ประเทศไทยเนี่ย.....

            ถ้ามองแบบแยกส่วน "กลุ้มใจตายหะ"

            มันไปไม่รอด "พังแน่"!

            ต้องมองในความเป็นองค์รวมใต้จอกแหนผนึกคลุมหน้าจะเห็นผลึกระหว่างคนกับชาติเหนียวกว่ากาวตราช้าง

            เขาพระสุเมรุพังเมื่อไหร่....

            เมื่อนั้น ค่อยมาพูดเรื่องพังกับประเทศไทย!

            เพราะคนไทยนั้น พิเคราะห์ตามพฤติกรรม น่าจะเลือดผสมระหว่าง "หนุมานกับศรีธนญชัย"

            ทั้งอยู่ไม่สุข ทั้งเจ้าเล่ห์-แสนกล

            ไม่มีเรื่อง ก็จะหาเรื่อง หากับใครไม่ได้ ก็หากับพวกไทยด้วยกัน แล้วดูซี พลิกแพลง แพรวพราวลีลาในแต่ละเรื่องราวกันได้สารพัน

            แต่ไม่เคยเกินเลยไปถึงขั้น "ล่มชาติ-ล้มสถาบัน"

            ก็เพิ่งยุค "สามนิ้ว-สามสัส" นี่แหละ ซนเลยลิมิตไปถึงขั้นจะล้มสถาบัน เอาชาติบ้านเมืองไปจิ้มก้องอเมริกัน!

            ก็ดีไปอย่าง....

            ช่วยทดสอบให้เห็นว่า การบ่าไหลของ "สวะสามสัส" และจานมหา'ลัย กลุ่ม ๖ ตุลาพวกฝันค้าง "ทาสทักษิณ"

            "สวะก็คือสวะ" คงรูป

            แค่รำคาญแต่ไม่มีราคาและไม่มีน้ำหนักสะเทือนถึงฐานรากประเทศในความเป็น "คนไทยกับชาติไทย" ให้ปริแยกจากกันได้

            ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๕ ถึง พ.ศ.๒๕๖๔ มีนายกฯ มา ๒๙  คน

            ไม่มีเลยซักคน เป็นนายกฯ ที่ถูกใจคนไทย

            โดยไม่ถูกด่า ไม่ถูกไล่ให้ออกไป!

            ตั้งแต่พระยามโนฯ จนถึงพลเอกประยุทธ์ ก่อนเป็นนายกฯ ดีทั้งนั้น

            แต่พอเป็นนายกฯ เลวทั้งนั้น

            แม้กระทั่ง "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" ที่คนไทยยกย่องเป็นตำนานนายกฯ คู่ชาติ-คู่ราชบัลลังก์

            ก่อนเป็นนายกฯ เป็นทหาร-เป็นรัฐมนตรีที่ถูกใจคนไทย

            พอเป็นนายกฯ ไม่มีวันไหนที่ไม่ถูกแซะ ไม่ถูกค่อนแคะ ด่าทอ

            เรื่องเบื่อประเด็นว่า เป็นนายกฯ นานไปแล้ว ให้ออกไป มันแน่นอนอยู่แล้ว สำหรับสังคมไทยที่ "เห่อง่าย-หน่ายเร็ว"

            ทำกับป๋าถึงขั้น "ชกหน้า" ป๋ากลางงาน ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว         

            จึงเป็นอุทาหรณ์ให้หนุมานอาสาที่เข้ามาสร้างบ้าน-สร้างเมืองในตำแหน่งนายกฯ ทุกคน

            ได้เข้าใจ เพื่อทำใจ!

            นายกฯ ประยุทธ์ตอนนี้ ต้องทำใจซะว่า ตัวท่านเหมือนบาตรพระตอนสงกรานต์ "ล้นปรี่" เพราะชาวบ้านแห่ตักบาตรทำบุญ

            โควิดนั่นน่ะ ต่อให้มาเท่าเดิม ก็ถูกด่าเหมือนเดิม

            เผอิญตอนนี้ มันมามาก-มาแรงกว่าเดิม มันก็เข้าร่องแข้งไปเท่านั้น

            ผิด-ถูก ช่างมัน สรรประเด็นด่าให้จั๋งหนับไว้ก่อน เบิ้ลเป็น ๓ เท่า ๔ เท่า จากเดิม

            ทำไมต้องโทษ-ต้องด่านายกฯ?

            แล้วจะให้ด่าใครได้มันปากและปลอดภัยเพราะเขาไม่ฟ้องแน่ เหมือนด่านายกฯ ประยุทธ์ล่ะ?

            ฉะนั้น สงกรานต์ปีนี้ นายกฯ รับบุญจมหัว-จมหูไปเลย!

            ทำนาต้องกักน้ำ กระนั้น คันนายังต้องทำช่องระบายน้ำ

            ดังนั้น นายกฯ ฟังแล้วอย่ากักไว้ ระบายออกไป อย่ากักเก็บไว้ มันจะเหม็นคาวใจเปล่าๆ

            รัฐบาลน่ะ ยามชาวบ้านหงุดหงิด ทำอะไรก็ผิดไปหมดแหละ ต้องยอมเป็นกระโถนท้องพระโรงให้ชาวบ้าน

            รัฐบาลช้าไป, ทำไมซื้อวัคซีนแค่ ๒ เจ้า, ทำไมรัฐผูกขาดไม่ให้เอกชนเขาซื้อบ้าง, ทำไมไม่ฉีดกลุ่มนั้น-กลุ่มนี้ก่อน และ ทำไม...ทำไม...ทำไม....?

            ประเทศไทยนั่นน่ะ ลูกหลาน "หลวงรอบสารพัดรู้" กันทั้งนั้น เก่ง, ทำงานเป็น, ชำนาญการ กันแทบทั้งนั้น

            เว้นที่ไม่เก่งแถมโง่ มีอยู่คนเดียว

            คือนายกฯ ประยุทธ์!

            ก็ต้องยอมนะ ถือเป็นการพิสูจน์ทฤษฎีที่ลงตัว ตามที่เขาว่า "คนดี-คนเก่ง-คนมีทางเลือก" เขาจะไม่มาเป็นนักการเมืองกันนั่นแหละ

            ท่านไม่เก่ง ท่านไม่มีทางเลือก ก็ต้องก้มหน้ารับกรรมเป็นนายกฯ ต่อไป เผลอๆ ต้องรับกรรมจาก ๗ ปี ต่ออีก ๔ ปี ซะด้วยซ้ำ

            เพราะท่าน "กรรมหนัก" จริงๆ!

            อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย ขนาดนายกฯ ด้วยกัน แต่เป็นนายกฯ สัมปะแหลดในอดีต ยังกระแดะทวีตข้อความมาเสียดสีท่าน

            "........แต่วันนี้ ดิฉันกลับรู้สึก เศร้าใจ ที่ยังไม่เห็นความพยายามในการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่จะบริหารจัดการทำให้ 'ความหวัง' ของประชาชนเป็นจริง"

            นี่เป็น "ตัวเวร-ตัวกรรม" อีกตัว ที่พัวพันมือตีนท่าน คงอีกนานกว่าท่านจะ "ชดใช้กรรมเก่า" กับนางสัมปะแหลดนี้หมด!

            ดูสังคมระส่ำด้วยโควิดแล้ว....

            อยากเล่านิทานพื้นบ้านเชิงเปรียบเทียบเรื่อง "ไอ้สามมือปาม-ไอ้หูกางใบ-ไอ้ตูดแหลม-ไอ้ขี้มูกมาก" ให้ฟัง แต่อย่าเพิ่งเลย

            ขี้เกียจเล่าน่ะ!

            อ่านนี่ดีกว่า เห็นเขาโพสต์และแชร์หลายวันแล้ว แต่ดี คือ สปีชของโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน "Mdm. Hua  Chunying"

            เขาชื่นชมกันว่าเฉียบขาด-เฉียบคมและลึกซึ้งคู่ควรแก่การรับฟัง-รับรู้

            ผมก็ลอกมาจากเพจ "ติดตามการปฏิรูปประเทศกับหมอชูชัย" ขอบคุณท่านด้วย

            ..................................

            เธอพูดคำเหล่านี้:

            * ชาวต่างชาติที่กินข้าวจีนห้ามทุบชามจีน!

            คำเหล่านี้มีความหมายลึกซึ้งและกว้างไกล

            1.จีนจะไม่ยอมให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจีนอีกต่อไปและยังพยายามที่จะทำลายล้างจีน

            2.จีนจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติพูดเรื่องการค้าทางการเมือง

            3.อย่าบอกจีนว่าต้องทำอะไรหรือไม่ควรทำ แจ็คหม่าเป็นตัวอย่าง

            4.จีนจะไม่ยอมให้ชาวต่างชาติบรรษัทมหาเศรษฐี,  บริษัท, กองทุนที่มีอำนาจ ฯลฯ กดดันจีน ไม่ว่าทางใดก็ตาม

            นี่คือคำเตือนโดยตรงสำหรับ Goldman Sachs,  Citibank, HSBC, Apple, Samsung, Rothchilds ฯลฯ และผู้คนเช่น Soros Warren Buffet เป็นต้น

            *จีนจะไม่ยอมให้คนเหล่านี้ที่บรรพบุรุษขี้โกงวางยาพิษจีนด้วยฝิ่นอีกต่อไปและอยากให้จีนเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของตนและทำลายล้างคนทั้งประเทศ

            *บุคคลใดๆ, บริษัท, การเงินหรืออื่นๆ, องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO's) ที่โง่พอที่จะไม่เข้าใจคำพูดของ Mdm.ฮัว จะถูกโยนออกไปจากประเทศจีน

            *ผู้ที่ไม่เข้าใจสำนวนสุภาษิตหรือสำนวนจีนควรเรียนรู้วัฒนธรรมจีน

            *H & M ซึ่งเป็นบริษัทระหว่างประเทศของสวีเดน เพิ่งปิดตัวลงและไม่สามารถดำเนินการในประเทศจีนได้อีกต่อไป

            *จีนบอกกับสหรัฐฯ และตะวันตกว่า....คุณมีระบบการเมืองของคุณเอง เรามีระบบของเรา

            -หากคุณต้องการบริหารประเทศตามระบบของคุณ นั่นเป็นสิทธิ์ของคุณ

            -ในประเทศจีน เรามีกฎของเรา เราต้องการให้ลูกๆ ของเรา มีความเคารพ มีมารยาทที่ดีและเชื่อฟัง 

            นี่คือวัฒนธรรมจีน

            และเมื่อคุณอยู่ที่นี่ คุณจะต้องประพฤติเช่นเดียวกัน ถ้าไม่อย่างนั้น เราจะทิ้งคุณ!

            ครับ.....

            อ่านแล้วเป็นไง เฉียบขาด ชัดเจน เป็นการ "ส่งสัญญาณ" ถึงมิตร-อมิตรประเทศทั่วโลก ชนิด "ตรงไป-ตรงมา" จริงๆ

            -คุณมีระบบการเมืองของคุณเอง เรามีระบบของเรา

            -เราต้องการให้ลูกๆ ของเรา มีความเคารพ มีมารยาทที่ดีและเชื่อฟัง นี่คือ "วัฒนธรรมจีน"

            ใน ๒ ประเด็นนี้ ต้องบอกว่า...

            "วัฒนธรรมไทย" ก็เช่นนั้น!