18 เม.ย.64-นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีตำรวจแจ้งดำเนินคดีกับตนและอีก 18 คน กรณีจัดให้มีการชุมนุมที่บริเวณ อนุสรณ์สถานพฤษภา 35 สวนสันติพร เมื่อวันที่ 4, 5 และ7 เมษายนที่ผ่านมาในข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในหัวข้อ  3 คดีว่า ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้การใช้อำนาจรัฐอย่างขาดสติของ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น จะมีมากขึ้นตามลำดับ วันนี้ทาง บช.น.ให้ข่าวระบุว่าจากการจัดเวทีปราศรัยที่สวนสันติพรพฤษภาคมประชาธรรม จะแจ้งความผิดตามพ.ร ก.ฉุกเฉินฯ โดยจะดำเนินคดี วันละ 1 คดี รวม 3 คดี ซึ่งหากมองย้อนกลับไป ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา มีการชุมนุมทางการเมืองของ 3 กลุ่ม หากนับมีการชุมนุมขณะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ วันละ 1 คดีก็จะมีคดีกันจำนวนมาก  อย่างไรก็ตาม ตนได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลว่ามีลักษณะเช่นนี้ด้วยหรือ ก็บอกว่าจะไปหารือกับศาล และอัยการ ซึ่งจริงๆแล้วก็ได้มีการขออนุญาตกันตามลำดับ  

นายจตุพร กล่าวว่า ได้ย้อนไปดูคลิปเก่าที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในการแจกอาหารช่วยเหลือประชาชนในครั้งแรก ซึ่งระหว่างนั้นเป็นการระบาดของโควิด-19 ในรอบที่ 2 โดยตนได้แสดงความคิดเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลพึ่งกระทำ คือการป้องกันไม่ให้มีการระบาดในระลอกที่ 3 แต่สุดท้ายก็มีการระบาดภายใต้สถานที่ที่มีการกำกับดูแลโดยพล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่การระบาดรอบแรกในสถานที่บันเทิงทองหล่อ เพราะทองหล่อผู้ที่ดูแลคือ ตำรวจ  และคนคุมตำรวจก็คือ พล.อ.ประยุทธ์   สนามมวยลุมพินี กองทัพบกเป็นผู้ดูแล และคนคุมก็คือพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย 

"เราได้อธิบายกันชัดเจนว่า ปัญหาของประเทศซึ่งต้องทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายว่าหากไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ออกไปนั้นปัญหาทุกอย่างจะแก้ไขไม่ได้รวมถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญด้วย แต่หลายคนก็บอกว่า เอาประยุทธ์ออกไปได้คนใหม่เข้ามาก็เหมือนประยุทธ์อีกนั้น ตนเชื่อว่าไม่มีทางจะเหมือนแน่นอน เพราะคนที่เข้ามาใหม่อย่างไรก็จะอ่อนแอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นร้อยเท่า  หากเราไม่รวบรวมประชาชนแต่ละฝ่ายก็จะสู้ได้ยาก หากเราต้องการเป้าหมายชัยชนะ และการต่อสู้ครั้งนี้มีความละเอียด เพราะหลังจากปี 53 เป็นต้นมา เราไม่ได้เเข็งแรงเท่าเดิม แต่พวกผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันนั้นมายังวันนี้ เขาเเข็งแรงมากกว่าเดิม และมีกำลังที่มากกว่าเดิมหลายเท่า หากไม่เข้าใจสัจธรรมข้อนี้เราจะสู้ยาก  และวันนี้เป็นอีกวันที่ทุนผูกขาดได้รับประโยชน์สูงสุด การทุจริตคอรัปชั่นเต็มแผ่นดิน การแพร่ระบาดโควิด-19 ในรอบนี้ หากเป็นรัฐบาลปกตินายกรัฐมนตรีต้องลาออกไปแล้ว เพราะตั้งแต่รอบแรกจนรอบ 3 มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อำนาจอยู่ในมือพลเอกประยุทธ์ แต่บอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด"
  
นายจตุพร กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนเข้าใจสถานการณ์ ได้ประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 7 เม.ย.แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้ระบอบประยุทธ์ลอยนวลอยู่ต่อไปได้ จึงนัดหมายกันว่าวันที่ 24 เม.ย.นี้จะจัดในรูปแบบโซเชียลมีเดีย โดยทางคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้เช่าสถานที่ห้องประชุมใหญ่ พีซทีวี  และอนุญาตให้เฉพาะสื่อมวลชนเข้าไปฟังเท่านั้น ส่วนประชาชนให้รับฟังการถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลตามช่องทางสื่อสารมวลชนต่างๆ 
ดังนั้น พณฯ ท่านดร. เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ออกมาไล่กัดและด่าเข้าตัวเองอยู่นั้นฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด รวมถึงคนในรัฐบาลต้องมีสติ การเอา 3 คดีมาขู่นั้นเป็นคดีกระจอกงอกง่อยที่สุดและฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย