โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะยังสามารถขยายตัวได้ โดยรัฐบาลยังมีเงินเกือบ 3.8 แสนล้านบาทสำหรับนำมาใช้เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แยกเป็นเงินจำนวน 2.4 แสนล้านบาทจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท แต่เพื่อไทยมาแปลก อัดรัฐบาลล้มเหลวทุกอย่าง ตามคนอื่นไม่ทัน เพราะหลายประเทศจะสั่งยกเลิกใส่หน้ากากในพื้นที่สาธารณะแล้ว
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง ล้มและลุกทันที กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,506 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 12-17 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่า เกินกว่า 1 ใน 3 ระบุเงินในกระเป๋าช่วงโควิดรอบใหม่ ไม่พอกิน ไม่พอใช้ ทุกข์หนักมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 31.2 ระบุไม่ค่อยพอกิน ไม่ค่อยพอใช้, ร้อยละ 25.6 ระบุพออยู่ พอกิน และร้อยละ 7.6 ระบุเหลือกิน เหลือใช้ อยู่ได้สบาย
ที่น่าพิจารณาคือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงระบาดโควิดรอบใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.7 ระบุเชิดชูบุคลากรทางการแพทย์และ อสม. กระทรวงสาธารณสุข ทำงานดี เสียสละ รองลงมาคือ ร้อยละ 64.6 ระบุการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดน่าเชื่อถือ, ร้อยละ 62.6 ระบุมีการทุจริตในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ในจังหวัดทำโควิดแพร่เชื้อ, ร้อยละ 61.8 ระบุมีความเคร่งครัดบังคับใช้กฎหมายป้องกันโควิดในระดับจังหวัด, ร้อยละ 60.7 ระบุการบริหารจัดการปัญหาโควิดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และหน่วยอื่นๆ ทำได้ดี, ร้อยละ 60.5 ระบุคุณภาพการให้บริการจากเจ้าหน้าที่รัฐโดยรวมดี, ร้อยละ 59.8 ระบุคุณภาพการให้บริการเอาใจใส่ลูกค้าของธุรกิจต่างๆ โดยรวมดี, ร้อยละ 59.8 เช่นกัน ระบุการทำงานของผู้บังคับการตำรวจจังหวัดน่าเชื่อถือ, ร้อยละ 58.7 ระบุนักการเมืองลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน และร้อยละ 51.3 ระบุผลผลิตทางการเกษตรและธุรกิจด้านการเกษตรดี
นอกจากนี้ ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.5 ระบุ ผลกระทบความเสียหายในช่วงโควิดรอบใหม่อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด, ร้อยละ 35.7 ระบุปานกลาง และร้อยละ 3.8 ระบุน้อย ถึงน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 54.9 ระบุความเป็นไปได้ โอกาส ลุกขึ้นทำมาหากินต่อ ฟื้นตัวได้มากถึงมากที่สุด, ร้อยละ 34.2 ระบุปานกลาง และร้อยละ 10.9 ระบุน้อยถึงน้อยที่สุด
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ปัญหาโควิดเป็นวิกฤติของชาติ ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่าในช่วงสถานการณ์การระบาดรอบใหม่นี้ ประชาชนกว่า 1 ใน 3 เดือดร้อนและได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะในโซนสีแดงถึงแดงเข้ม อย่างไรก็ตาม เราทุกคนในสังคม ต้องช่วยเหลือกันเดินหน้าผ่านทั้งปัญหาปากท้องและการควบคุมโรคร่วมกันไปให้ได้
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวต่อว่า ปัญหาเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ต้องรวมพลังช่วยกันแก้ ไม่สร้างเงื่อนไขโทษกันไปมาให้เกิดความแตกแยก โกรธเกลียดกันในหมู่ประชาชน โดยรัฐบาลต้องคงความชัดเจนในนโยบายและเข้มกำกับขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคราชการถือว่าสำคัญยิ่ง ทุกหน่วยราชการต้องทำหน้าที่หนักขึ้น โดยถือว่าเป็นภาวะไม่ปกติ ที่ต้องดูแลประชาชน โดยเฉพาะกลไกพื้นที่ระดับท้องถิ่น ต้องเข้มแข็งเป็นแกนของสังคมและชุมชนอย่างแท้จริง เร่งขับเคลื่อนแก้ปัญหาทั้งรุกและรับ ร่วมกับเรียนรู้ปรับใช้ตัวอย่างที่ดีทั้งในและต่างประเทศ ต้องแสดงความรับผิดชอบหากปล่อยปละละเลย ขณะที่ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมต้องเรียนรู้ปรับเปลี่ยน และมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมมากขึ้น ลุกขึ้นมาเสนอแนะและมีส่วนร่วมเป็นพลังอย่างสร้างสรรค์
รัฐบาลมีเงินอีก 3.8 แสนล้าน
“ล้มแล้วลุกทันที เป็นบทพิสูจน์ความเข้มแข็งของประเทศและความท้าทายของผู้นำในทุกระดับ ทั้งนโยบายรัฐที่เข้มแข็งตรงจุดชัดเจนในมาตรการ รวมทั้งระบบราชการที่ตื่นตัวและตอบสนองทุกปัญหาทันทีอย่างทรงประสิทธิภาพ และที่สำคัญเราต้องการพลังการมีส่วนร่วมของสังคมอย่างสร้างสรรค์ที่เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ นำพาการเปลี่ยนแปลงร่วมแก้วิกฤติของประเทศไปด้วยกัน” ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าว
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะยังสามารถขยายตัวได้ในปี 2564 นี้ เนื่องจากสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ เรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดรัฐบาลสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลยังมีเงินเกือบ 3.8 แสนล้านบาทสำหรับนำมาใช้เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แยกเป็นเงินจำนวน 2.4 แสนล้านบาทจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีเงินจากงบกลางปี 2564 ในส่วนของเงินสำรองจ่ายเพื่อการฉุกเฉินและจำเป็นอีก 98,500 ล้านบาท และงบสำหรับบรรเทาโควิด-19 อีก 36,800 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำกลุ่มไทยสร้างไทย ระบุว่า ถ้าผู้นำไทยเป็นบัณฑิตเหมือนผู้นำประเทศอื่น ประชาชนคงได้รับวัคซีนกันจนใกล้เปิดประเทศแล้ว ผู้นำโง่เราจะตายกันหมดว่า น่าเศร้าใจจริงๆ ที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากคุณหญิงสุดารัตน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แคนดิเดตนายกฯ ปริญญาเอกทางด้านพุทธศาสนา แต่ไม่ได้เข้าถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย ท่านจบมาได้อย่างไร แสดงว่าท่องจำอย่างเดียว ไม่ได้คิดดีทำดีเลย จึงใช้คำแบบนี้ตำหนิผู้นำของไทย
"อยากบอกคุณหญิงสุดารัตน์ว่า ผู้นำไทยไม่ได้โง่ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำที่ทำงานเป็น และทำงานเป็นทีม มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีผลงานมากมาย ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์เป็นคนดีแบบ พล.อ.ประยุทธ์ จะทราบดีว่าบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากมายด้วยฝีมือ พล.อ.ประยุทธ์ การบริหารจัดการโควิด-19 ท่านนายกฯ ก็ทำได้ดีจนทั่วโลกชื่นชม คุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ไม่ควรออกมาดูถูกดูแคลนคนอื่น อย่ามองคนอื่นโง่หมด มีแค่ตัวเองที่ฉลาดอยู่คนเดียว ถ้าเป็น ส.ส.ประเภทห้อยโหนก็ว่าไปอย่าง ที่ผ่านมาคำแนะนำที่ดีที่เป็นประโยชน์ของคุณหญิงสุดารัตน์รัฐบาลก็ดำเนินการอยู่ ตนเสียดายที่คุณหญิงสุดารัตน์สลัดสายพันธุ์เพื่อไทยไม่ออก ที่ผ่านมาประเทศเจอผู้นำเก่งแต่โกง ประชาชนยังจำได้ดี สร้างตราบาปไว้กับประเทศมากมาย คุณหญิงสุดารัตน์เองก็น่าจะจำได้ดี"
นายธนกรกล่าวอีกว่า กรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาจับผิด พล.อ.ประยุทธ์กรณีเรียกชื่อวัคซีนผิด โดยระบุว่าสะท้อนความไม่ใส่ใจจริงนั้น ตนไม่แปลกใจเลย เพราะสำหรับนายวิโรจน์ แค่ พล.อ.ประยุทธ์หายใจก็ยังผิด นายวิโรจน์ไม่เคยมองด้วยใจเป็นธรรม พล.อ.ประยุทธ์ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ห่วงใยพี่น้องประชาชน ทุ่มเททำงานอย่างมาก ให้ดูที่ผลงาน อย่าจุกจิกจับผิดไร้สาระ ให้มองที่เนื้องานที่ทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
"สำหรับผม คุณวิโรจน์ด้อยค่ามาก โลเล กลับไปกลับมา เชื่อถือไม่ได้ ดีแต่พูดแบบนักโต้วาที ปากบอกว่าจะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนประชาชน แต่พอสภาให้ฉีดก็รีบประกาศจะไปฉีด พอโดนโซเชียลถล่มว่ากลืนน้ำลายตัวเอง ก็ยังไปแต่ไม่กล้าฉีด สะท้อนให้เห็นถึงความโลเล ไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้ ปากกับใจไม่ตรงกัน เป็นได้แค่แขกรับเชิญ เป็นพระเอกในใจประชาชนเหมือน พล.อ.ประยุทธ์คงไม่ได้ ดังนั้นคุณวิโรจน์ควรสงบปากสงบคำบ้างก็จะดี ไม่ใช่ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง"
ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ชี้ทางลง นายกฯ คือการลาออก ดีที่สุดสำหรับประชาชน เพราะไม่สามารถรับมือในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ได้และล้มเหลว เตียงไม่พอ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ว่าในสถานการณ์การระบาดเชื้อโควิดขณะนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ดีเท่ากับนายกฯ ประยุทธ์แล้ว แม้จะทำได้ไม่เป็นที่พอใจของใครหลายคน โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้าน แต่นายกฯ และรัฐบาลได้มีความพยายามอย่างสุดความสามารถที่แก้ปัญหานี้ก้าวผ่านไปให้ได้
นายเสกสกลยังขอให้นายสุทินมองว่าที่ผ่านมานายกฯ และรัฐบาลได้แก้ไขสถานการณ์ได้ดีอย่างไร และการระบาดครั้งนี้แม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่นายกฯ รัฐบาล ได้มีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ และมาตรการที่ออกมาพิจารณาให้เกิดผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุดด้วย อีกทั้งแม้ตามโรงพยาบาลบางแห่งจะไม่สามารถรับผู้ติดเชื้อได้ แต่ได้มีการทำโรงพยาบาลสนามในทุกจังหวัดแล้ว ยืนยันไม่ได้รักษาเฉพาะคนมีฐานะ แต่รักษาผู้ป่วยทุกคน เพราะนายกฯ ให้ความสำคัญกับประชาชนมากที่สุด และนายกฯ ไม่มีแนวความคิดทอดทิ้งประชาชนอย่างแน่นอน
"ผมมองว่าในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ นายกฯ ยิ่งไม่ควรต้องลาออก เพราะผมเองก็มองไม่ออกแล้วว่าใครจะเป็นผู้มาแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ แต่คนที่สมควรลาออกจากการเป็น ส.ส.ก็น่าจะเป็นนายสุทินหรือพรรคร่วมฝ่ายค้านมากกว่า เพราะตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ไม่แน่ใจว่าได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติไปบ้างแล้ว เป็นถึงผู้แทนประชาชน เหตุใดจึงไม่ลงมือทำอะไรเลย แต่กลับมีแต่พูดกล่าวโจมตีรัฐบาลหวังตีกินทางการเมือง แบบนี้ถือว่าเป็นผู้แทนที่ใช้ไม่ได้ ขอให้มองมุมที่ดีของนายกฯ และรัฐบาลที่ได้ทุ่มเทเสียสละทำงานแก้ไขปัญหาอย่างหนักหน่วงให้ประเทศชาติประชาชนบ้าง" นายเสกสกลกล่าว
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการตรวจโควิด-19 เชิงรุกเพื่อผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ว่าขอชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ได้ออกโครงการนี้ให้กับผู้ประกันตน เพราะเป็นโครงการที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่เป็นผู้ใช้แรงงานในระบบประกันสังคมจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกันตนได้ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนมาต่อเนื่อง ดังนั้นการที่รัฐบาลออกโครงการดังกล่าวมาดูแลถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
นายอัครเดชขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงแรงงานขยายศูนย์ตรวจเชื้อโควิด-19 ของโครงการดังกล่าวออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย ถึงเเม้ผู้ประกันตนที่อยู่ต่างจังหวัดจะสามารถลงทะเบียนได้ แต่เมื่อต้องการใช้สิทธิ์ดังกล่าวผู้ประกันตนต้องเดินทางเพื่อมาที่ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กรุงเทพมหานคร ซึ่งระยะทางไกล ดังนั้น เพื่อที่จะได้ให้บริการผู้ประกันตนในต่างจังหวัด และจะได้ลดความแออัด ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ และยังเป็นการช่วยรัฐบาลในการทำงานเชิงรุกเพื่อคัดกรองประชาชนที่มีความเสี่ยง เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกทั้งยังเป็นการลดภาระของผู้ประกันตนที่มีความเสี่ยงอีกด้วย
วอนรัฐดูแลคนกลางคืน
ด้านนายธัญวัจน์? กมลวงศ์วัฒน์? ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล? กล่าวถึงมาตรการการจัดการสถานการณ์โควิด-19 ว่า?ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564? มีการแพร่กระจายของโควิด-19 อีกระลอก ทำให้ธุรกิจกลางคืนที่เคยให้ความสุข ความบันเทิงกับผู้คนและเคยเป็นฟันเฟืองทางเศรษฐกิจที่สำคัญตลอดมาต้องปิดตัวอีกครั้ง แน่นอนว่าได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีอาชีพกลางคืนทอดต่อกันไปเป็นลูกคลื่น ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักดนตรี นักเต้น นางโชว์ พนักงานเสิร์ฟ โดยพวกเขาเหล่านี้ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรก?และคลายล็อกเป็นกลุ่มสุดท้ายมาตลอด
"อย่าเหมารวมให้พวกเขาทั้งหมดต้องกลายเป็นแพะเซ่นความหละหลวมของภาครัฐในการจัดการพื้นที่สีเทา พวกเขาก็ต้องการการดูแลและแก้ปัญหาเช่นกัน อาชีพคนกลางคืนไม่ว่าจะแขนงไหนไม่ต่างจากคนทำงานกลางวัน? มีภาระค่าใช้จ่ายมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูและมีภาระหนี้สินที่ต้องชำระ ประกอบกับมาตรการของรัฐที่ไม่อนุญาตให้มีการนั่งดื่มแอลกอฮอล์ และให้ปิดสถานบันเทิงประเภทผับ บาร์ ทำให้คนหาค่ำกินเช้า หรือคนกลางคืน ล้วนได้รับผลกระทบโดยตรง?"
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือในการปิดสถานบันเทิงเนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่สิ่งที่สำคัญคือ พวกเขาจะหายใจต่อไปได้อย่างไร
นอกจากนี้ นายธัญวัจน์ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดการงบประมาณ โดยระบุว่า ได้เคยอภิปรายงบประมาณปี 2564 เกี่ยวกับประเด็นการเพิ่มอัตราการเกิด นอกจากสถานเลี้ยงเด็กซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ และได้พูดถึงการมีอัตราการจ้างงาน 2 แสนตำแหน่งในการดูแลเด็กทั่วประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว จนถึงวันนี้คิดว่ารัฐควรให้ความสำคัญกับการจ้างงานและการออกแบบงานให้ชุมชนได้มีอัตราการจ้างงานที่ดูแลคนในชุมชนด้วยกันเอง
ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานนำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เตรียมจ้างงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดไว้ 2 แสนอัตรา ?ถือเป็นข่าวดีแก่พี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าเป็นเพียงการเยียวยาส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเป็นเพียงการประสานงานกับภาคธุรกิจเป็นหลัก แต่สิ่งที่ขาดไปคือฝ่ายรัฐและฝ่ายท้องถิ่นต้องประสานงานกันเพื่อแบ่งงบประมาณท้องถิ่นมาเป็นอัตราจ้างงาน ออกแบบงานดูแลชุมชน ซึ่งในแต่ละชุมชนนั้นย่อมมีความแตกต่างกันออกไป
"การเยียวยาเป็นครั้งคราวเป็นการแก้ปัญหาได้ในเพียงระดับหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วรัฐต้องให้ความสำคัญกับการสร้างงานระดับชุมชนมากขึ้น เพราะในอนาคต หุ่นยนต์จะแทนแรงงานคนจำนวนมาก จะมีเพียงงาน สร้างสรรค์ งานสันทนาการ และ งานคนดูแลกัน จะเป็นงานที่หุ่นยนต์แทนไม่ได้ และนี่มันอาจถึงเวลาที่รัฐควรให้ความสำคัญกับงานในชุมชนที่สนับสนุนโดยการจัดสรรงบส่วนท้องถิ่น หรือส่วนกลางก็ได้"
นายธัญวัจน์ระบุอีกว่า ในช่วงเวลาวิกฤติขนาดนี้ การจ้างไม่ต้องกลัวเสียเปล่า การออกแบบงานสร้างสรรค์ในชุมชน ไม่ว่าอย่างไรเมื่อเงินเข้ากระเป๋าประชาชนแล้ว เขาก็ออกมาจับจ่ายใช้สอย หรือเอาเงินฝากธนาคาร ดังนั้น เม็ดเงินก็ยังไหลเวียนอยู่ในประเทศ อยากให้ทดลองงานนำร่อง 6 เดือน ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ เพราะน่าจะช่วยต่อลมหายใจคนที่ตกงานได้มากขึ้นนอกเหนือจาก 2 แสนตำแหน่งที่กระทรวงแรงงานเตรียมไว้ โดยน่าจะทำได้อีกถึง 3 แสนตำแหน่งทั่วประเทศ ซึ่งงานลักษณะนี้ นักร้อง นักดนตรี ก็อาจจะเหมาะสมกับงานสันทนาการในชุมชนที่เป็นงานใหม่ๆ วิธีใหม่ๆ ที่ทำให้ให้ทุกคนมีความสุขในช่วงเวลาเศร้าๆ แบบนี้ได้?
มีบางประเทศจะให้ถอดหน้ากาก
ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โควิดระบาดระลอกแรกรัฐบาลบอกว่าโควิดกระจอก เป็นแค่โรคหวัดโรคหนึ่ง หลังแถลงแล้วร้องไห้กลับบอกใหม่ว่าไทยมีวัคซีนในมือมากที่สุดในเอเชีย แต่จำนวนคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนมีสัดส่วนเกือบต่ำที่สุดในอาเซียน แผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย จะเริ่มมีการฉีดในปริมาณมากในเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือว่าล่าช้าไปมาก ในขณะที่หลายประเทศเตรียมยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะแล้ว หลังมาตรการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 รุดหน้าเป็นอย่างมาก ประเทศไทยยังสอบสวนโรค จี้ให้เปิดเผยไทม์ไลน์ เพราะมีปัญหาเรื่องการจัดหาวัคซีนที่ตัวเลือกน้อยไม่เพียงพอ ทั้งที่รัฐบาลควรเปิดเผยไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ชัด
เขากล่าวว่า การปล่อยให้โควิดระบาดถึง 3 ระลอก ทุกระลอกรัฐบาลการ์ดตก และมีคนของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องเสียเอง ยิ่งระบาดมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งได้เห็นการบริการจัดการที่ล้มเหลวของรัฐบาล ส่งผลกระทบทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ถ้าจะอ้างรัฐบาลต้องอยู่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ครบอาจไม่จำเป็น ประกอบกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหาการแก่งแย่งเพื่อเข้าสู่อำนาจในพรรคพลังประชารัฐ การนัดหมายชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มการเมืองภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ จะออกมาเคลื่อนไหวกดดันขับไล่รัฐบาลอย่างหนัก หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกหรือยุบสภา สถานการณ์การอาจดีขึ้น เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำลายความเชื่อมั่นลงด้วยตัวรัฐบาลเองทุกวัน
“การบริหารจัดการโควิดที่ก่อนหน้านี้ พยายามแก้เกี้ยวว่าติดน้อย เสียชีวิตน้อย วันนี้กลายเป็นจุดอ่อน พูดไม่ได้แล้ว ลามถึงวิกฤติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความขัดแย้งภายในรัฐบาล การเมืองภาคประชาชนกดดันขับไล่ รัฐบาลอาจไปก่อนฉีดวัคซีนให้คนไทยได้ครบ” นายอนุสรณ์กล่าว
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการประเมิน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูฯ พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจฯ และ พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินฯ หรือเรียกรวมว่า พ.ร.ก. 1.9 ล้านล้าน ที่มีผลบังคับใช้ครบรอบ 1 ปีว่า ซึ่งถือเป็นอาวุธหลักและอาวุธเดียวที่ประเทศไทยมี กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เป็น 1 ปีที่สูญหาย เต็มไปด้วยปัญหา ไม่เข้าใจบริบท ยิงไม่ตรงเป้า ผิดหลักการ ในขณะที่ต้องการอัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบ ประชาชนหิวโหย เอกชนต้องการสภาพคล่อง เงินที่ลงสู่ระบบจริงกลับน้อยนิด สวนทางกันกับความต้องการนั้นโดยสิ้นเชิง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |