“วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” เขียนบทความ “สินเชื่อของไอซ์แลนด์เพื่อประคองเศรษฐกิจจากโควิด19” ซึ่งมี 4 แนวทางเพื่อให้ดูเป็นตัวอย่าง ในฐานะประเทศที่พิ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก
28 ต.ค.2564 - นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กในรูปบทความเรื่อง “สินเชื่อของไอซ์แลนด์เพื่อประคองเศรษฐกิจจากโควิด19” ระบุว่า ด้วยเหตุที่ไอซ์แลนด์ ดินแดนที่เป็นทุ่งน้ำแข็งอันสวยงาม เป็นอีกหนึ่งประเทศของโลกที่พึ่งพา รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หนักหนากว่าไทย กล่าวคือพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวถึง 32.60% ต่อจีดีพี ในขณะที่ไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว ราว 21.60% ดังนั้น ผมจึงค้นคว้าดูว่า ที่ไอซ์แลนด์ เค้าทำโครงการอะไรกันบ้างเพื่อประคองสภาวะผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเขา
ไอซ์แลนด์เคยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดของโลก (Global Peace Index) ได้อันดับหนึ่งมาติดต่อกันทุกปีตั้งแต่ปี 2008 รวมทั้งปี 2018 และปี 2019 ล่าสุดนี้ด้วย อันดับรองๆลงไปคือนิวซีแลนด์ กับเดนมาร์กสลับกันไปมา
พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ครับ รัฐบาลไอซ์แลนด์กำหนดว่า กิจการใดที่ถูกสั่งล็อกดาวน์ด้วยเหตุป้องกันโควิด19 มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุน ไม่เกิน 8แสน ISK (โครนา)ต่อคน หรือไม่เกิน 2.4 ล้าน ISK ต่อหนึ่งนิติบุคคล อัตราแลกเปลี่ยนเงินไอซ์แลนด์คือ 1 ISK = 1 สลึงไทยโดยประมาณ จริงๆคืออัตรา 1 ISK = 0.22บาทไทย กล่าวคือไม่ถึงสลึงด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ในบทความนี้ คุณผู้อ่านอาจใช้เลข 4 หารตัวเลขเงิน ISK ก็จะได้เป็นค่าประมาณของเงินบาทของไทยนะครับ คือเอาพอเห็นภาพก็คงพอไหว
โครงการนี้บอกว่าสถาบันการเงินในไอซ์แลนด์ที่ได้บรรลุความตกลงกับธนาคารกลางไอซ์แลนด์ตามโครงการนี้ จะได้รับการประกันการคืนเงินจากธนาคารกลาง ในอัตราเท่ากับ 10% แน่นอน เมื่อสถาบันการเงินนั้นปล่อยสินเชื่อเร่งด่วนให้กิจการต่างๆในไอซ์แลนด์ในจำนวนไม่เกินยอดรายรับในปี2019 ของบริษัทที่ได้สินเชื่อนั้น แต่ทั้งนี้ไม่คุ้มครองเลยไปถึงการปล่อยสินเชื่อเกิน 40ล้าน ISKแก่ผู้ขอกู้แต่ละราย
โดยถ้าวงเงินสินเชื่อไม่ถึง 10ล้าน ISK หรือ 2.5ล้านบาทไทย รัฐจะการันตีให้ทั้ง100%ของสินเชื่อนั้น ส่วนที่เกิน 10ล้าน-40ล้าน ISK หรือตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทจนถึงไม่เกิน 10 ล้านบาทไทย รัฐบาลไอซ์แลนด์จะคุ้มครองให้ 85%
แบงก์ไม่ต้องกลัวถูกลูกหนี้เบี้ยวหรือเจ๊งไปก่อน ส่วนระยะเวลาของสินเชื่อเพื่อประคองช่วงโควิดระบาดนี้ให้ระยะ 30 เดือน หรือสองปีครึ่ง ซึ่งเข้าเค้า ว่าโลกน่าจะผ่านโควิดได้สำเร็จแล้วโดยมีอัตราดอกเบี้ยประมาณ 1% กรณีที่มากกว่า 10 ล้านISKคือกู้เกิน 2.5 ล้านบาทไทยต่อรายนั้น ก็อาจให้ตกลงอัตราดอกเบี้ยต่างจากนี้ได้
นี่ก๊อกแรก
ก๊อกถัดไปกำหนดว่า กิจการต่างๆ ยังสามารถขอกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อประคองกิจการโดยใช้กองเงินที่รัฐบาลตั้งเตรียมไว้อีก 3.5 พันล้าน ISK เป็นก๊อกที่สอง ประเทศไทยตั้งก๊อกสองนี้ไว้สูงกว่ามากคือ เกือบสองล้านล้านบาท (แต่กิจการฝ่ายไทยยังเข้าถึงได้น้อยมาก ) โดยไอซ์แลนด์ระบุว่า กิจการที่จะขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินในโปรแกรมนี้ต้องเป็นกิจการที่สูญเสียรายได้ไปกว่า 40% แล้ว จากเหตุโควิด19 และน่าเชื่อว่าเมื่อโควิดหมดไป กิจการนี้จะสามารถทำกำไรได้ และสถาบันการเงินต้องได้เคยเข้าช่วยด้านสินเชื่อให้แก่กิจการนั้นๆมาก่อนตามวิธีปกติแล้ว แปลว่ารัฐช่วยการันตีลูกค้าเก่าของแบงก์นั่นเอง
สำหรับวงเงินที่จะขอรับการันตีจากรัฐบาลตามก๊อกสองนี้จะไม่เกินสองเท่าของอัตราค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรของกิจการนั้นๆ และกิจการนั้นต้องมีค่าจ้างบุคลากรอยู่แล้วไม่น้อยกว่า 25%ของรายจ่ายรวมทั้งปีของกิจการด้วย
แปลว่ารัฐบาลไอซ์แลนด์มุ่งจะประคองกิจการที่มีการจ้างงานคนเยอะๆ ก่อน พวกกิจการที่ใช้หุ่นยนต์แทนคน ใช้โปรแกรมทำงานแทน หรือใช้ระบบออนไลน์มากโดยไม่ค่อยจ้างคน ยังไม่ใช่กิจการเป้าหมายตามโครงการนี้
การการันตีโดยรัฐตามก๊อกสองนี้ มีระยะเวลา 18 เดือน ถ้าเลยเวลา 18 เดือนเมื่อไหร่ สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อต้องรับความเสี่ยงต่อไปบริหารเอาเอง
สินเชื่อก้อนนี้ตั้งเป้าหมายให้กิจการนำไปจ่ายค่าแรงงาน จ่ายค่าเช่า จ่ายค่าประคองรักษาทรัพย์สินของกิจการเป็นสำคัญ และมีข้อกำหนดมิให้นำไปจ่ายเป็นเงินปันผล ห้ามซื้อหุ้น และข้อห้ามนี้ก็หมายรวมไปถึงบรรดาสถาบันการเงินที่เป็นผู้รับเงินทุนกองนี้ไปปล่อยสินเชื่อด้วย
ในการนี้ รัฐมนตรีคลังไอซ์แลนด์ตั้งคณะกรรมการกำกับกระบวนการปล่อยสินเชื่อตามโครงการพิเศษนี้ ซึ่งกำหนดกติกาเพิ่มว่าให้เงินกองทุนนี้แบ่งปล่อยตามขนาดกิจการโดยนับจากจำนวนพนักงานที่ผู้กู้จ้างอยู่
คือ 1.กิจการที่จ้างพนักงานน้อยกว่า 20 คน 2.กิจการที่จ้างพนักงาน 20-100 คน 3.กิจการที่จ้างพนักงาน100-250 คน และ 4. กิจการที่จ้างพนักงานเกิน250คน
กล่าวคือเน้นอัดฉีดเพื่อประคองการมีงานทำของ "คน" ไม่ใช่มุ่งพยุงที่จีดีพีนั่นเอง เพราะจีดีพีบอกความมั่งมีของภาพรวม ไม่ใช่ความอยู่ดีมีสุขของประชาชน จีดีพีไม่สามารถตอบว่ามีความเหลื่อมล้ำมากหรือน้อย มีการกระจายโอกาสถึงคนตัวเล็กตัวน้อยและคนชายขอบที่มักถูกลืมหรือไม่ ไอซ์แลนด์เข้าอกเข้าใจดีว่า จะต้องปฏิรูประบบคิด ระบบกฎหมาย ระบบราชการให้รับมือโควิดให้ทัน สิ่งที่ทำรอบนี้จึงอาศัยการบัญญัติกฎหมายออกมาใหม่เพื่อรองรับ
ไปดูก๊อกที่สามและสี่กันครับ ก๊อกสามคือ กิจการใดในไอซ์แลนด์ที่จดจัดตั้งก่อน1ธันวาคมของปี 2019 คือตั้งขึ้นประกอบการก่อนโควิดระบาดมาครบหนึ่งปี และได้สมัครขอเข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างทางการเงินกับทางการ ได้แล้ว จะได้รับการคุ้มครองชั่วคราวจากการถูกฟ้องล้มละลาย การบังคับขายสินทรัพย์ การยึดอายัดทรัพย์โดยเจ้าหนี้ แต่กิจการนั้นต้องได้จ่ายค่าจ้างลูกจ้างครบจำนวนมาตลอดระหว่างสามเดือนแรกที่โควิดระบาดคือ ธันวา 2019-สิ้นกุมภา 2020 และบัญชีบริษัทมีแนวโน้มชัดเจนว่า ทรัพย์สินของกิจการจะถูกรายจ่ายและต้นทุนเข้าท่วมท้นในสองปีข้างหน้า
แปลว่าช่วยเถ้าแก่ที่ใจถึง ดูแลพนักงานดี ไม่ลดค่าจ้างในช่วงแรกทันที แต่มีรายจ่ายท่วมคอและจะท่วมจมูกแน่ๆในไม่ช้า โดยให้กิจการนั้นส่งแผนการบริหารนับแต่ 1 เมษา2020 ที่เริ่มล้อคดาวน์มาแสดงว่า รายได้หดตัวลงถึง75%จากสภาวะปกติ ดังนั้นพวกร้านขายคอมพิวเตอร์ ร้านขายทีวีจอใหญ่ เลยไม่เข้าข่าย เพราะช่วงล้อคดาวน์ ทีวีและคอมพิวเตอร์ขายดีขึ้นเกิน 30%!! แปลว่าก๊อกนี้มีไว้ให้ผู้ที่ถูกโควิดกระแทกตรงๆและเต็มๆได้มีที่ยืนพิงฝาพักขาชั่วคราวไปสักพัก แต่การจะพิงฝานี้ได้ ต้องอาศัยคำสั่งศาลเป็นรายๆไป และจะคุ้มครองได้นานสามเดือนในแต่ละคราวเท่านั้น
ก๊อกนี้ ไอซ์แลนด์รวมพลังทั้งทางรัฐสภา รัฐบาล และศาลมาทำผนังพิงชั่วคราวให้ในช่วงโควิด เพราะสิ่งที่ทำนี้ ไม่เคยมีทำกันมาก่อน และย่อมทำให้เจ้าหนี้ต่างๆต้องเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากเดิม เนื่องจากบีบยึดเอาทรัพย์สินไปจากลูกหนี้ไม่ได้ชั่วคราว ก๊อกนี้เป็นตัวอย่างที่ยังไม่เคยมีมาก่อน และน่าสนใจครับว่าผลจะเป็นอย่างไรบ้าง
ทีนี้มาก๊อกที่สี่ นี่ก็ออกกฎหมายผ่านสภามาให้ใหม่เลย โดยระบุว่าลูกจ้างที่ต้องถูกการกักตัว 14 วัน โดยไม่ได้รับเงินเดือนจากนายจ้างนั้น รัฐบาลไอซ์แลนด์จะเข้ามาจ่ายเงินเดือนให้แทนสำหรับช่วงการกักตัวนั้น อันนี้เพื่อดึงดูดให้ผู้ต้องถูกกักตัวไม่ฝ่าฝืนมาตรการที่รัฐกำหนด แต่จะได้ไม่เกินรายละ633,000 ISK ในแต่ละเดือน
เช่นลูกจ้างไปเดินห้าง แล้วมีข่าวว่ามีคนติดเชื้อมาเดินห้างเดียวกัน ทุกคนที่เคยไปห้างในช่วงนั้นจะถูกเรียกตัวไปกักหรือถูกสั่งให้ขังตัวเองที่บ้าน แบบนี้ลูกจ้างรายวัน รายชั่วโมงหรือลูกจ้างที่ใช้วันลาไปหมดแล้วย่อมไม่ได้ค่าจ้างจากนายจ้าง ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนั้นเกรงจะหนีการกักตัวเอง แล้วดันทุรังไปทำงาน อันจะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ รัฐบาลไอซ์แลนด์จึงเลือกว่าจะจ่ายให้เองดีกว่าสำหรับช่วงกำหนดกักตัว
บังเอิญว่าประเทศไอซ์แลนด์นั้นแม้จะมีพื้นที่กว้างใหญ่แต่มีประชากรน้อยแค่ไม่ถึงสี่แสนคน จึงคาดการณ์ว่าแม้รวมผู้มีอาชีพรับจ้างอิสระเข้ากับลูกจ้างเอกชนทั้งหมดแล้ว ก็น่าจะมีผู้มาขอใช้ประโยชน์จากกฏหมายก๊อกสี่นี้ราว 140,000 คนเท่านั้นเอง อันนี้จึงต่างจากไทย ที่แจกฟรีเดือนละห้าพันบาทเป็นเวลา 3 เดือน สำหรับคนที่ต้องถูกล็อกดาวน์ หลายสิบล้านคน แต่ข้อนี้ช่วยให้เรารู้ว่า ในต่างประเทศเค้าตอบสนองสถานการณ์กันต่างไปอย่างไร
ไม่ได้แปลว่าเค้าทำดีกว่านะครับ เพราะเงื่อนไขและโครงสร้างภาษีในแต่ละที่ย่อมแตกต่างกันเสมอ ไอซ์แลนด์มีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเริ่มที่ 35.04-46.24% ซึ่งสูงกว่าอัตราภาษีของไทยมากๆ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทย อัตราสูงสุดยังอยู่ที่ 35%เท่านั้น และไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ใช้เงินดิจิทัลแพร่หลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้นกิจการที่อยู่นอกระบบจึงแทบเป็นไปไม่ได้ ซึ่งตรงข้ามกับไทยมาก ไทยมีกิจการในระบบฐานภาษีน้อยกว่าเศรษฐกิจนอกระบบแบบเทียบกันได้ยาก
หมายเหตุ: บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้อ่านมีจินตนาการกว้างขึ้นเกี่ยวกับมาตรการที่น่าสนใจในช่วงโควิดระบาด ประเทศที่พึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งมักจะจ้างงานคนไว้เป็นจำนวนมาก หรือมีห่วงโซ่อุปทานที่ยาวและลงถึงรากฐานของคนเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ รายเล็กๆที่ให้บริการนำส่งวัตถุดิบ การรับจ้างทำความสะอาด การรับซักรีด การขายของที่ระลึก คนขับยานพาหนะซึ่งเป็นงานที่คนฐานรากพอจะเข้าถึงได้ต่อเนื่องง่ายกว่าอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ การได้เห็นระบบสินเชื่อที่พยายามตามไปเข้าใจวิถีของประชากรของระบบจึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานโยบายสาธารณะด้านการเงินในไทยไปด้วยนั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอยง' เผยสถาการณ์โควิดเปลี่ยนไปมากคำแนะนำก็ต้องเปลี่ยนตาม
ศ.นพ.ยง ภู่รวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก
สว.ปฏิมา กังวลกระบวนการยุติธรรมไทยกำลังถูกสั่นคลอนหนัก!
นายปฏิมา จีระแพทย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปัจจุบันนี้ เราต่างทราบดีว่า การรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศคื
กกต. ยื้อ 'หมอเกศ' เลื่อนถกคุณสมบัติจบดอกเตอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้มีการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบกรณีพ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ถูกร้องว่ากระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ
เปิดข้อมูล ‘ไวรัสโควิด’ สร้างได้ในห้องทดลอง มีจดสิทธิบัตรตั้งแต่ปี 2018
การสร้างไวรัสใหม่ชนิดนี้จะสามารถครอบคลุมไวรัสที่จะแพร่และเกิดโรคระบาดในมนุษย์ได้ทั้งสิ้น และสามารถที่จะสร้างวัคซีนให้มนุษย์ก่อนได้
กระจ่าง! ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน ชี้กรณีคุณสมบัติ 'สว.หมอเกศ'
“ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน ชี้ กรณี สว.หมอเกศ ปริญญาเอกและตำแหน่งศาสตราจารย์ หากไม่จริง เป็นการโชว์เหนือ หลอกลวงเพื่อจูงใจให้ผู้สมัคร สว.ด้วยกัน เข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถของตนเอง
'สว.ชิบ' เค้นรัฐบาล! ใครสั่งโยกคดี 'ดิไอคอน' ให้ดีเอสไอ หวั่นบอสรอดคุก
'สว.ชิบ' ตั้งกระทู้ถามนายกฯ ข้องใจคำสั่งจากใคร ทำให้รัฐบาลโยกคดี 'ดิ ไอคอน' ใส่มือดีเอสไอ หวั่นสรุปคดีไม่ทันเวลา เปิดโอกาสบรรดา 'บอส' รอดคุก