"ลุงดุลย์" อ้อนวอน "หนูกวิ้น" หยุดทำร้ายตัวเอง เลิกอดข้าวรักษาชีวิตไว้ต่อสู้ในอนาคต ยัน ม.112 ต้องมีไว้ แต่ควรเน้นปรับทัศนคติคนเห็นต่างทางอุดมการณ์ "จตุพร" ให้ "บิ๊กตู่" รับผิดชอบต่อการอดอาหารของคนหนุ่มสาว กางไทม์ไลน์โควิดคลี่คลาย นับแต่ 24 เม.ย. คณะสามัคคีประชาชนจะมีกิจกรรมกันอีก ซัดรัฐบาลทำบ้านเมืองเกิดหายนะ มีการทุจริตโกงกินเต็มบ้านเต็มเมือง
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย กล่าวถึงการเรียกร้องให้นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามความผิดมาตรา 112 มาตรา 116 เลิกอดอาหาร หยุดการอดข้าวประท้วง ว่าอยากให้เพนกวินหยุดทำร้ายตัวเองด้วยการอดข้าว อยากให้รักษาชีวิตไว้ก่อน เพื่อต่อสู้ตามอุดมการณ์ในอนาคต เพราะอายุยังน้อย การต่อสู้ยังอีกยาวไกล ไม่สมควรที่จะมาเสียสละชีวิตในตอนนี้ โดยตกหลุมพรางการใช้ไอโอของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยบอกว่าจะไม่ใช้ม.112 แต่ปัจจุบันกลับมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งการแจ้งความในฐานความผิดตาม ม.112 นั้น ควรเป็นหน้าที่การพิจารณาของอัยการสูงสุด (อสส.) กับสำนักพระราชวัง ไม่ใช่ใครจะเป็นผู้เสียหายไปแจ้งความว่าใครมีความผิดตาม ม.112 ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนเสียหายกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นภาระของกระบวนการยุติธรรม แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
“ในอดีตถึงปัจจุบันมีคนที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่ออุดมการณ์มีเยอะแล้ว แม้กระทั่งลูกชายของลุงเองที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ รสช. แต่จะต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าว่ามีน้ำหนักที่จะต้องเสียสละชีวิตมากน้อยแค่ไหน เพราะเพนกวินอาจจะต้องเป็นแกนนำของบ้านเมืองในอนาคต ในขณะที่ลุงเป็นไม้ใกล้ฝั่ง อีกไม่นานก็จะเป็นอดีตไปแล้ว จึงได้แต่อ้อนวอนลูกหลานว่าอย่าเอาชีวิตมาแลกแบบนี้เลย ให้เอาชีวิตของลุงไปจะดีกว่าที่จะเอาอนาคตของชาติไปก่อนวัยอันควร” นายอดุลย์กล่าว
นายอดุลย์กล่าวว่า ในเรื่อง ม.112 ไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิก ควรเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดกับสำนักพระราชวังว่าจะพิจารณาว่าจะฟ้องใครหรือไม่ และควรเน้นการปรับทัศนคติกับผู้ถูกกล่าวหาเพราะเป็นเรื่องความเชื่อทางการเมือง ในอดีตมีแต่คนบ้ากันคนเมาที่โดนข้อหานี้ แต่ปัจจุบันมีคนถูกกล่าวหาจำนวนมาก เมื่อเป็นเรื่องความเชื่อในเรื่องอุดมการณ์ หากมีการจำคุกแล้วมีการปรับทัศนคติจนเข้าใจดีแล้วว่ากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงรักและห่วงใยราษฎรของพระองค์แค่ไหน ก็ไม่ควรถูกจองจำอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่ควรกำหนดโทษขั้นต่ำ 3 ปีแบบปัจจุบัน บางคนที่ถูกกล่าวหาเมื่อปรับทัศนคติแล้วติดคุก 1 เดือน หรือ 1 ปี ก็ควรปล่อยออกมาให้อยู่ร่วมกับสังคมได้ เพราะการเอาคนที่เห็นต่างไปคุมขังนานๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนความคิดเขาได้
“คนธรรมดายังมีกฎหมายปกป้องตนเอง ใครดูหมิ่นใส่ร้ายก็มีกฎหมายหมิ่นประมาทคุ้มครอง แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์จะไม่มีกฎหมายคุ้มครองได้อย่างไร ในฐานะประมุขสุดของประเทศ ใครจะล่วงละเมิดไม่ได้ แต่จะให้พระองค์ไปฟ้องราษฎร ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะพระองค์ทรงรักราษฎรทุกคน ในหลวง ร.9 ทรงเคยมีพระราชดำริว่าสถาบันพระมหากษัตริย์สามารถวิจารณ์ได้ แต่ไม่ใช่การดูหมิ่นเหยียดหยามแบบปัจจุบันนี้ จึงเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดกับสำนักพระราชวังในการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ ไม่ใช่ปล่อยให้ตำรวจรับแจ้งความแล้วฟ้องแบบมั่วซั่วเช่นในปัจจุบัน จนทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องเดือดร้อน” นายอดุลย์กล่าว
หลังสงกรานต์ไล่"บิ๊กตู่"ต่อ
ประธานญาติวีรชนฯ กล่าวด้วยว่า หลังเหตุการณ์พฤษภา’35ตนต่อสู้กับเผด็จการ รสช.ทุกรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปถึงองค์การสหประชาชาติ จนถึงปี 2542 ถึงชนะแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งช่วงนั้นตนไม่ใช่นายอดุลย์แบบคนธรรมดาทั่วไปเพราะถูกมองว่าเป็นบุคคลอันตราย จะทำมาค้าขายกับใครก็ลำบาก จนต้องเปลี่ยนชื่อถึงมาอยู่ในสังคมแบบปกติได้อีก จึงอยากนำประสบการณ์ของตัวเองมาบอกลูกหลานด้วยความห่วงใยในฐานะอนาคตของชาติ อยากให้รักษาชีวิตไว้ จึงขออ้อนวอนพิจารณาด้วยความถ่องแท้ ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรก็ไม่ขัดขวาง เคารพในการทำหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าจะต้องมาทำหน้าที่ไล่เผด็จการระบอบประยุทธ์ในยามใกล้ฝั่ง แต่ก็จำเป็นเพื่ออนาคตของลูกหลานเช่นกัน
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk โดยย้ำถึงโควิดระบาดรุนแรงทั้ง 3 ครั้ง ล้วนเป็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาด หย่อนยาน ปล่อยปละจากหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ทั้งสิ้น
“ถึงวันนี้ประยุทธ์ยังไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ถ้าประยุทธ์มีความรับผิดชอบแล้ว การระบาดของโควิดจะทำอะไรประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาประยุทธ์ได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินรวบอำนาจทุกอย่างมาอยู่ที่ประยุทธ์คนเดียว แต่โควิดกลับระบาดรุนแรงถึง 3 ครั้ง”
นายจตุพรทบทวนว่า การระบาดครั้งแรกที่สถานบันเทิงทองหล่อและสนามมวยลุมพินี ครั้งที่สองเป็นการระบาดจากบ่อนการพนันที่ระยอง พร้อมมีแรงงานเถื่อนทะลักตามแนวชายแดน แล้วมาถึงครั้งที่สามเกิดจากสถานบันเทิงทองหล่ออีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากประยุทธ์บริหารผิดพลาดซ้ำซาก แต่ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย แล้วยังจะมีหน้ามายกย่องกันอีกหรือ?
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ ตนอยากเห็นวุฒิภาวะการเป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบของประยุทธ์ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา เพราะประเทศต้องการนายกฯ ที่ทุ่มเทเสียสละด้วยการกระทำ ไม่ใช่เอาแต่พูดอย่างเดียว
พร้อมทั้งกล่าวว่า วันนี้คนไทยได้รับผลกระทบจากความเสียหาย บ้านเมืองเกิดหายนะ มีการทุจริตโกงกินเต็มบ้านเต็มเมือง ดังนั้น เมื่อโควิดคลี่คลาย นับแต่ 24 เม.ย.นี้ไป คณะสามัคคีประชาชนจะมีกิจกรรมกันอีก แต่หากโควิดยังไม่คลี่คลาย ก็จะใช้ช่องทางสื่อสารกับประชาชน โดยจะชี้ถึงความเสียหายที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นนับแต่เกิดการระบาดของโควิดภายใต้การรวบอำนาจและหน่วยงานบังคับบัญชาของประยุทธ์
“ยิ่งหน่วยงานรัฐบาลให้ข่าวในลักษณะที่ทำให้คนตื่นกลัว โดยทั้ง 3 รอบนั้นไม่ควรเกิดเลย ดังนั้น ประยุทธ์ต้องกล้ารับผิดชอบสูงสุด อย่าเอาแต่ประโยชน์ทางการเมืองฝ่ายเดียว ทั้งที่ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ยิ่งประยุทธ์ทำงานหาความสำเร็จสักเรื่องแทบไม่มี รวมทั้งไม่เคยทำตามคำมั่นสัญญาด้วย แถมด้อยประสิทธิภาพ หย่อนยาน ปล่อยให้เกิดทุจริตเต็มบ้านเมืองอีก”
นายจตุพรกล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนต้องสามัคคีกัน แม้เป็นสิ่งที่ยากที่สุด แต่ถ้าประชาชนไม่สามัคคีกันแล้ว จะต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ โดยเฉพาะการแก้ รธน. ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าประยุทธ์ยังอยู่ในตำแหน่งนายกฯ เพราะต่อให้คนไทยทั้งประเทศเซ็นชื่อเป็นล้านคน หากวุฒิสภาไม่ออกเสียง 84 เสียงให้ก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่มีประยุทธ์ ตนเห็นด้วยการเรียกร้องทุกข้อ แต่วันนี้ประยุทธ์คือปัญหาของชาติ
ส่วนคนหนุ่มสาวอดอาหารอยู่ในเรือนจำนั้น นายจตุพรกล่าวว่า คนหนุ่มสาวจิตใจเข้มแข็ง เรือนจำต้องเฝ้าทุกวินาที หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด จะทำให้เหตุการณ์ข้างนอกเรือนจำลุกเป็นไฟได้
“สิ่งที่คนหนุ่มสาว 2 คนแสดงให้เห็นด้วยความเด็ดเดี่ยวนั้น ผมวาดหวังว่าพวกเขาต้องได้รับการประกันตัว เพราะเขาเป็นคนไทย เป็นอนาคตของบ้านเมือง แต่คนที่เป็นแม่จะทนทุกข์ทรมานมากกับการอดข้าวของลูก ผมจึงหวังว่าใต้สถานการณ์นี้ เราคงช่วยผ่อนคลายบรรยากาศ คนที่กระเหี้ยนกระหือรือไม่ให้ปล่อยตัวนั้น ควรส่งเสียงพอกันได้แล้ว ผมหวังว่าควรให้พวกเขาได้ประกันตัว การคุมขังควรเพียงพอได้แล้ว”
นายจตุพรย้ำว่า คนต้องรับผิดชอบหลักกับการอดอาหารของคนหนุ่มสาวนั้นคือประยุทธ์ ที่พูดจนทำให้คนหลงเชื่อว่าไม่เอาความผิด ม.112 และทำให้สถาบันฯ ได้รับผลกระทบสูงสุด ดังนั้น คนหนุ่มสาวควรได้รับการประกันตัว สิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้สึกของสังคมควรมีจิตใจเมตตาต่อกัน ตนจึงหวังว่าเขาควรได้รับอิสรภาพในเวลาไม่นานนี้
“ใต้สถานการณ์แบบนี้ เราควรมีหัวใจให้แก่กัน ขอให้เปิดพื้นที่การแสดงความเห็นแตกต่างได้ หากประยุทธ์บริหารความแตกต่างไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |