'เพื่อไทย'ชู6ทางออกสอน'บิ๊กตู่'แก้วิกฤติโควิดรอบ3


เพิ่มเพื่อน    


19 เม.ย. 64 - นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวในงานเสวนา"วิกฤตและทางออก โควิดระลอก 3" ว่า ในที่สุดรัฐบาลและกระทรวงการคลังได้ยอมรับแล้วว่าเศรษฐกิจของไทยปีนี้จะขยายตัวไม่ถึง 4% มีโอกาสที่ขยายตัวได้ต่ำเตี้ย ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้ล่วงหน้าแล้ว แม้ไม่มีการระบาดระลอก 3 เศรษฐกิจก็ทรุดต่ำอยู่แล้ว การที่แบงก์ชาติออกมาเตือนแล้วว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกจะยังคงติดลบ ตามที่ได้เตือนไว้แล้วเข่นกันว่าไตรมาสแรกจะแย่ ทำให้โอกาสที่จะขยายตัวถึง 4% ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่เมื่อมาเจอการระบาดของไวรัสโควิดระลอก 3 จึงทำให้ต้องจำนนและยอมรับ เพราะโอกาสเดียวที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้มากคือในไตรมาส 2 ที่ปีที่แล้วทรุดลงต่ำมากที่ -12.2%  แต่พอเจอมาเจอกับการระบาดระลอก 3 เศรษฐกิจไทยจึงหมดหวังที่จะขยายได้มาก 

ในขณะที่ในประเทศที่มีการบริหารจัดการได้ดีเศรษฐกิจกลับขยายตัวได้อย่างมาก เช่น ในประเทศจีน เศรษฐกิจในไตรมาสแรกขยายตัวได้ถึง 18.3% หรือ ในเวียดนาม ขยายตัวถึง 4.5% และแม้แต่ในสหรัฐที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเอง ที่เศรษฐกิจปีที่แล้วติดลบสูงสุดในรอบ 74 ปี ที่ -3.5% แต่ปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐคาดว่าจะขยายตัวถึง 6.4% ซึ่งขยายตัวได้มากกว่าที่ตกลงมามาก แต่เศรษฐกิจไทยกลับแทบไม่ฟื้นตัวเลย โดยน่าจะขยายตัวได้ไม่ถึง 2% และหากพลเอกประยุทธ์ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้เศรษฐกิจไทยนอกจากจะไม่ฟื้นแล้วยังอาจจะติดลบได้อีก ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างแสนสาหัส โดยหอการค้าได้ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจว่าจะมีถึง 4.5 แสนล้านบาทในการระบาดรอบที่ 3 นี้

แม้รัฐบาลจะพยายามปฏิเสธมาตลอด แต่สถานะการเงินการคลังของประเทศอยู่ในสภาวะที่ไม่ดีนักและมีความเสี่ยงสูง หนี้สาธารณะของไทยน่าจะพุ่งเกิน 60% หนี้ภาคครัวเรือนทะลุ 90% ตามที่เคยเตือน อีกทั้ง รัฐบาลกู้มากกว่าลงทุน และ ยังลดงบประมาณลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่อันตรายต่อเศรษฐกิจ และการที่รัฐบาลบริหารเศรษฐกิจย่ำแย่มาตลอดหลายปี ทำให้การเก็บรายได้ของรัฐลดลงมาก ในข่วง 5 เดือนของปีงบประมาณ รัฐบาลก่อหนี้เพิ่มแล้วกว่า 6 แสนล้านบาท ในขณะที่บริษัทห้างร้านปิดตัวกันมาก คนจะตกงานกันอีกมาก หนี้เสียในระบบธนาคารสูงขึ้นเรื่อยๆ และจะเป็นปัญหาเพิ่มอีกมากในอนาคต แม้ไทยจะยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงแต่ด้วยความไม่มั่นใจในรัฐบาลเริ่มมีมากขึ้นทำให้เงินทุนเรื่มไหลออก การเกิดการระบาดในรอบ 3 จะให้ภาวะการเงินการคลังของประเทศยิ่งจะย่ำแย่ลงกว่าเดิม

สาเหตุของการระบาดทั้ง 3 ครั้งมาจากคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ตั้งแต่ครั้งแรกที่สนามมวย ที่นายทหารที่รับผิดชอบกลับได้เลื่อนตำแหน่งหลังจากเรื่องเงียบ ครั้งที่ 2 จากบ่อนการพนัน ที่ส่งลูกชายมาเป็นอนุกรรมาธิการ และการขนแรงงานเถื่อนที่โยงใยกับคนในรัฐบาล และครั้งล่าสุดเกิดจากสถานบันเทิงอโคจรที่คนเชื่อกันว่ามีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าไปเที่ยวกันหลายท่าน จนถูกขนานนามว่าเป็น “ไทยคู่ฟ้าคลับ” จนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาฟ้องคนตั้งชื่อแก้เก้อ แต่กลับไม่กล้าจัดการกับ ครม. ที่ไปเที่ยวสถานที่อโคจร จนทำให้เกิดการแพร่ระบาดกันอย่างมากในตอนนี้ แต่เจ้าของสถานที่ที่แท้จริงกลับไม่ถูกดำเนินคดี เรื่องเหล่านี้จึงทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะมีการแพร่ระบาดอีกหรือไม่ เพราะพลเอกประยุทธ์ไม่จริงจังในการลงโทษคนกระทำผิด ที่เชื่อว่าจะเป็นพวกเดียวกันกับรัฐบาล

ดังนั้นเมื่อพิจารณาย้อนหลังจะพบว่ารัฐบาลบริหารงานล้มเหลวมาตลอด ไม่ถูกตำหนิไม่ยอมแก้ไข บริหารประเทศโดยการโดนด่า และไม่เคยคิดล่วงหน้าขาดวิสัยทัศน์อย่างรุนแรง แม้แต่เรื่องวัคซีนที่เป็นเรื่องใหญ่เป็นความเป็นความตาย ที่เป็นทั้งเรื่องสาธารณสุข และเป็นการฟื้นเศรษฐกิจ รัฐบาลยังไม่ใส่ใจ รัฐบาลใช้เงินมากมายในการเยียวยา แต่กลับไม่ใช้เงินในการจัดหาวัคซีนตั้งแต่แรก เป็นความผิดพลาดอย่างไม่น่าอภัย การระบาดได้กระจายไปอย่างมากขนาดมีข่าวเตียงพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆเต็มกันหมดแล้ว โดยต้องขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ขาดหลักคิดทางการค้า ปัจจุบันรัฐบาลดีใจกับการแจกเงินอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดเลยว่าประเทศมีการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นไหม ธุรกิจเก่าๆ ก็ค่อยๆ เจ๊งลงไปเรื่อยๆ แล้วอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร คงไม่ต้องพูดถึง ในภาวะวิกฤตไวรัสโควิดรอบใหม่นี้ จึงอยากเสนอแนวทางออกของประเทศไทยทั้งในระยะสั้นและในระยะปานกลาง ทั้งหมด 6 แนวทางดังนี้

1.พลเอกประยุทธ์จะต้องเร่งเยียวยาประชาชนโดยด่วน โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนด่าก่อนค่อยคิดเยียวยา ประชาชนลำบากกันอย่างมากอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอการระบาดรอบ 3 กันอีก และต้องยอมรับความจริงว่าการระบาดส่วนหนึ่งมาจากคนในรัฐบาลด้วย และการระบาดครั้งนี้ทำท่าจะรุนแรงและยืดเยื้อ แม้จะไม่ประกาศล็อกดาวน์ แต่การห้ามกิจกรรมหลายอย่างก็ไม่ต่างจากล็อกดาวต์แล้ว ดังนั้นจึงขอเสนอให้เยียวยาประชาชนเดือนละ 5,000 บาท จำนวน 3 เดิอน โดยจ่ายเป็นเงินสด ไม่เอาแบบโอนเงินเหมือนครั้งที่ผ่านมา  ซึ่งถึงแม้ว่าหนี้รัฐบาลจะพุ่งสูง แต่ต้องเอาประชาชนให้รอดก่อน หลังจากเยียวยาแล้ว พลเอกประยุทธ์ควรจะต้องออกไปได้เลย เพราะพลเอกประยุทธ์หมดสภาพที่จะบริหารประเทศแล้ว ซึ่งจะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้แล้ว การแถลงข่าวล่าสุดของพลเอกประยุทธ์แสดงถึงความหมดสภาพอย่างชัดเจน

2.รัฐบาลจะต้องเร่งหาวัคซีนมากระจาย การฉีดให้กับประชาชนโดยเร็ว ไม่ว่าด้วยวิธีใด และต้องมีหลายยี่ห้อ หลายประเทศผู้นำจะติดต่อบริษัทโดยตรงเพื่อเจรจาแบ่งปันขอซื้อวัคซีน เรื่องนึ้ได้เตือนแล้วหลายหน แต่รัฐบาลก็ยังผิดพลาดซ้ำซ้อน ทั้งโลกไม่ได้พูดถึงจำนวนผู้ติดไวรัสกันแล้ว แต่จะพูดถึงเปอร์เซ็นต์ของประชากรที่ได้รับวัคซีน ซึ่งไทยล้มเหลวมากติดอันดับท้ายๆเลย และยังต้องมากังวลกับปริมาณคนติดไวรัสกันอยู่เลย ในขณะที่ประเทศอังกฤษ คนอังกฤษสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติแล้ว หลังจากมีการกระจายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องมีแผนงานการกระจายฉีดวัคซีนอย่างชัดเจนเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ

3.เร่งช่วยเหลือธุรกิจ SME การให้ซอฟท์โลนอย่างเร่งด่วนหลังจากปล่อยธุรกิจ SME ตามยถากรรมมาเป็นปีแล้ว การรักษาธุรกิจเดิมไว้ และ ต้องเร่งสร้างธุรกิจใหม่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งปัจจุบันธุรกิจใหม่ก็ไม่ได้สร้าง ธุรกิจเก่าก็มีแต่จะเจ๊งไป ประเทศไทยดูเหมือนไร้อนาคต คิดได้แต่จะแจกเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจอย่างเดียวโดยไม่มีปัญญาที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเลย

4.เร่งสร้างความมั่นใจให้กลับมาโดยเร็ว ซึ่งพลเอกประยุทธ์ไม่สามารถทำได้แล้ว ยิ่งเหตุการณ์ในประเทศเมียนมาร์มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ภาพลักษณ์ของไทยก็พลอยเสื่อมเสียไปด้วย เพราะในสายตาของต่างชาติประเทศไทยในปัจจุบันไม่ต่างจากประเทศเมียนมาร์ เพียงแต่ยังไม่ได้ฆ่าประชาชนเพิ่มขึ้นเหมือนเผด็จการพม่าเท่านั้นเอง ยิ่งพลเอกประยุทธ์อยู่ต่อไป เศรษฐกิจไทยจะยิ่งเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ ซึ่งเสื่อมถอยมาตลอดเกือบ 7 ปีแล้ว

5.เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาหลักของประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยบางเรื่องยังแย่กว่ารัฐธรรมนูญของพม่าเสียอีก รัฐธรรมนูญพม่ายังแต่งตั้งแค่ 25% แต่ของไทยมี สว. โหวตนายกถึง 1 ใน 3 (เท่ากับ 33.33%)เลย และต้องเลิกอ้างรัฐธรรมนูญเหมือนเผด็จการพม่าอ้างรัฐธรรมนูญพม่าได้แล้ว เพราะรัฐธรรมนูญมาจากอำนาจเผด็จการเหมือนกัน

6.เร่งสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับประเทศ โดยการปล่อยนักศึกษาและแกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขัง ทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุด อีกทั้งต้องให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ
"เป็น 6 แนวทางเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยความจริงจะมีหลายแนวทางฟื้นเศรษฐกิจอีกมาก แต่พลเอกประยุทธ์คงไม่เข้าใจ และคงจะปิดกั้นการรับรู้ จึงขอเสนอเฉพาะเท่าที่จำเป็นและควรเร่งแก้ไข ก่อนที่ไทยจะย่ำแย่ไปกว่านี้" นายพิชัย ระบุ. 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"