเมือง อยู่ร่วมกันได้สันติ

นายกฯ มอบนโยบายทีมประเทศไทยในสหรัฐ ยืนยันภารกิจหลักเปิดประเทศ หนุนทำธุรกิจ เยียวยาจิตใจคนเห็นต่างการเมือง ให้อยู่รวมกันได้อย่างสันติ

"ศักดิ์สยาม" ตรวจเยี่ยมและติดตามข้อสั่งการ การอำนวยความสะดวกผู้โดยสารภายหลังสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมและติดตามข้อสั่งการการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารภายหลังสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ