25 พ.ค.61 - ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีข้าราชการตำรวจซึ่งปฎิบัติราชการอยู่ในพื้นที่ จ.เลย รวมกว่า 10 นาย เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุระชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 โดยมี พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแทน
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารหนังสือร้องเรียน และการหารือร่วมดับข้าราชการตำรวจที่เป็นผู้แทนจาก ภ.จว.เลย ที่เดินทางมาร้องเรียนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยที่เข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ ทั้งหมดจำนวน 194 ราย รวมเป็นเงิน 229,476,804 บาท โดยจากการตรวจสอบรายละเอียดในหนังสือร้องเรียนและจากการพูดคุยกับข้าราบการตำรวจทีเดินทางเข้าร้องเรียนทราบว่าเมื่อปีงบประมาณ 2560 ช่วง ม.ค.- ก.ค.2560 ข้าราชการตำรวจใน สังกัด ภ.จว. เลย จำนวน 194 นาย เป็นสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย และได้เข้าร่วมโครงการกู้รวมหนี้ของสหกรณ์รวมวงเงิน 229,476,804 บาท โดยการกู้เงินของสหกรณ์นำไปชำระปิดบัญชีจากเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินต่างๆจากภายนอก โดยให้ข้าราชการตำรวจซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์เป็นหนี้กับสหกรณ์เพียงแห่งเดียว เพื่อป้องกันมิให้สมาชิกสหกรณ์ซึ่งเป็นลูกหนี้รวมทั้งผู้ค้ำประกันเสี่ยงต่อการถูกเจ้าหนี้ดังกล่าวฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งจะส่งผลให้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามรับราชการตำรวจตามกฎ ก.ตร. โดยสมาชิกแต่ละรายกู้รวมหนี้ได้ไม่เกินคนละ 4 ล้านบาท ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาขณะนั้น เป็นประธานสหกรณ์ฯ ที่ได้คิดโครงการบริหารหนี้ขึ้นมา
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวต่อว่าในขั้นตอนการดำเนินงานนั้นได้มีการประชุมชี้แจงสมาชิก โดยเสนอผลประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ คือ 1. พล.ต.ต.สุทิพย์จะรับผิดชอบนำเงินไปผ่อนชำระสถาบันเงินเจ้าหนี้ให้เป็นประจำทุกเดือน จนปิดบัญชียอดหนี้ทั้งหมด เมื่อถึงระยะเวลาสิ้นสุดตามโครงการ 3 ปีนับแต่วันเข้าร่วมโครงการ และ 2. พล.ต.ต.สุทิพย์ จะจ่ายเงินค่าตอบแทนแก่สมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาทต่อยอดเงินที่สมาชิกเข้าร่วมโครงการ คือ 1 ล้านบาทหรือตามอัตราส่วนร้อยละ 5000 เป็นประจำทุกเดือน จนสิ้นสุดโครงการ โดยจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระหนี้ให้แก่สหกรณ์เป็นการตัดยอดหนี้เงินต้นคงเหลือ หลังจากที่สหกรณ์ได้หักเอาเงินต่างๆของสมาชิกเป็นรายเดือนตามปกติแล้ว เพื่อจะได้ทำให้ยอดหนี้ของสมาชิกที่มีอยู่กับสหกรณ์มีจำนวนลดลงเป็นประจำทุกเดือน
3. เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามโครงการ 3 ปีนับแต่วันเข้าร่วมโครงการ พล.ต.ต.สุทิพย์ จะคืนเงินให้แก่สมาชิกร้อยละ 50 ของยอดเงินที่เข้าร่วมโครงการ เช่น เข้าร่วมโครงการ 1 ล้านจะได้คืน 500,000 ตามอัตราส่วนของสมาชิกแต่ละคนโดยจะนำไปตัดหนี้สินเงินคงเหลือที่สมาชิกมีอยู่กับสหกรณ์เพื่อจะได้ทำให้ยอดหนี้ของสมาชิกที่มีอยู่กับสหกรณ์มีจำนวนน้อยลงหรือหมดสิ้นไป
และข้อที่ 4. หากสมาชิกผู้ใดไม่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการอีกต่อไป พล.ต.ต.สุทิพย์จะนำเงินไปปิดบัญชีที่สมาชิกเป็นลูกหนี้แก่สถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ดังกล่าวให้โดยทันที หากแต่ข้อผิดพลาดเกิดจาก พล.ต.ต.สุทิพย์ ไม่ใช่ความผิดของสมาชิก พล.ต.ต.สุทิพย์ ก็ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว ที่กล่าวข้างต้นโดยการนำเงินไปปิดบัญชีหนี้สินให้แก่สมาชิกตามจำนวนเงินที่เข้าร่วมโครงการ และต้องคืนเงินให้แก่สมาชิกร้อยละ 50 ของยอดเงินที่เข้าร่วมโครงการ
รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า ข้าราชการตำรวจได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ แต่อยู่กลับได้รับการทวงหนี้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ว่ามีการค้างชำระหนี้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 เป็นต้นมา และธนาคารออมสินตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นมาและธนาคารกรุงไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นมานอกจากนี้ยังมีจากบริษัทไฟแนนซ์รถยนต์ที่สมาชิกกำลังผ่อนชำระอยู่ได้ติดตามทวงถามให้ชําระหนี้และจะยึดรถเป็นจำนวนมาก เมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่สหกรณ์โดยเผฉพาะคณะทำงานของ พล.ต.ต.สุทิพย์ กลับได้รับคำตอบกลับมาว่าระบบการเบิกจ่ายเงินถูกล็อคกำลังแก้ไขระบบอยู่สมาชิกแจ้งขอยกเลิกการเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้กับพล.ต.ต.สุทิพย์ โดยขอให้นำเงินที่สมาชิกเข้าร่วมโครงการไปชำระปิดบัญชีให้แก่สมาชิกทันที แต่เมื่อไปตรวจสอบกับสหกรณ์แล้ว สหกรณ์แจ้งว่า ไม่เคยได้รับตั้งแต่สมาชิกเข้าร่วมโครงการเลย
" สมาชิกซึ่งเป็นลูกหนี้และผู้ค้ำประกันได้ถูกสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้ทวงหนี้อย่างหนัก เป็นหนี้ ธอส. ก็จะถูกยึดบ้าน รถยนต์ที่ผ่อนชำระอยู่ก็จะยึดรถ ส่วนผู้ที่เป็นหนี้ธนาคารกรุงไทย ก็ถูกธนาคารหักเอาเงินที่มีอยู่ในบัญชีไปจนหมด เพราะทั้งเงินเดือนเบี้ยเลี้ยงและค่าตอบแทนต่างๆที่หน่วยงานโอนเข้าบัญชีให้จะโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย ถึงแม้ยังมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีก็ไม่สามารถเบิกถอนออกมาได้
เมื่อธนาคารอายัดเงินในบัญชีไว้ ทำให้สมาชิกและครอบครัวรวมทั้งผู้ที่จะต้องพึ่งพาสมาชิกในการดำรงชีพต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเพราะไม่มีเงินที่จะมาจุนเจือครอบครัวและค่าใช้จ่ายของบุตรหลานที่กำลังจะเปิดเทอม ตำรวจหลายคนต้องไปขอกู้ยืมเงินนอกระบบ เพื่อไปชำระหนี้ค้างไว้ เพราะธนาคารจะยื่นฟ้องบังคับหนี้"
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อมีผู้เดือดร้อนเข้าร้องเรียนก็ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งในระบบราชการนั้น การตรวจสอบก็ต้องตั้งกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ใช้เวลาการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทั้งนี้ผู้ถูกร้องเรียนเป็นข้าราชการระดับสูงของสำนักวานตำรวจแห่งชาติ บช.ภ.4 ไม่หนักใจ เพราะความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจจำนวนมาก ต้องว่ากันตามหลักฐาน และไม่กล่าวหาใครง่ายๆ อีกทั้งข้าราชการหากทำผิดก็ถูกดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย ผิดอาญาก็ดำเนินคดีทางอาญา ผิดวินัยก็ว่ากันไปทางวินัย และไม่รู้สึกหนักใจ อีกทั้งต้องตรวจสอบด้วยว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ หรือถ้าเกี่ยวพัน เชื่อมโยงกับบุคคลในหลายภาคส่วน ก็จะประสาน ปปง.ปปช.เข้ามาตรวจสอบร่วมกัน และภายหลังรับหนังสือร้องเรียนแล้วจะทำรายงานถึง ผบ.ตร.เพื่อพิจารณา ในความเดือดร้อนของตำรวจด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |