ปัญหาหลายๆ ด้านของประเทศที่ปรากฏเห็นชัดเช่น เช่น ทุจริตคอร์รัปชัน อาชญากรรม การเสพและค้ายาเสพติด ทะเลาะวิวาท ฯลฯ ที่บัดนี้ลุกลามลงมาที่กลุ่มเด็กและเยาวชนไทยอย่างรวดเร็วแล้ว เบื้องต้นประเมินได้ว่าเป็นเพราะขาดการปลูกฝังค่านิยมด้านการสร้างวินัย คุณธรรมและจริยธรรม ที่อาจยังไม่เพียงพอจึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนจะต้องรีบแก้ไขเร่งด่วน
ด้วยเหตุนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม “ค่ายเยาวชนปิดเทอมสร้างสรรค์ ตอน เปิดกล่องแห่งการเรียนรู้ ผู้นำคุณธรรม 4.0” โดยเลือกตัวแทนของสภาเด็กและเยาวชน 70 จังหวัด และแกนนำเยาวชนจาก 4 ภูมิภาค จำนวน 160 คน เข้าร่วมกิจกรรม จัดขึ้นที่หมู่บ้านผู้หว่าน จ.นครปฐม เมื่อไม่นานนี้
(สุทธิ จันทรวงษ์)
นายสุทธิ จันทรวงษ์ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พม. กล่าวว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาคนสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้กำหนดสมรรถนะคนไทยในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะคุณลักษณะของคนในประเทศที่มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม จะมีส่วนสำคัญที่จะฝ่าวงล้อมวิกฤติที่เกิดขึ้นได้ จึงวางเป้าหมายพัฒนาให้คนไทยมีคุณธรรมที่พึงประสงค์ 5 ประการคือ ความพอเพียง มีวินัย สุจริต จิตอาสา และรับผิดชอบ โดยเฉพาะเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชน และแกนนำกลุ่มเยาวชนที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงคุณธรรม 4.0 ให้เห็นผลในกลุ่มเครือข่ายเยาวชน เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชน และประเทศให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ
นายสุทธิกล่าวต่อว่า ตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศญี่ปุ่น มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนโดยสร้างคุณลักษณะพึ่งประสงค์ เช่น คนญี่ปุ่นมีระเบียบวินัย และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ขณะที่ประเทศมาเลเซียได้กำหนดคุณลักษณะของคนในชาติไว้ใน “พิมพ์เขียวยุทธศาสตร์ชาติมาเลเซีย” หรือ Malaysia Blueprint ที่เน้นความสามัคคีของคนในชาติ โดยกำหนดวิสัยทัศน์ 2020 ไว้ว่า เสริมสร้างความสามัคคี และความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและเป็นระบบ เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ที่กำหนดคุณลักษณะของคนในชาติในแผนการศึกษาชาติไว้ว่า “โรงเรียนนักคิด ชาติแห่งการเรียนรู้” ดังนั้นการสร้างคนของประเทศให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญที่จะช่วยพัฒนาให้ประเทศเจริญก้าวหน้า
(ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม)
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นสถานการณ์คุณธรรมของสังคมไทย โดยศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมกับศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ระหว่างวันที่ 1-20 สิงหาคม 2559 จำนวน 2,166 คน พบว่า ปัญหาวิกฤติด้านคุณธรรมที่มีความรุนแรงในสังคมไทย อันดับ 1 คือ ปัญหาความซื่อสัตย์ สุจริต การทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 20.73 อันดับ 2 ปัญหาขาดความสามัคคี เกิดความขัดแย้งในสังคม ร้อยละ 19.3 อันดับ 3 ปัญหาจิตสำนึกสาธารณะ ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ร้อยละ 14.69 อันดับ 4 ปัญหาขาดระเบียบวินัย ไม่เคารพกติกา กฎหมาย ร้อยละ 12.51
สำหรับคุณธรรมที่เยาวชนไทยควรได้รับการปลูกฝัง 5 อันดับ พบว่า ร้อยละ 76.59 เป็นเรื่องระเบียบวินัยมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 75.35 ความซื่อสัตย์ สุจริต ร้อยละ 57.94 น้ำใจ/เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ร้อยละ 52.82 ความกตัญญูกตเวที และร้อยละ 47.51 ความขยันหมั่นเพียร ผลการสำรวจสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อสร้างกระบวนทัศน์และหลักคิดใหม่ของคนไทย โดยสร้างคุณลักษณะพึงประสงค์ 5 ข้อ รวมถึงนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน
สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดขับเคลื่อนการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างผู้นำในสภาเด็กและเยาวชน เพราะเชื่อในพลังของเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ หรือเป็น Change Agent ที่สำคัญ โดยนำแนวคิดและรูปแบบที่ได้จากค่ายจะเป็นตัวอย่างกิจกรรมในการขยายผลต่อเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ และเป็นการส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในช่วงปิดเทอมต่อไป
(ศตวรรษ จันทร์รักษ์)
ด้านน้องก๊อต-ศตวรรษ จันทร์รักษ์ อายุ 19 ปี รองประธานสภาเด็กและเยาวชน จังหวัดพัทลุง บอกว่า ตนเองมีความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม “ค่ายเยาวชนปิดเทอมสร้างสรรค์ ตอน เปิดกล่องแห่งการเรียนรู้ ผู้นำคุณธรรม 4.0” เนื่องจากสะดุดใจตั้งแต่ชื่อค่าย ซึ่งเป็นเรื่องของคุณธรรมที่ทางภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ให้การรณรงค์กันอยู่ จึงอยากเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้นำที่มีคุณธรรม แล้วนำความรู้ไปถ่ายทอดในพื้นที่และส่งต่อให้กับน้องๆ แกนนำสภาเด็กและเยาวชนในจังหวัดของเราเพื่อขยายผลต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยสิ่งที่อยากจะปลูกฝังให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ก็คือเรื่องของทุจริตคอร์รัปชัน หากแก้ไขการสร้างคนให้เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ ประเทศของเราก็จะพัฒนาขึ้นได้อย่างแน่นอน
(กชกร รุ่งสว่าง)
ขณะที่น้องแบม-กชกร รุ่งสว่าง อายุ 23 ปี ประธานสภาเด็กและเยาวชน จังหวัดนครนายก บอกว่า ในเรื่องของผู้นำคุณธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก การที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมค่ายครั้งนี้จึงอยากนำความรู้จากผู้จัดกิจกรรมอย่าง สสส.และ พม.ในการถ่ายทอดองค์ความรู้นำไปต่อยอดในพื้นที่ชุมชนของตนเอง โดยสิ่งที่ตนอยากจะปลูกฝังให้กับเยาวชนก็คือ เรื่องของวินัย และความพอเพียง เพราะสังคมของเราปัจจุบันนี้มีสิ่งยั่วยุมาก ดังนั้นหากเรามีวินัยในตัวเอง และรู้จักอยู่อย่างพอเพียง ก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น มีความรับผิดชอบต่อทั้งตัวเองและผู้อื่น และจะไม่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นด้วย
เมื่อเด็กและเยาวชนได้รับการสร้างวินัย คุณธรรมและจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะเป็นผู้นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญทางด้านวัตถุและจิตใจอย่างแน่นอน.
ห้องเรียนพ่อแม่สัญจร
กระตุ้นเลี้ยงลูกเชิงบวก
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิ เครือข่ายครอบครัว จัดกิจกรรม “ห้องเรียนพ่อแม่สัญจร ตอน เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ” โดยมีครอบครัวเข้าร่วมถึง 50 ครอบครัว จัดขึ้นที่โรงแรมพาวิลเลี่ยน ริมแคว รีสอร์ท อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันนี้พ่อแม่ ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่ต้องทำงานนอกบ้าน ทำให้เด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเทคโนโลยี อาทิ โทรทัศน์ เกม คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ต หรือฝากการดูแลรับผิดชอบเรื่องการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกไว้กับสถาบันพัฒนาการเด็ก สสส.เห็นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพในเด็ก โดยเฉพาะตั้งแต่วัยแรกเกิดถึงอายุ 6 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่เด็กจะเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มีทักษะและพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างเต็มศักยภาพ โดยจัดกิจกรรม “ห้องเรียนพ่อแม่สัญจร ตอน เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ” สนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวัยของรัฐบาล สามารถสร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงกระตุ้นให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง โดยเน้นการสร้างวินัยเชิงบวก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ได้แก่ รศ.นพ.ศิริไชย หงส์สงวนศรี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เข้าร่วม
“สสส.จัดกิจกรรมห้องเรียนพ่อแม่ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมแล้วกับการเดินทางต่อ โดยจัดกิจกรรม “ห้องเรียนพ่อแม่สัญจร ตอน เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ” ใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ 1.ภาคตะวันตก ที่ จ.กาญจนบุรี 2.ภาคใต้ ที่ จ.สงขลา 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.อุบลราชธานี 4.ภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และ 5.ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อขยายฐานความรู้ความเข้าใจเรื่องพัฒนาการลูกไปยังพ่อแม่ทั่วประเทศ รวมถึงสร้างแรงกระตุ้นให้เห็นถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกเชิงบวก และกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับลูก ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2561” นางเบญจมาภรณ์กล่าว
รศ.นพ.ศิริไชย หงส์สงวนศรี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า พัฒนาการที่ดีเริ่มต้นที่พ่อแม่และผู้ปกครอง จึงไม่อยากให้กังวลว่าการที่ลูกจะมีพัฒนาการที่ดีจะต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมากหรือมีเวลาที่มาก แต่มีจุดเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน ด้วยกิจกรรมธรรมดาที่เติมความรัก ความเข้าใจ ความเอาใจใส่และความสม่ำเสมอ อาทิ เล่นกับลูก อ่านกับลูก ชวนลูกพูดคุย พาลูกท่องเที่ยว ซึ่งแฝงความมหัศจรรย์ที่ช่วยให้สมองและพัฒนาการของเด็กในหลายด้านถูกกระตุ้นอย่างที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึง ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการคงอยู่ของสิ่งต่างๆ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการสื่อสารระหว่างกัน ฝึกการจดจำข้อมูล และเกิดสายสัมพันธ์ความผูกพันในหัวใจของลูก เพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กเป็นศูนย์กลาง การสบตา การใช้เสียงสูงต่ำ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำให้ถักทอสายสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โทรศัพท์ 0-2933-9750 หรือ www.thaihealth.or.th.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |