หนุ่มเหนือคนซื่อสู่ศิลปินระดับตำนาน ถนอม สามโทน เผยวีรกรรมดังแล้วเหลิงจนเสียงาน แถมยังเคยหมดตัวเพราะทำธุรกิจ งานนี้เจ้าตัวบอกว่าชีวิตดีขึ้นได้เพราะภรรยาที่ครองรักกันมายาวนานกว่า 17 ปี อีกทั้งยังเล่าประสบการณ์เกือบตายเพราะเมาหนัก โดยทั้งหมดนี้ ถนอม สามโทน จะมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน31
สมัยก่อน สามโทน ดับขนาดไหนทสำเร็จขนาดไหน?
ถนอม : ยุคนั้นใครที่ขายได้ล้านตลับถือว่ามีน้อยมากนะ มีไม่ค่อยเยอะ ชุดแรกก็ขายได้ล้านตลับ ขึ้นรถเมลก็ได้ยินเพลงตัวเอง
เห็นว่าไปเดินสายหอบเงินไม่หวาดไม่ไหว?
ถนอม : สมัยนั้นปี 2530 ต้นๆ ตอนนั้นก็มีปิดวิกขายบัตร คนมาซื้อบัตรก็จะมีแบงก์ย่อย แบงก์ 20 แบงก์ 50 คนขายก็หอบเงินเก็บไว้ พอเล่นคอนเสิร์ตเสร็จเขาก็เอาเงินนี้แหละมาให้
ก่อนเริ่มต้นเป็นสามโทน คุณอาเป็นเมมเบอร์คนสุดท้าย?
ถนอม : ครับ เข้ามาในวงเป็นคนสุดท้าย จริงๆ แล้วคุณธงชัยไปที่บริษัทคีตา จะไปขอทำเทปศิลปินเดี่ยว แล้วทางผู้บริหารตอนนั้นเขาบอกว่าถ้าเดี่ยวมันจะยากหน่อย น่าจะเป็นกลุ่ม เป็นกรุ๊ป พี่บุ๋มบิ๋มทำงานอยู่ที่นั่นพอดี เป็นครีเอทีฟอยู่ เขาก็เลยเล็งเห็นพี่บุ๋มบิ๋มชอบร้องเพลงเล่นๆ ก็เลยเอามาจะเป็นดูโอ้กับพี่ธง ทีนี้เขาคงไปคิดต่ออีกว่าน่าจะเป็น 3 สองคนไม่น่าจะรอด คราวนี้ผมเอาเพลงไปขายที่บริษัท แล้วเขาซื้อเพลงไป 3-4 เพลง เขาเอาเพลงนี้ไปฟัง พอฟังปุ๊บ เขาชอบเสียงคนร้อง เรียกไปดูตัวหน่อยว่าหน้าตาเป็นยังไง
พอเข้าไปเขาจับเซ็นสัญญาทันที?
ถนอม : ยังๆ เขาเอารูปถ่ายก่อน หน้าตามันธรรมดา คนบ้านนอกเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ๆ หล่อก็ไม่ใช่ ขี้เหร่ก็ไม่เชิง หน้ากลางๆ เขาขอรูปถ่ายไปติดบอร์ดไว้นานเป็นเดือน สองเดือน แล้วเขาโทรมาให้เข้าบริษัท บอกว่ามาทำเพลงด้วยกัน
แล้วพอได้ออกอัลบั้มกับสามโทนอยู่กันนานแค่ไหน?
ถนอม : ที่ดังๆ พีคๆ ก็ 2-3 ปี นอกนั้นก็มีเฟดลงๆ
สมัยก่อน ก่อนเข้ากรุงเทพฯ คุณอาทำไร่ ทำนา อยู่ที่จังหวัดแพร่?
ถนอม : ครับ แต่หลักๆ เล่นดนตรีและร้องเพลง กลางวันถ้าไม่มีงานก็ไปช่วยพ่อแม่ทำไร่ ทำสวน ไถ่นา ทำนา หลักๆ ที่บ้านมีรายได้จากการเล่นดนตรีและร้องเพลงพอจุลเจือครอบครัวได้ แต่ว่ามันไม่เป็นแก่นสาร มันไม่มีจุดมุ่งหมาย
อาจริงหรือเปล่าตอนเด็กๆ จนถึงขนาดไม่มีรองเท้าใส่ไปโรงเรียน?
ถนอม : จริงครับ อย่าว่าแต่รองเท้าเลย รองเท้าแตะก็ยังไม่มีเลย เดินเท้าเปล่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงชั้นประถมอะไรไม่รู้ถึงได้มีรองเท้าใส่
พอเราโต เริ่มดัง พอได้เงินเป็นก้อน แล้วเอาเงินไปลงทุน แต่มันผิดพลาดมากๆ เลย?
ถนอม : ใช่ อันนี้บอกก่อนเราเป็นศิลปิน ถนัดสร้างแต่ศิลปะ ร้องเพลง เล่นดนตรี ทีนี้อยากไปทำธุรกิจแล้ว มันเป็นโรงงานเครื่องปักจักรที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เครื่องนึงจะมี 10-15 หัว แต่เราเป็นศิลปินเราไม่รู้หลักการทำธุรกิจ เราไม่ได้เรียน ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย
ขาดทุนไปเท่าไหร่?
ถนอม : บอกว่าเยอะดีกว่า ลงทุนประมาณ 7 หลัก แล้วหายไปหมดเลย ไม่เหลือสักหลักเลย ตอนนั้นทำอยู่ปีกว่า
ตอนนั้นทำไมอาถึงตัดสินใจทำ ในเมื่อคนอื่นเขาไปทำอย่างอื่นกัน?
ถนอม : อยากมีอะไรที่นอกจากวงการบันเทิงแล้ว มัอะไรที่มันมั่นคงแล้ว
พอมันพังแบบนี้ ตอนนั้นเครียดไหม?
ถนอม : เครียดสิ
ถือว่าหมดตัวเลยไหม?
ถนอม : หมดตัวๆ มันหลายอย่าง นอกจากจะทำธุรกิจไม่เป็นการดำเนินชีวิตด้วย มันไม่ค่อยถูกต้อง ไม่เป็น
เห็นว่าตอนที่เครียด นอนร้องไห้เลย?
ถนอม : ก็มีครับ ร้องไห้เยอะ เมื่อก่อนอยู่บ้านนอกประมาณ 1-2 พอมาเป็นสามโทนปุ๊บขึ้นไปเป็น 100 แต่พอมันตกลงมา มันไม่มาที่ 1-2 ไง มันลบไปเลย ตอนแรกว่าถ้าไม่เป็นนักร้องแล้วก็กลับไปอยู่บ้านได้เหมือนเดิม ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่นี่มันหายไปหมดเลย มันก็เลยเครียด
ทีนี้แยกวงกันหมดแล้วสามโทน อามีปัญหาเรื่องธุรกิจ เพื่อนๆ ได้มาให้คำแนะนำไหม?
ถนอม : ตอนนั้นต่างคนก็แยกกันทำงาน เราก็ไม่ค่อยให้เพื่อนรู้ เราก็จะเก็บๆ เอาไว้
พอธุรกิจมันไม่รอด อาก็เลยตัดสินใจกลับไปแพร่บ้านเกิด?
ถนอม : ครับ แต่จริงๆ ก็ไปๆ มาๆ นี่แหละ ผมหายไปจากวงการประมาณ 2 ปีได้มั้ง นอกจากเขามาจ้างให้เล่นละครบ้าง
ติดเหล้าหนักมาก คำว่าหนักของคุณอาคือเท่าไหร่?
ถนอม : หนักมากเลย เวลาผมดื่ม ผมจะดื่มแบบไม่เหมือนชาวบ้าน ชาวช่อง จะว่าแอลกอฮอร์ลิซึ่มก็ไม่เชิงนะ แต่ว่ามันต้องดื่มอยู่ตลอด พอดื่มแล้วก็ดื่มยาวไปเรื่อยๆ บางทีทั้งคืนตื่นเช้ามาดื่มต่อ นี่เป็นเหตุนึงที่ทำให้การดำเนินชีวิตไม่รุ่งเรือง ธุรกิจล้มด้วย
เคยดื่มรันยาวติดต่อกันทั้งหมดกี่วัน?
ถนอม : หลายวัน หลายคืน อย่างนี้ก็มี
ถึงขั้นเสียงานไหม?
ถนอม : เสียมากเลย สมมติว่ามีงานถ่ายละคร เราก็ไปแบบไม่เต็ม หรือไปไม่ทันบ้าง แล้วบทก็ไม่ค่อยแม่น คนอื่นก็จะเสียเวลา หน้าตาก็โทรมๆ มีกลิ่นละมุดด้วย ทำให้ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
ดื่มหนักถึงขั้นช็อกเลยเหรอ ตอนนั้นเป็นอะไร?
ถนอม : ดื่มแล้วไม่พัก มันช็อกเหมือนจะหยุดหายใจ เรี่ยวแรงก็ไม่มี นั่งอยู่ในห้องน้ำมันเหมือนจะหยุดหายใจไปเอง มันเหมือนจะตาย
แล้วตอนนั้นรอดมาได้ยังไง?
ถนอม : ผมใช้วิธีสวดมนต์ ในขณะที่จะหายใจไม่ออกผมก็สงดมนต์ ถ้าพูดในทางวิทยาศาสตร์ผมสูดสายใจเข้าไป เอาลมเข้าไปเยอะๆ เหมือนกับปั๊มหัวใจ พอออกซิเจนเข้าไปในร่างกายเยอะๆ ผมเลยฟื้นขึ้นมาแล้วไม่ตาย
ไปหาหมอไหม?
ถนอม : ไม่ไป
ขนาดมอเตอร์ไซค์คว่ำยังไม่ไปหาหมอ คว่ำเมื่อไหร่?
ถนอม : ก่อนหน้าช็อก มอเตอร์ไซค์คว่ำตอนแรกไม่รู้หรอกว่าเป็อะไรบ้าง แต่รู้ว่าเจ็บมาก หายใจก็เจ็บ แต่ไม่ได้ไปหาหมอ กินยาแก้ปวด ถ้ามันมากๆ ก็กินเหล้า ตอนเมาๆ มันก็หายไปพักนึง แต่พอหมดฤทธิ์เหล้ามันก็เจ็บอีก หายใจก็เจ็บ คืออายเขา ไม่กล้าไปบอกใคร ไม่กล้าไปหาหมอ คือทำเอง มารู้ทีหลังตอนไปเช็กอัพร่างกายประจำปี หมอบอกปอดมีผังพืด กระดูกซี่โครงเคยหักใช่ไหม 2 ซี่ ไหปลาร้าเคยหักใช่ไหม สรุปคือไหปลาร้าหัก กระดูกซี่โครงไปทิ่มปอด ถึงว่าผมหายใจก็เจ็บ ไอก็เจ็บ ตอนนานแล้วครับ หลายปีแล้ว ตอนนั้นก็ตกใจนะ ทำไมกูไม่ตายวะ ตอนนี้ออกกำลังกายหนักๆ บางท่าก็ยังมีความรู้สึกอยู่
ณ วันนี้ยังติดเหล้าอยู่ไหม?
ถนอม : ไม่ติดแล้ว เลิกสำมะเลเทเมาหลายปีแล้ว แต่ว่านานๆ ทีก็มีตามสังคมนิดๆ หน่อยๆ ไม่ดื่มคนเดียวแล้ว เมื่อก่อนไม่ต้องการเพื่อนก็ได้ ดื่มคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องง้อใคร ตอนเลิกใหม่ๆ พอถึงเวลามันก็เปรี้ยวปากของมันเอง ใหม่ๆ ใช้เวลาเลิกอยู่หลายครั้งนะ ตอนอยู่คนเดียวเลิกหลายครั้ง แต่มันไม่ค่อยได้สักที ได้เป็นช่วงๆ แล้วก็กลับมาอีก ตอนที่ยังไม่มีแฟนนะ
แต่ชีวิตก็ยืนขึ้นได้ เพราะมีคนพิเศษคนนึง?
ถนอม : ภรรยาที่อยู่ด้วยกันนี่แหละ คุณจุ๋ม สุกัญญา เขามีทำให้ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย จากที่ติดลบ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะขึ้นมาเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้ ดีกว่าตอนที่เป็นหนุ่มๆ ตอนที่ดังๆ พีคๆ นี่ไม่ดังมาก แต่ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย
ตอนนั้นเจอกันได้ยังไง?
ถนอม : จริงๆ แล้วเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บ้านอยู่ตรงข้ามกัน จริงๆ แอบชอบเขาตั้งแต่ตอนเป็นสาวๆ แล้ว แต่ตอนนั้นไม่กล้าเท่านั้นเอง ตอนนั้นเราไม่มีความมั่นคงในชีวิตเราเล่นดนตรี เป็นนักร้อง ขายจินตนาการไปวันๆ มันไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต เราก็เลยไม่กล้าแสดงออกมา แอบชอบเฉยๆ
แล้วมาโป๊ะกันได้ไง?
ถนอม : หลังจากชีวิตที่ย่ำแย่ กลับบ้านก็เลยนึกถึง เขายังเป็นโสดอยู่ จริงๆ น้องชายเขา มาบอกว่าพี่ยังโสดอยู่ คงรู้ว่าเราแอบชอบ แล้วเห็นเราแบบเขาคงสงสารเรา เราอยากมีใครสักคนที่มาช่วยดูแลชีวิต หาเงินมาได้ก็ไม่มีใครดูแล เวลานอน กิน ไม่มีใครมาคุย ปรึกษา ชีวิตมันก็เลยไม่ไปในทางที่ควรจะไป เวลาไปทางนี้ไม่มีใครตะล่อม ถ้ามีคู่น่าจะดีขึ้น ก็เลยนึกถึงเขาขึ้นมา ก็เลยโทรหา ปรึกษาว่ามาช่วยดูแลชีวิตให้หน่อย
สภาพตอนนั้นเราเมาด้วย คุณจุ๋มเขารับได้ไง?
ถนอม : ผมว่าเขาคงมีใจอยู่ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แต่ว่าเราไม่ได้พูดไม่ได้คุยเท่านั้นเอง แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าเราถึงจะขี้เมาอย่างนี้ จริงๆ เราเป็นคนดีนะ ก็หลายเดือนอยู่นะกว่าเขาจะตอบรับ สุดท้ายให้แม่ไปขอถูกต้องตามประเพณี บ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม พ่อกับแม่เขาไม่ว่าอะไรก็คงเห็นเราตั้งแต่เด็กแล้วละ
เขามีสั่งให้หยุดดื่มไหม?
ถนอม : เขาไม่ได้พูดอย่างนี้ เขาจะทำตัวให้เราคิดเองดีกว่า
เห็นว่าคู่นี้เรื่องทุกข์ก็มี ไม่สามารถมีลูกได้?
ถนอม : ตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆ ก็อยากมีลูก จะว่าทุกข์ไหมก็ไม่เชิงถึงกับทุกข์นะ เพียงแต่ว่าอยากมี แต่มันมีไม่ได้ เมียอยากมีลูก แต่เรามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ แต่จริงๆ แล้วเราเป็นหมัน ไปปรึกษาหมอแล้ว คุณหมอบอกว่าทำกิ๊ฟท์ได้ แต่ว่ามันจะเสี่ยงหน่อยนะ เสี่ยงทั้งลูกทั้งแม่ ลูกอาจจะไม่สมบูรณ์ พอบอกเสี่ยงผมก็เลยไม่ดีกว่า อยู่ 2 คนก็ได้
ลึกๆ คุณอาอยากมีลูกไหม?
ถนอม : ก็อยากมีทั้งคู่แหละ หมายถึงตอนแต่งงานใหม่ๆ นะ เหมือนคนทั่วไปแหละ อยากมีลูก แต่พอมันไม่มี ก็ไม่มีก็ได้ ตอนหลังมานี่ ก็ดีนะไม่มีลูกไปเห็นตัวอย่างลูกคนอื่น
อนาคตมองไวว่ายังไงกับคนสองคนนี้?
ถนอม : เราก็มองเปรียบเทียบคนอื่นด้วยว่าคนที่เขาไม่มีลูก เขาก็มีความสุขกันก็มีเยอะ บางคู่คนที่มีลูกพอถึงบั้นปลายชีวิตมาเป็นทุกข์กับลูก เป็นทุกข์กับตัวเอง ครอบครัวไม่มีใครมาดูแลเอาใจใส่ก็เยอะแยะ แต่ถ้าคนที่ไม่มีลูก เขาวางแผนชีวิตดี พอแก่ตัวมา มันก็จะลงตัวของมันเอง เช่นมีเงินมาซัพพอร์ตตัวเองได้ มีญาติ มีหลาน เราก็ต้องจุนเจือพวกนี้ไว้ด้วยแก่มาเขาจะมาดูแลเราได้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |