"จตุพร" ลั่นต้องเอา "ประยุทธ์" ออกให้ได้ กลัวจะอยู่ต่ออีก 6 ปี ฟันธงคนที่เข้ามาใหม่ไม่มีทางเหมือน "ประยุทธ์" แน่นอน เพราะจะอ่อนแอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นร้อยเท่า ยัน 24 เม.ย. จัดม็อบแน่ แต่เป็นม็อบในโซเชียลฯ
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งดำเนินคดีกับตนและอีก 18 คน กรณีจัดให้มีการชุมนุมที่บริเวณอนุสรณ์สถานพฤษภา 35 สวนสันติพร เมื่อวันที่ 4, 5 และ 7 เมษายนที่ผ่านมา ในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยระบุว่า ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ การใช้อำนาจรัฐอย่างขาดสติของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นจะมีมากขึ้นตามลำดับ วันนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ข่าว โดยระบุว่าจากการจัดเวทีปราศรัยที่สวนสันติพร พฤษภาคมประชาธรรม จะแจ้งความผิดตาม พ.ร ก.ฉุกเฉิน โดยจะดำเนินคดีวันละ 1 คดี รวม 3 คดี
ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา มีการชุมนุมทางการเมืองของ 3 กลุ่ม หากนับที่มีการชุมนุมขณะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันละ 1 คดี ก็จะมีคดีกันจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ตนได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลว่ามีลักษณะเช่นนี้ด้วยหรือ ก็บอกว่าจะไปหารือกับศาลและอัยการ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ได้มีการขออนุญาตกันตามลำดับ
นายจตุพรกล่าวว่า ได้ย้อนไปดูคลิปเก่าที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในการแจกอาหารช่วยเหลือประชาชนในครั้งแรก ซึ่งระหว่างนั้นเป็นการระบาดของ covid-19 ในรอบที่ 2 โดยตนได้แสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลพึงกระทำคือ การป้องกันไม่ให้มีการระบาดในระลอกที่ 3 แต่สุดท้ายก็มีการระบาดภายใต้สถานที่ที่มีการกำกับดูแลโดยพลเอกประยุทธ์ ตั้งแต่การระบาดรอบแรกในสถานบันเทิงทองหล่อ เพราะทองหล่อ ผู้ที่ดูแลคือตำรวจ และคนคุมตำรวจก็คือพลเอกประยุทธ์ สนามมวยลุมพินี กองทัพบกเป็นผู้ดูแล และคนคุมก็คือพลเอกประยุทธ์ เพราะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่พลเอกประยุทธ์ไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย
"ดังนั้นวันนี้เราได้อธิบายกันชัดเจนว่า ปัญหาของประเทศซึ่งต้องทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายว่าหากไม่เอาพลเอกประยุทธ์ออกไปนั้น ปัญหาทุกอย่างจะแก้ไขไม่ได้ รวมถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญด้วย แต่หลายคนก็บอกว่าเอาประยุทธ์ออกไปได้คนใหม่เข้ามาก็เหมือนประยุทธ์อีกนั้น ผมเชื่อว่าไม่มีทางจะเหมือนแน่นอน เพราะคนที่เข้ามาใหม่อย่างไรก็จะอ่อนแอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นร้อยเท่า"
นายจตุพรกล่าวว่า ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ลองทบทวนช้าๆ ดูว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ว่าจะในฐานะแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี 15 ปีนี้พลเอกประยุทธ์ได้รับผลประโยชน์สูงสุดทั้งหมด และที่สำคัญที่สุด หากพลเอกประยุทธ์ยังต้องการอยู่ในอำนาจต่อไป การเลือกตั้งครั้งหน้าภายใต้กติกานี้ พลเอกประยุทธ์ก็จะเข้ามาอีกหากพลเอกประยุทธ์ยังอยู่ ดังนั้น 2 ปีที่เหลือนี้ และอีก 4 ปีข้างหน้า พลเอกประยุทธ์จะอยู่ต่อไปอีก 6 ปี แต่คนที่มาใหม่จะรู้ว่าไม่กล้าทำแบบพลเอกประยุทธ์และจะอ่อนแอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นร้อยเท่า และการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะเกิดขึ้น
หากเราไม่รวบรวมประชาชนแต่ละฝ่ายก็จะสู้ได้ยาก หากเราต้องการเป้าหมายชัยชนะ และการต่อสู้ครั้งนี้มีความละเอียด เพราะหลังจากปี 53 เป็นต้นมา เราไม่ได้เเข็งแรงเท่าเดิม แต่พวกผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันนั้นมายังวันนี้ เขาเเข็งแรงมากกว่าเดิม และมีกำลังที่มากกว่าเดิมหลายเท่า หากไม่เข้าใจสัจธรรมข้อนี้เราจะสู้ยาก และวันนี้เป็นอีกวันที่ทุนผูกขาดได้รับประโยชน์สูงสุด การทุจริตคอร์รัปชันเต็มแผ่นดิน การแพร่ระบาด covid-19 ในรอบนี้ หากเป็นรัฐบาลปกตินายกรัฐมนตรีต้องลาออกไปแล้ว เพราะตั้งแต่รอบแรกจนรอบ 3 มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจอยู่ในมือพลเอกประยุทธ์ แต่บอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
นายจตุพรกล่าวต่อว่า เราในฐานะที่เป็นคนเข้าใจสถานการณ์ ได้ประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 7 เมษายน แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้ระบอบประยุทธ์ลอยนวลอยู่ต่อไปได้ จึงนัดหมายกันว่า วันที่ 24 เมษายนนี้จะจัดในรูปแบบโซเชียลมีเดีย โดยทางคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้เช่าสถานที่ห้องประชุมใหญ่ พีซทีวี และอนุญาตให้เฉพาะสื่อมวลชนเข้าไปฟังเท่านั้น ส่วนประชาชนให้รับฟังการถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลตามช่องทางสื่อสารมวลชนต่างๆ
"ดังนั้น ฯพณฯ ท่าน ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ออกมาไล่กัดและด่าเข้าตัวเองอยู่นั้น ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด รวมถึงคนในรัฐบาลต้องมีสติ การเอา 3 คดีมาขู่นั้นเป็นคดีกระจอกงอกง่อยที่สุด และฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย"
นายจตุพรกล่าวถึงเรื่องสิทธิการประกันตัวของแกนนำราษฎรที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ รวมถึงการอดอาหารของนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน 2 แกนนำราษฎร โดยเชื่อว่าเสียงจากพระพยอม กัลยาโณ และเสียงจากคนที่เป็นแม่ของผู้ถูกคุมขัง หรือเสียงของประชาชน โดยส่วนใหญ่ทุกคนต้องการให้รุ้งกับเพนกวินกลับมากินข้าว แต่สิ่งที่ใหญ่กว่านั้น เรื่องจะจบลงอย่างง่ายดายคือ การอนุญาตให้มีการประกัน
เพราะท้ายที่สุด การควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดีที่ขณะนี้ใช้เวลาคุมขังมาค่อนข้างนาน หากต้องการให้จำเลยได้รับบทเรียนหรือมีแนวคิดเช่นนี้ ส่วนตัวมองว่าเขาก็ได้ซึมซับทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเพียงพอและมากแล้ว
“ปล่อยเขาออกมาเถอะ ให้คนหนุ่มสาวได้กลับมาเรียน และคืนสู่อ้อมกอดของคนเป็นพ่อแม่ที่รอด้วยความทุกข์ระทม นี่จะเป็นความเมตตาที่ใหญ่ที่สุดที่ได้สำแดงในวันที่ประเทศลำบากที่สุด พร้อมย้ำว่าประเทศนี้ไม่ควรจะมีนักโทษการเมือง” นายจตุพรกล่าวทิ้งท้าย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |